พบโคตายติดกัน 3 ตัว และล้มป่วย 2 ตัว ที่ อ.บัวใหญ่ โคราช ปศุสัตว์เร่งหาสาเหตุ ป้องกันความแตกตื่น

พบโคตายติดกัน 3 ตัว และล้มป่วย 2 ตัว ที่ อ.บัวใหญ่ โคราช ปศุสัตว์เร่งหาสาเหตุ ป้องกันความแตกตื่น

            ที่บ้านเลขที่ 87 บ้านห้วยคร้อ หมู่ 5 ต.ห้วยยาง อ.บัวใหญ่ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 กันยายน นายอำนาจ  สุรินทร์ต๊ะ ปศุสัตว์อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่ปกครองได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพบโคตายจำนวน 3 ตัว โดยไม่ทราบสาเหตุ

พบนายอนุชาติ  ถมกลาง อายุ 44 ปี เจ้าของโคและเพื่อนบ้านกำลังเฝ้าดูแม่โคและลูกอ่อน ซึ่งมีอาการเชื่องซึมกินหญ้าได้น้อยกว่าปกติพร้อมจับกลุ่มพูดคุยด้วยความรู้ ความเข้าใจสันนิษฐานสาเหตุโคล้มตายรวม 3 ตัว ในระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์และป่วยอีก 2 ตัว เกิดจากโรคระบาด อาจทำให้โคของนายอนุชาติ ฯ จำนวน 10 ตัว ที่เลี้ยงรวมกับโคที่ตาย มีโอกาสติดเชื้อเพิ่มรวมทั้งขยายวงลุกลามเกิดโรคระบาดในพื้นที่ เนื่องจากในละแวกดังกล่าวมีการเลี้ยงโค-กระบือเป็นจำนวนมาก นายอำนาจ ฯ และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบโคที่ที่ล้มป่วยเป็นแม่โค อายุ 7 ปี และลูกอ่อน พบอาการเป็นไข้ อ่อนเพลีย จึงให้ยาปฏิชีวนะ ยาบำรุง โดยให้รีบเคลื่อนย้ายโคป่วยไปกักบริเวณและให้เฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดรวมทั้งพ่นยาฆ่าเชื้อโรคและให้นายอนุชาติ ฯ จัดการโรงเรือน (คอกเลี้ยงสัตว์) ให้เหมาะสม เน้นความสะอาดและลดความแออัด

นายอำนาจ ฯ ปศุสัตว์อำเภอบัวใหญ่ เปิดเผยว่า โคของนายอนุชาติ ซึ่งเลี้ยงไว้จำนวน 13 ตัว ทั้งหมดเป็นโคเนื้อ พันธุ์พื้นเมืองได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคครบถ้วย โดยเลี้ยงแบบชาวบ้านปล่อยให้โคเดินหากินหญ้าตามแปลงเกษตรกันเอง ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่มีฝนตกแทบทุกวัน นายอนุชาติ ฯ จึงกักโคไว้ในโรงเรือนและออกไปหาหญ้าที่ขึ้นตามไร่อ้อยและไร่มันสำปะหลังมาให้โคกิน ต่อมาโคตัวผู้อายุเฉลี่ย 8 เดือน ถึง 1 ปี รวม 3 ตัว ได้ล้มป่วยกะทันหันและทยอยตาย เบื้องต้นมีอาการอ่อนเพลียไม่กินหญ้าและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ลักษณะปอดติดเชื้อ เจ้าของได้นำซากไปฝังก่อนหน้านี้ จึงไม่สามารถชันสูตรพลิกศพตามหลักการสัตวแพทย์ได้ โรงเรือนที่ปลูกสร้างอยู่ใกล้ๆบ้านพักมีพื้นที่คับแคบ ไม่ได้กางมุ้งตามพื้นค่อนข้างสกปรก มีความชื้นแฉะทั้งน้ำฝนและมูลสัตว์จนส่งกลิ่นเหม็น การเป็นอยู่อย่างแออัด เมื่อมีฝนตกโคจะมายืนรวมกัน เพื่อหนีละอองน้ำฝนประกอบกับนายอนุชาติ ที่ต้องออกไปตระเวนหาหญ้าตามแปลงเกษตรกรรม โดยไม่สอบถามเจ้าของเกี่ยวกับได้ใช้ยาฆ่าหญ้าหรือไม่ ซึ่งหญ้าอาจมีสารพิษตกค้าง เมื่อโคกินอาจทำให้ล้มป่วยตาย ส่วนโคของชาวบ้านที่เลี้ยงในละแวกใกล้เคียง เบื้องต้นยังมีสุขภาพ แข็งแรง เนื่องจากได้จัดการโรงเรือนเหมาะสม เพื่อป้องกันโรคและไม่ให้เกิดความแตกตื่น ตนได้ชี้แจงให้ความรู้ทำความเข้าใจกับผู้นำชุมชนและเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือในหมู่บ้าน เน้นการจัดการโรงเรือนให้เหมาะสมและการเฝ้าดูพฤติการณ์โค-กระบือ ส่วนสาเหตุการป่วยและตาย เบื้องต้นไม่ใช่โรคระบาดอย่างแน่นอน อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง

เมืองโคราชผุดโครงการ “รถรางเพื่อน้อง” บริการฟรี! หวังแก้ปัญหารถติดชั่วโมงเร่งด่วนบนถนนมิตรภาพ

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ  “รถรางเพื่อน้อง” โดยมีตัวแทนจากตำรวจภูธรภาค 3 เทศบาลนครนครราชสีมาและบริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ร่วมเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ ณ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช

พันตำรวจโท โกสินทร์ สะอาดวงศ์ รองผู้กำกับการจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา เผยว่า “จากแนวคิดของ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ร่วมกับ เทศบาลนครนครราชสีมา จัดทำโครงการ “รถรางเพื่อน้อง” หวังแก้ปัญหาการจราจรบนถนนมิตรภาพในช่วงเวลา 07.00-08.00 น. โดยเส้นทางนี้มีสถานศึกษาขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณดังกล่าวถึง 4 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา,โรงเรียนเมืองนครราชสีมา, โรงเรียนสุรนารีวิทยา และวิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา ซึ่งมีนักเรียน นักศึกษา รวมกันทั้ง 4 แห่งกว่า 20,000 คน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้ปกครองต้องเดินทางไปส่งนักเรียน นักศึกษา ส่งผลให้มีปริมาณรถบนท้องถนนมากและทำให้รถติด โดยเฉพาะเส้นทางสี่แยกตลาดประปาไปจนถึงบริเวณสามแยกถนนสุรนารายณ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา จากการดำเนินโครงการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มีสถิตินักเรียนใช้บริการนับตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2561 ถึง5 กันยายน 2561 จำนวนทั้งสิ้น 10,542 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 4,180 คน และช่วงเย็น 6,362 คน ทำให้ปริมาณนักเรียนที่ใช้บริการรถรางเฉลี่ยอยู่ที่ 211 คน/วัน โดยกระแสตอบรับจากนักเรียนและผู้ปกครองเป็นไปในทิศทางที่ดี และต้องการให้ขยายโครงการเพิ่มเติม

นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมากล่าวเสริมว่า “แรกเริ่มโครงการได้จัดรถราง จำนวน 3 คันและภายหลังได้รับการสนับสนุนรถรางจากห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราชอีก 2 คัน ทำให้ปัจจุบันมีรถรางไว้บริการรับ-ส่ง ไปยังสถานศึกษาทั้ง 4 แห่ง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นจำนวน 5 คัน ซึ่งรองรับนักเรียน นักศึกษาได้ 220 คน/ครั้ง ให้บริการรับ-ส่ง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ แบ่งเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบเช้า เวลา 07.20 น. และรอบเย็น เวลา16.40 น. ใช้เวลาเดินทางเฉลี่ย 5-7 นาที/ครั้ง เดินทางไป-กลับ ระหว่างจุดจอดบริเวณหน้าเดอะมอลล์โคราชและจุดจอดโรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนบริเวณหน้าสถานศึกษาให้ยานพาหนะที่สัญจรผ่านบริเวณหน้าโรงเรียนสามารถขับขี่ได้อย่างสะดวก ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปส่งบุตรหลานและเป็นการช่วยลดการใช้พลังงาน ลดมลภาวะจากควันรถ อีกทั้งเพื่อเปิดทางให้รถพยาบาล รถกู้ภัย หรือรถของประชาชนในการลำเลียงผู้ป่วยสามารถใช้เส้นทางนี้ไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้อย่างสะดวกและรวดเร็วอีกด้วย”

ด้านนายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด เผยว่า “รถรางเพื่อน้องเป็นโครงการที่ดี สามารถลดปัญหาการจราจรติดขัดได้จริง โดยเดอะมอลล์โคราชให้การสนับสนุนรถ shuttle bus จำนวน 2 คัน และพื้นที่ในการรับ-ส่ง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดเส้นทางอย่างเต็มที่ อีกทั้งผู้ปกครองสามารถวางใจได้เพราะทุกที่นั่งได้ทำประกันชีวิตกับไทยประกันชีวิตโดยมีระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2561- 28 มิถุนายน 2562 คิดเป็นเงินคุ้มครองจำนวน 10 ล้านบาท และด้วยสถานที่อันเป็นศูนย์กลางของผู้ปกครอง มีความสะดวกสบายที่เดอะมอลล์โคราชจะสามารถมอบให้ได้ เป็นการสร้างความปลอดภัย ความตรงต่อเวลาและประหยัดเวลาในการรับส่งบุตรหลานของพี่น้องชาวโคราช ทางเดอะมอลล์โคราชก็ยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนครับ”

แก่งท่าจักจั่นเรไร สถานที่ท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชน อ.ครบุรี

แก่งท่าจักจั่นเรไร  สถานที่ท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชน อ.ครบุรี

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวออระยา เหลืองกระโทก กำนันตำบลจระเข้หิน พร้อมผู้นำชุมชนและชาวบ้านร่วมกันออกสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า แก่งท่าจักจั่นเรไร – วังกระทะ ท้องที่บ้านตลิ่งชัน หมู่ที่ 11 ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เพื่อเตรียมผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถทำกิจกรรมทางน้ำอีกแห่งของอำเภอครบุรี ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชม สร้างรายได้ให้กับชุมชนในท้องถิ่น โดยแก่งท่าจักจั่นเรไร – วังกระทะ นั้น ต้องเดินทางจากตัวอำเภอครบุรี มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกประมาณ 30 กิโลเมตรจะถึงบ้านตลิ่งชัน จากนั้นต้องเดินทางจากบ้านตลิ่งชันไปยังแก่งท่าจักจั่นเรไร อีกประมาณ 6 กิโลเมตร  ก็จะถึงจุดล่องแก่ง ซึ่งเป็นลำธารซึ่งเป็นต้นน้ำที่ก่อกำเนิดสายน้ำไหลลงสู่เขื่อนมูลบน และเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำมูล มีสภาพแก่งลานหินน้ำไหลหลากผ่านแต่ไม่เชี่ยวและลึกมากนัก  เหมาะสำหรับการล่องแก่ง

โดยทีมสำรวจได้นำเอาห่วงยางและสวมเสื้อชูชีพล่องไปยังลำธารจากแก่งท่าจักจั่นเรไร ไปจนถึงแก่งวังกระทะ ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที  ตลอดระยะทางของการล่องแก่ง จะมีอุปสรรคต่างๆที่นักท่องเที่ยวจะได้เผชิญทั้งโขดหิน และอุโมงค์ต้นไม้ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัยและความท้าทายอย่างมาก  ซึ่งหลังจากนี้ทางชุมชนจะได้มีการเข้าไปปรับสภาพลำธารให้มีความปลอดภัยเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปท่องเที่ยวได้โดยสะดวก

นางสาวออระยา เหลืองกระโทก กำนันตำบลจระเข้หิน กล่าวว่า แก่งท่าจักจั่นเรไร – วังกระทะ เป็นลำธารต้นกำเนิดของแม่น้ำมูล มีความสวยงามและเหมาะสมสำหรับการล่องแก่งอย่างมาก หลังจากนี้ทางชุมชนจะช่วยพัฒนาปรับพื้นที่เพื่อให้เหมาะสมกับการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวก็จะเป็นช่วงหน้าฝน เพราะปริมาณน้ำจะมีมากและไหลเชี่ยวให้พอล่องแก่งได้  ซึ่งหากนักท่องเที่ยวท่านใดสนใจที่จะเดินทางมาเยี่ยมชมและร่วมล่องแก่งช่วงนี้  ขอให้ประสานทางผู้นำชุมชนในพื้นที่เพื่อที่จะได้จัดเตรียมการรักษาความปลอดภัย เพราะยังอยู่ในช่วงการเปิดตัวและพัฒนาพื้นที่   ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

วันบุพการีวัดมะเกลือใหม่ประจำปี2561ครั้งที่ 1มอบทุนการศึกษาส่งเคราะห์จำนวน 150 ทุนฉลองรางวัลญาณสังวร “คนดีศรีสยาม”

วันบุพการีวัดมะเกลือใหม่ประจำปี2561ครั้งที่ 1มอบทุนการศึกษาส่งเคราะห์จำนวน 150 ทุนฉลองรางวัลญาณสังวร “คนดีศรีสยาม”

วันที่ 9 กันยายน2561ณ.ศาลาสักไม้ตำบลมะเกลือใหม่ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา   การจัดทำบุญวันบุพการีวัดมะเกลือใหม่ประจำปี2561ครั้งที่ 1และทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ 51 ปีพระครูปัครั้งที่ 1ญญาวัฒนกิจรองเจ้าคณะอำเภอสูงเนิน รองเจ้าคณะอำเภอสูงเนินมอบทุนการศึกษาส่งเคราะห์จำนวน 150 ทุนฉลองรางวัลญาณสังวร “คนดีศรีสยาม”โดยท่านประเสริฐ จันทรรวงทอง ประธานและคณะ

เมื่อเวลา 9 นาฬิกาสาธุชนพร้อมกันที่ณ.ศาลาไม้สัก วัดมะเกลือใหม่มีพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูปประจำอาสนสงฆ์ ตั้งประเสริฐ จันทรรวงทองอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย

พระครูปัญญาวัชรกิจรองเจ้าคณะอำเภอสูงเนินจุดธูปเทียนบูชาอดีตบุพการีวัดมะเกลือใหม่ทายกนำพาไหว้พระสมาทานศีลจากนั้นประธานสงฆ์ให้พร กรวดน้ำรับพรและอุทิศส่วนกุศลให้บุพการีวัดมะเกลือใหม่ต่อมาพระครูปัญญาวัชรกิจรองเจ้าคณะอำเภอสูงเนินได้มอบทุนการศึกษาจำนวน 150 ทุนแด่นักเรียนและคณะสงฆ์ที่ร่วมรับทุนการศึกษาและกลุ่มสตรีแม่บ้านได้รำอวยพรอายุวัฒนมงคลครบ 51 ปีต่อจากนั้นท่านประเสริฐ จันทรรวงทอง ประธานได้อ่าน ประกาศรางวัลญาณสังวรคนดีศรีสยามพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญชัยมงคลคาถานายกนำอาราธนาพระปริตร์ ในเวลาต่อมาได้เข้าสู่พิธีสู่ขวัญอายุวัฒนมงคลครบ 51ปี รับของที่ระลึกเป็นอันเสร็จพิธี

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อมาว่า ผู้ทอดผ้าบังสุกุลมีรายชื่อดังนี้ ท่านประเสริฐ จันทรรวงทองรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงคมนาคม สจ.รักชาติ กิริวัฒนศักดิ์ นายสมพงษ์ชัยเฉลิมนายกองค์การบริหารส่วนตำบลมะเกลือใหม่นายเอกชัยพรหมพันธ์ใจนายกองค์การบริหารส่วนตำบลมะเกลือใหม่พันโทหญิงชุติมาภรณ์ เตชะเสนนายกกิ่งกาชาดอำเภอสูงเนิน นายหิรัน พรหมพันธ์ใจ กำนันตำบลมะเกลือใหม่ นางชะลอ เสาะสูงเนินผู้ใหญ่บ้านมะเกลือใหม่หมู่ 12 นางพรรณี มุ่งปั่นกลางผู้ใหญ่บ้านมะเกลือใหม่หมู่ 1นายคำพวน เปินสูงเนิน  ผู้แทนอุบาสิกาวัดมะเกลือใหม่ แม่ครูบุญมี แท้สูงเนินผู้แทนอุวาสิกาวัดมะเกลือใหม่     และรายชื่ออุปการีอุทิศส่วนกุศลให้แก่พระครูศาสนการบริรักษ์อดีตเจ้าคณะอำเภอสูงเนินกิตติมศักดิ์พระอุปัชฌาย์บวชสามเณรพระครูวรรณการโกวิทอดีตเจ้าคณะอำเภอสูงเนินพระอธิการสิงห์ชาติศิริอดีตเจ้าอาวาสวัดมะเกลือใหม่พ่อประยงค์ เชื้อสูงเนินอดีตทายกวัดมะเกลือใหม่พลตำรวจตรีอุทัยแม่ลูกจันทร์หิรัญเกิดอดีตผู้มีอุปการะคุณวัดมะเกลือใหม่พ่อหนูสิน สาสูงเนินอดีตไวยาวัจกรวัดมะเกลือใหม่แม่ทองปาน เป่ย คำภาโยมอุปถัมภ์วัดมะเกลือใหม่พ่อหน่าย แม่ตอง พึ่งสูงเนิน(โยมพ่อโยมแม่ ท่านพระครูปัญญาวัชรกิจ)

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนโรงเรียนธงชัยเหนือวิทยา(โคกศิลา)โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา CPF

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนโรงเรียนธงชัยเหนือวิทยา(โคกศิลา)โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา CPF

(คุณทวีสิน คุณากรพิทักษ์กุลรองกรรมการผู้จัดการบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน ) กล่าว)           โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา CPF ได้ประชุมผู้บริหารระดับสูงและพนักงานผู้รับผิดชอบโครงการเพื่อพิจารณาและกรอบการทำงานนะปีหรือจะหารือร่วมกับโรงเรียนและคณะกรรมการโครงการเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติการจริงและประเมินผลตามเป้าหมายทั้งนี้ซีพีเอให้ความสำคัญด้านการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมตามกลยุทธ์สามเสาหลักสู่ความยั่งยืนด้วยความมั่นคงสังคมพึ่งตนและกินน้ำป่าคงอยู่เพื่อขับเคลื่อนบริษัทสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสให้เข้าถึงอาหารดีมีคุณภาพทางโภชนาการการนำความรู้ความสามารถส่งการและความเชี่ยวชาญด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารมาถ่ายทอดให้กับโรงเรียนและนักเรียนผ่านโครงการไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนอกจากส่งเสริมการสร้างแหล่งผลิตวัตถุดิบดี CPF ยังมีขยายผลการสร้างโอกาสสู่ชุมชนโดยมีนักเรียนเป็นสื่อกลางในการนำความรู้และประสบการณ์การเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชโรงเรียนไปถ่ายทอดให้ครอบครัวเพื่อสร้างรายได้เสริมตามเป้าหมายการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนสู่ความอยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืน

 

วันที่ 7กันยายน2561ณ โรงเรียนธงชัยเหนือวิทยา(โคกศิลา) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมาเขต 3 การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนร่วมพัฒนาและท่านผู้มีเกียรติผู้บริหารคุณครูนักเรียนผู้ปกครองชุมชนพร้อมกันที่หอประชุมโรงเรียนธงชัยเหนือวิทยาโคกศิลาเวลา 10.00 น.รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์อุดม คชินทรและคณะมาถึงโรงเรียนนักเรียนมอบมาลัยกรแต่รัฐมนตรีช่วยว่าการศึกษาธิการและคณะดร.กิตติ พงษ์โด่งพิมายผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมาเขต 3  คุณทวีสิน คุณากรพิทักษ์กุลรองกรรมการผู้จัดการบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด(มหาชน ) นายวิสูตร ชัชวาลวงศ์นายอำเภอปักธงชัยกล่าวต้อนรับ นายเมธี คอบตะขบผู้อำนวยการโรงเรียนธงชัยเหนือวิทยา(โคกศิลา)กล่าวต้อนรับ เด็กหญิงบัณฑิตา ภูมีกล่าวเชิญรับชมการนำเสนอ VTR แนะนำโรงเรียนธงชัยเหนือวิทยา(โคกศิลา)

(นายวิสูตร ชัชวาลวงศ์นายอำเภอปักธงชัยกล่าว)จังหวัดนครราชสีมามีจำนวนทั้งสิ้น 32 อำเภอเรียกได้ว่าเป็นประตูแห่งภาคอีสานเป็นเมืองใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งในการผลิตและการลงทุนทางด้านอุตสาหกรรมเกษตรพาณิชยกรรมรวมทั้งการท่องเที่ยวและโบราณสถานคำขวัญจังหวัดนครราชสีมาเมืองหญิงกล้าผ้าไหมดีหมี่โคราชปราสาทหินดินด่านเกวียนและจังหวัดนครราชสีมาปีการศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมาเขต 1- 7สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมาเขต 31 จำนวนทั้งสิ้น 1,395แห่งและในส่วนการศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมาเขต 3 มีจำนวน 1 แห่งการศึกษาของสถานศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพมีสัมมาชีพดำรงชีวิตอย่างเป็นสุขตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการเปลี่ยนแปลงของโลกในทศวรรษที่ 21 คือต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนด้านการศึกษามีหน้าที่ภารกิจในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเช่นเดียวกันโดยกระทรวงศึกษาธิการมีโครงการพัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการศึกษาในรูปแบบโรงเรียนร่วมพัฒนาและโรงเรียนธงชัยเหนือวิทยาโคกศิลาอำเภอปักธงชัยจังหวัดนครราชสีมาแห่งนี้เป็นโรงเรียนหนึ่งในโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนคือบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัดมหาชนในการบริหารหารจัดการร่วมพัฒนาและสมุนจนเกิดความสำเร็จด้านทักษะอาชีพโครงการเห็ดนางฟ้าเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสร้างรายได้ให้แก่นักเรียนโรงเรียนธงชัยเหนือวิทยาโคกศิลาและชุมชนเป็นการพัฒนาสู่ความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนในโอกาสนี้กระผมในนามคณะข้าราชการและพี่น้องประชาชนจังหวัดนครราชสีมาขอต้อนรับท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์อุดมคชินทรและคณะด้วยความยินดียิ่ง

( นายเมธี คอบตะขบผู้อำนวยการโรงเรียนธงชัยเหนือวิทยา(โคกศิลา)กล่าว)โรงเรียนธงชัยเหนือวิทยาโคกศิลาได้ดำเนินการจัดกระบวนการเรียนการสอนตามแนวทางการปฏิรูปการศึกษาเป็นหนึ่งในโรงเรียนคอนเนคอีดีโดยมีบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด(มหาชน)หรือซีพีเอฟเป็นพี่เลี้ยงสัตว์งบประมาณโครงการเห็ดนางฟ้าเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยงบประมาณ 159,000บาทการยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและสามารถนำไปสร้างวิชาชีวิตติดตัวได้ในอนาคตซึ่งโรงเรียนได้รับการคัดเลือกในการร่วมโครงการต่างๆเช่นโครงการโรงเรียนสุจริตโครงการโรงเรียนดีศรีตำบลโครงการโรงเรียนประชารัฐและโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาปีการศึกษา 2561บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัดมหาชนได้พิจารณาคัดเลือกโรงเรียนร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาซึ่งเป็นหนึ่งในห้าสิบโรงเรียนทั่วประเทศเพื่อเสนอนโยบายดังกล่าวโรงเรียนธงชัยเหนือวิทยาโคกศิลาร่วมกันกับบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัดมหาชนดำเนินการวางแผนพัฒนาร่วมกันตามลำดับต่อไปนี้ 30 เมษายน 2561 โรงเรียนได้รับการคัดเลือกจากบริษัทโภคภัณฑ์อาหารจำกัด(มหาชน)เข้าร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา 4 มิถุนายน  2561ผู้จัดการโรงเรียนเข้าร่วมฟังการมอบนโยบายเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 5 มิถุนายน 2561 ผู้จัดการโรงเรียนร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อความเข้าใจณ.ตึกสันติไมตรีทำเนียบรัฐบาล7 มิถุนายน 2561 ประชุมคณะครูชี้แจงทำความเข้าใจการร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา 19 กรกฎาคม 2561 ผู้อำนวยการโรงเรียนเข้าร่วมการประชุมทางวิชาการเรื่องโรงเรียนรวมพัฒนาขับเคลื่อนจากภาคเอกชนจัดโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาเป็นต้น      เวลา 11.00น.ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์อุดม คชินทรรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการคณะกรรมการภาคเอกชนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและคณะผู้บริหารเยี่ยมชมนิทรรศการระดับชั้นประถมศึกษาอาคารเรียน 4 เยี่ยมชมพื้นที่โครงการเห็ดนางฟ้าเพื่อพัฒนาพัฒนาคุณภาพชีวิตเยี่ยมชมเทศกาลระดับมัธยมศึกษาอาคารเรียน 1

กฟภ.พลักดันการใช้พลังงานภาคอุตสาหกรรมระบบอัจฉริยะ

กฟภ.สนับสนุนการใช้พลังงานและอาคารอัจฉริยะให้ภาคอุตสาหกรรมในโคราชนำบริษัทชั้นนำร่วมโปรโมชั่น งานไทยแลนด์ ไลท์ติ้ง แฟร์ และไทยแลนด์ บิลดิ้ง แฟร์
นครราชสีมา – วันที่7กันยายน 2561 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ร่วมกับ เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต และดิ เอ็กซ์ซิบิส เดินสายจัดโรดโชว์และเสวนาในหัวข้อ “ เทคโนโลยีบริหารการจัดการพลังงาน เพื่อลดต้นทุนพร้อมสู้ยุคอุตสาหกรรม 4.0”
การจัดโชว์และเสวนาดังกล่าวได้รับเกียรติจาก นายวิจารณ์ คลังบุญครอง ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมและบริการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นประธานในการเปิดงาน
ด้วยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่วมกับ เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต และบริษัท ดิ เอ็กซ์ซิบิส จำกัด ได้กำหนดจัดงาน ไทยแลนด์ ไลท์ติ้ง แฟร์ 2018 (Thailand Lighting Fair 2018) งานแสดงนวัตกรรมไฟฟ้าแสงสว่างที่ครบวงจรที่สุดในอาเซียน และงาน ไทยแลนด์ บิลดิ้ง แฟร์ 2018 (Thailand Building Fair 2018) งานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้านอาคารและการก่อสร้างแห่งภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นพร้อมกับงานซีเคียวเทค ไทยแลนด์ 2018 (Secutech Thailand 2018) งานแสดงเทคโนโลยีด้านระบบรักษาความปลอดภัย สมาร์ทโฮม และการป้องกันอัคคีภัย ระหว่างวันที่ 8 – 10 พฤศจิกายน 2561 ณ ฮอลล์ 102 – 104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ภายใต้แนวคิดร่วม Smart City. Safe City
เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การจัดงานฯ คณะผู้จัดงานฯ จึงได้กำหนดจัดกิจกรรมโรดโชว์ที่จังหวัดนครราชสีมา ภายในงานฯ ได้รับเกียรติจาก นายสำเริง ขยายกลาง ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครราชสีมา กล่าวรายงานในครั้งนี้ ซึ่งท่านจะได้รับทราบถึงศักยภาพของประเทศไทยกับการเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีเพื่ออาเซียน รายละเอียดของงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีนานาชาติ ที่จะเป็นเวทีสำคัญในการเจรจาธุรกิจ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี โซลูชั่นส์ ผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้อง เพื่อผู้ประกอบการมืออาชีพในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ใน โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์นครราชสีมา
โอกาสเดียวกันขอเชิญรับฟังการเสวนาในหัวข้อ “เทคโนโลยีบริหารจัดการพลังงานเพื่อลดต้นทุน พร้อมสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0” โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา , การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตัวแทนจากคณะผู้จัดงาน รวมทั้งตัวแทนจากบริษัท เน็กซ์ อินโนเทค จำกัด และ บริษัท เซร่าฟิม โซล่าร์ ซิสเท็ม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ประกอบการด้านไฟฟ้าแสงสว่าง ไฟฟ้าอัจฉริยะ และพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อโอกาสการจับคู่ธุรกิจต่อไป

พบแล้ว ‘ครูโตโต้’ มือโพสต์ด่าเด็กร้อยมาลัยไม่สวย ไหว้ขอโทษสังคมทำไปเพราะอยากให้ผลงานออกมาดี ด้านผู้ปกครองให้อภัย

พบแล้ว ‘ครูโตโต้’ มือโพสต์ด่าเด็กร้อยมาลัยไม่สวย ไหว้ขอโทษสังคมทำไปเพราะอยากให้ผลงานออกมาดี  ด้านผู้ปกครองให้อภัย มี ผอ.และผู้นำชุมชน ร่วมรับฟัง>>> มีคลิ๊ป<<<

            สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 ‘เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ return’ ได้แคปข้อความและรูปภาพจากโพสต์ของชายที่เป็นข้าราชการครูคนหนึ่ง ได้โพสต์รูปภาพเด็กนักเรียนยืนถือพวงมาลัยกร พร้อมระบุข้อความว่า “ร้อยได้เหี้ยมากนักเรียน วันนี้ร้อยไม่ผ่าน พวกมึงนั่งร้อยอยู่นี่แหละ จนกว่าจะถึง 2 ทุ่ม” เป็นการโพสต์ภาพนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 จำนวน 3 คน และพิมพ์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย

หลังจากเรื่องดังกล่าวเผยแพร่ออกไปในโลกโซเชียล ทำให้ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของบุคคลที่เป็นข้าราชการครูรายนี้เป็นอย่างมาก จนถึงขั้นมีการตามเข้าไปคอมเม้นต์ด่าถึงในเฟซบุ๊กส่วนตัว อีกทั้งเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return เอ่ยไว้ว่าหากไม่มีการสอบวินัยผู้โพสต์จะตามไปแฉไปจนถึงเมืองโคราชจนกว่าจะนำตัวไปสอบให้ได้ อย่างไรก็ตาม โพสต์ต้นฉบับนั้นได้ถูกลบออกไปแล้ว ต่อมาทางครูคนดังกล่าวก็ได้โพสต์ข้อความความข้อโทษต่อสังคมถึงการกระทำที่ได้โพสต์ข้อความไม่เหมาะสมลงไป

ล่าสุด วันที่ 5 กันยายน 2561 ที่ โรงเรียนชาติวิทยา หมู่ที่ 9 บ้านหนองซาด ตำบลหนองขาม อำเภอจักราช จังหวัดนคราชสีมา เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 นายสมเกียรติ  พึ่งจันดา ผู้อำนวยการโรงเรียนชาติวิทยา พร้อมด้วย ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้ปกครองเด็กนักเรียนทั้งสามคน และ นายมงคล โคตรชัง หรือ ครูโตโต้ ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย สอนวิชาภาษาอังกฤษ ครูผู้ที่โพสต์ข้อความไม่เหมาะสมร่วมชี้แจง โดยฝ่ายผู้ปกครองนักเรียนไม่ติดใจเอาความพร้อมให้อภัยครูถือว่าเป็นบทเรียน อาจทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากครูโตโต้เป็นคนทำงานดี สอนดี และจริงจังกับงาน และมีฝีมือในงานร้อยมาลัยงานฝีมือจึงได้ให้ช่วยดูเรื่องดังกล่าว ซึ่งเรื่องที่โพสต์ไปอาจเครียดกดดัน เพราะอยากให้งานร้อยมาลัยนักเรียนออกมาดี เนื่องจากสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เด็กนักเรียนทั้งสามคนต้องไปแข่งประกวดศิลปหัตถกรรมระดับจังหวัด จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้จับมือกันและไหว้เป็นการขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น

นายสมเกียรติ  พึ่งจันดา  ผู้อำนวยการโรงเรียนชาติวิทยา กล่าวว่า  เมื่อช่วงเช้าทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่มาสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ทางครูมงคลก็ยอมรับว่าโพสต์ไปด้วยอารมณ์ แต่ไม่มีเจตนาจะว่ากล่าวนักเรียนเลย จากนั้นทางศึกษาธิการจังหวัดจึงได้สรุปแนวทาง โดยให้ผู้อำนวยการลงโทษครูมงคลโดยว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อจะได้ไม่ให้ครูมงคลกระทำความผิดซ้ำอีก และครูมงคลเองก็สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก และทางฝ่ายผู้ปกครองและนักเรียนเองก็ให้อภัยสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากครูมงคลเป็นคนตั้งใจทำงานและอาจจะพลั้งเผลอผิดไปในครั้งนี้ และทางฝ่ายผู้นำชุมชนและคณะกรรมการสถานศึกษาก็เห็นใจครูที่มีความมุ่งมั่นที่จะพานักเรียนแข่งขันในการประกวดศิลปหัตถกรรมร้อยมาลัยระดับจังหวัด แต่ก็ได้ตักเตือนให้ผู้อำนวยการดูแลบุคลากรด้านความประพฤติ เพราะครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กและสังคม

ทางด้าน นายมงคล โคตชัง หรือ ครูโตโต้ ผู้โพสต์ข้อความไม่เหมาะสม ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย สอนวิชาภาษาอังกฤษ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนเองรู้สึกเสียใจมาก เพราะว่าแค่เวลา 3-4 นาทีที่โพสต์ข้อความไปในเฟสบุ๊ก ไม่คิดว่าจะทำให้ข่าวแพร่กระจายมากขนาดนี้ ตนเองรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นมากในการใช้โซเชียลอย่างขาดสติ และรู้สึกเสียใจแทนผู้ปกครองและนักเรียนที่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ รวมถึงวงการการศึกษาที่ตนเองทำให้วงการครูต้องเสียชื่อเสียง ก็อยากขอโทษสังคมอยากให้สังคมให้อภัย สิ่งที่ผมทำลงไปเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อ และขอให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้กับตนเองและกับผู้ที่จะใช้โซเชียลให้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนโพสต์เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาแบบตนเอง

             

ประชาชนโคราช!!แห่ฟังและเสนอแบบสถานีไม่สะใจวัยรุ่นในการจัดเวทีเสวนาแนะนำโครงการ และรับฟังข้อเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หนองคาย

ประชาชนโคราช!!แห่ฟังและเสนอแบบสถานีไม่สะใจวัยรุ่นในการจัดเวทีเสวนาแนะนำโครงการ และรับฟังข้อเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หนองคาย

วันที่ 5 กันยายน 2561 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดโครงการ  การศึกษาผลกระทบทางสังคมจากการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หนองคาย กิจกรรม : การจัดเวทีเสวนาแนะนำโครงการ และรับฟังข้อเสนอแนะ ณ หอประชุมอนุสรณ์ 70 ปี โดยได้รับเกียรติจาก

นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดโครงการ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร ฝอยพิกุล อธิการบดี กล่าว พลโทจเรศักณิ์ อานุภาพ สมาชิกสภานิติบัณฑิตแห่งชาติ และ ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม

โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ-หนองคาย โดย นายธนพล จรัลวณิชวงศ์ พร้อมด้วย นายพณา ศุภฐิติพงศ์ สำนักงานโครงการพัฒนาระบบราง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อาจารย์ทศวรรณ นิจพาณิชย์ นายเจษฎา นาวาสิทธิ์ ที่ปรึกษาการรถไฟแห่งประเทศไทย และ นายปราการ ภูมิผล วิศวกรโครงการ

การจัดโครงการการศึกษาผลกระทบทางสังคมฯ ครั้งนี้ สืบเนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบาย

ดำเนินโครงการภายใต้ความร่วมมือพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน เส้นทางกรุงเทพ-หนองคาย ระยะทาง 837 กิโลเมตร ที่เป็นการเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งโครงการดังกล่าวอาจะส่งผลกระทบเชิงบวกและลบ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่าน บริเวณสถานีรถไฟ จังหวัด และอำเภอที่สถานีรถไฟตั้งอยู่

ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จึงร่วมกับ จังหวัดนครราชสีมา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น สนับสนุนโดย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ทำการศึกษา

วิจัยผลกระทบจากการดำเนินโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพ-หนองคาย 5 ประเด็นหลัก คือ  สถานภาพปัจจุบัน (Existing Condition) ของพื้นที่ที่รถไฟวิ่งผ่าน และบริเวณโดยรอบสถานี

ผลกระทบด้านการก่อสร้างและบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป  ผลกระทบด้านการค้าการลงทุน  ผลกระทบด้านการท่องเที่ยวและบริการ และ ผลกระทบด้านการเคลื่อนย้ายประชากร โดยจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในจังหวัดและอำเภอตลอดเส้นทางที่รถไฟวิ่งผ่านและบริเวณที่สถานีรถไฟตั้งอยู่ ทั้งการสอบถาม สัมภาษณ์ จัดกิจกรรมสนทนากลุ่ม (Focus Group) รวมทั้งการจัดเวทีเสวนารับฟังความคิดเห็น เพื่อประมวลผลข้อมูลในภาพรวม พร้อมจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับรัฐบาล หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผน และจัดเตรียมมาตรการรับรองผลกระทบที่เกิดขึ้นในอนาคต ปิดท้ายด้วยการเปิดเวทีเสวนาซักถามและรับฟังข้อเสนอแนะการดำเนินโครงการ

แม่ร้องสื่อ อ้างลูกชายโดนตำรวจรุมทำร้ายปางตาย!!!!

แม่ร้องสื่อ อ้างลูกชายโดนตำรวจรุมทำร้ายปางตาย  เบื้องต้นแพทย์บอกญาติทำใจ คนเจ็บอาจเป็นอัมพาตตลอดชีวิต>>>มีคลิป<<<

                วันที่ 2 กันยายน 2561 จากกรณี นางฉวีวรรณ ประตูชัย ชาวบ้านส่วย อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เข้าร้องต่อสื่อ กรณี เรื่อง ลูกชายชื่อ นายสยาม โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา จำนวน 2 นาย รุมทำร้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561ที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าสาเหตุมาจากเรื่องอะไร นางฉวีวรรณยังเผยอีกว่าขณะที่ทางด้านแพทย์ผู้รักษา นายสยาม บุตรชาย ได้บอกกับทางตนว่าให้ทำใจ เพราะบุตรชายที่โดนทำร้ายนั้นอาการรุนแรงโดยเฉพาะที่บริเวณต้นคอ โดยจากผลเอ็กซเรย์กระดูกต้นคอแตกและทับเส้นประสาททำให้ ซีกบนของร่างกายอาจจะขยับไม่ได้ตลอดชีวิต

ขณะนี้ทางผู้บาดเจ็บได้นอนรอผลเพื่อรับการผ่าตัดภายในห้องไอซียู โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และภายใน 2-3 วันนี้ ตนจะได้เดินทางเข้าร้องเรียนที่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอพิมาย ต้นสังกัดของตำรวจที่ได้รุมทำร้ายลูกชาย เพื่อให้ลูกชายได้รับความเป็นธรรม

นางฉวีวรรณ ประตูชัย กล่าวว่า ทางตนเองอยากจะขอความเป็นธรรมให้ลูกชายผ่านทางสื่อท้องถิ่น  เนื่องจากว่าลูกชายโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจ(คาดว่าเป็นตำรวจสายตรวจ) จำนวน 2 นาย ขี่รถจักรยานยนต์ประกบรถจักรยานยนต์ของลูกชายล้มและจากนั้นได้ตรงมาทำร้ายร่างกาย ซึ่งจากการสอบถามลูกชายผู้บาดเจ็บได้ความว่า ‘ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดทำร้ายด้วย โดยผู้บาดเจ็บยังได้กล่าวถ้อยคำว่า ‘ผมเจ็บแล้ว เจ็บกระดูกแล้ว’ แต่ทางตำรวจก็ไม่หยุดทำร้าย (ทำร้ายโดยการกระทืบ) สาเหตุคาดว่าน่าจะขอตรวจค้นบางอย่าง แต่ลูกชายก็ไม่กล้าจอดกลัวเป็นพวกมิจฉาชีพเพราะเส้นทางนั้นมันมืดและเปลี่ยวมากประกอบกับมืดแล้ว หลังจากที่โดนทำร้ายนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย คาดว่าทางตำรวจที่ทำร้ายคงได้เรียกรถพยาบาลพิมายมารับตัวไปรักษา แต่ผู้บาดเจ็บมารู้สึกตัวก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว แต่ทางโรงพยาบาลอำเภอพิมายตรวจเบื้องต้นพบว่า ผู้บาดเจ็บอาการหนักมาก จึงประสานไปทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาเพื่อรักษาต่อไป

นางฉวีวรรณ ประตูชัย กล่าวอีกว่า ทางด้านแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาผู้รักษา นายสยาม บุตรชายที่โดนทำร้าย ได้บอกกับทางตนว่าให้ทำใจ แต่สภาพแรกที่เห็นลูกชายโดนทำร้ายอยู่ในห้องไอซียู ต้องใส่ที่ดามคอเยอะไปหมดถึงกับรับสภาพลูกชายไม่ได้ เพราะบุตรชายที่โดนทำร้ายนั้นอาการรุนแรงมาก โดยเฉพาะที่บริเวณต้นคอโดยจากผลเอ็กซเรย์พบว่า กระดูกต้นคอแตกและทับเส้นประสาททำให้ ซีกบนของร่างกายอาจจะขยับไม่ได้ตลอดชีวิต แต่ทั้งนี้ก็รอการผ่าตัดเผื่ออาจจะมีปาฏิหาริย์กับลูกชายให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง เพราะลูกชายตนเองทำมาหากินเป็นเสาหลักคนหนึ่งให้กับครอบครัว ปัจจุบันตนเองก็มีโรคประจำตัวทั้งโรคประสาทและโรคหัวใจตอนนี้เครียดมากกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนเรื่องคดีก็คงจะต้องเดินทางไปที่ สภ.พิมายภายใน 2-3 วันนี้ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพิมายให้ดำเนินคดีกับ 2 ตำรวจที่ทำร้ายลูกชายตนเองให้ได้รับความเป็นธรรมถึงที่สุด เพราะตำรวจ 2 นายนี้ทำเกินกว่าเหตุจริงๆทำให้ลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัสและอาจพิการตลอดชีวิต ส่วนความคืบหน้าอย่างไรทางทีมข่าวจะรายงานให้ทราบในคราวต่อไป

Cr.โคราชอินไซด์

ชาวบ้านถ่ายคลิปกลุ่มคนร้ายแอบขโมยมะพร้าวในสวนน้ำบุ่งตาหลั่ว คาดก่อเหตุประจำไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ชาวบ้านถ่ายคลิปกลุ่มคนร้ายแอบขโมยมะพร้าวในสวนน้ำบุ่งตาหลั่ว คาดก่อเหตุประจำไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า สามารถถ่ายคลิปภาพ กลุ่มคนใช้รถจักรยาน และรถจักรยานยนต์ คาดว่า รวมตัวกันเป็นแอบขโมยของออกจาก สวนน้ำเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (บุ่งตาหลั่ว) สวนสาธารณะที่สำคัญใน จ.นครราชสีมา ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทัพภาคที่ 2 คาดว่าน่าจะเป็นการขโมยมะพร้าว หรืออาจจะเป็นปลา เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และมีต้นมะพร้าวจำนวนมากรอบริมฝั่ง คาดก่อเหตุเป็นประจำทำลักษณะเหมือนไม่กลัวโดนจับ

คลิปแรกเป็นกลุ่มคน 4-5 คน พร้อมระจักรยาน 2-3 คัน ช่วยกันนำถุงออกจากรั่วกั้นสวนน้ำบุ่งตาหลั่ว ลักษณะเป็นถุงสีขาวคล้ายมีของหนักอยู่ข้างในคาดว่าจะเป็นมะพร้าว หรืออาจจะเป็นปลาที่แอบเข้าไปหาในอ่างที่อยู่ด้านใน โดยบางส่วนแบกขึ้นบ่าเดินหนี ขณะที่บางคนนำขึ้นท้ายรถจักรยาน ก่อนที่จะนำออกมาและปั่นจักรยานหนีหายเข้าไปใสซอยซึ่งอยู่ตรงข้าโดยในระหว่างขนย้ายถุงดังกล่าว ได้ยินเสียคุยกันเหมือนไม่ใช่คนไทยเกิดเหตุเมื่อกลางดึกคืนวันเสาร์ที่ 18ส.ค. ผ่านมา ขณะที่อีกกลุ่มถ่ายได้ในคืนวันอาทิตย์ที่ 19 ส.ค.  ซึ่งถ่ายจุดเดียวกันที่อาคารสูงบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ เป็นชายคาดเป็นวัยรุ่น 4-5 คน ใช้รถจักรยายนต์ 2 คัน บรรทุกถุงที่นำออกมาจากสวนน้ำดังกล่าว คาดว่าเป็นมะพร้าว โดยคลิปหลังนี้ สามารถบันทึกภาพให้เฉพาะในช่วงที่นำถุงขึ้นท้ายรถขี่ออกไป คาดว่า เป็นคนละกลุ่มกันเนื่องจากใช้ญาณพาหนะไม่เหมือนกัน แต่เชื่อว่า ทั้งสองกลุ่ม น่าจะแอบเข้าไปขโมยของซึ่งคาดว่าเป็นมะพร้าวที่อยู่ภายในสวนน้ำบุ่งตาหลั่ว ไม่แน่ใจว่า นำออกไปกิน หรืออาจจะนำไปขายเนื่องจากแอบขโมยไปเป็นจำนวนมาก

สำหรับ สวนน้ำเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หรือสวนน้ำบุ่งตาหลั่ว เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของ กองทัพภาคที่ 2 ข้างในสวนมีคาดวามีปลาซึ่งอยู่ในอ่างน้ำเป็นจำนวนมาก และมีต้นมะพร้าวรอบอ่าง คาดว่าน่าจะมีคนแอบขโมยบ่อยครั้ง โดยบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นเขตรอยต่อกับถนนซึ่งติดรอยต่อระหว่างค่ายทหารขับเขตเมือง ซึ่งทางกองทัพได้ทำรั่วกั้นแล้วแต่ก็ปรากฏว่ายังมีคนแอบมาขโมยโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายดังกล่าว จึงอยากวอนเจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบด้วยว่าเป็นการขโมยของจากสวนสาธารณะหรือไม่และช่วยป้องกันไมให้เกิดขึ้นอีก