ชาววังน้ำเขียวโคราช ‘ปลูกต้นแมคาเดเมีย’ สร้างรายได้ปีละ 200,000 บาท

ชาววังน้ำเขียวโคราช ‘ปลูกต้นแมคาเดเมีย’ ได้ดีไม่ต้องไปไกลถึงเชียงราย ให้ราคาสูงกิโลกรัมละ 1 พันบาท สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย อาทิ อบเกลือ เคลือบน้ำผึ้ง และรสวาซาบิ หรือทานสดก็ได้ สร้างรายได้ปีละ 2แสนบาท

 

            นายวิรัตน์ เขียนดวงจันทร์ ผู้จัดการบ้านไร่ปลายตะวันและศูนย์เพาะพันธุ์พืช กล่าวว่า ที่บ้านไร่ปลายตะวันเป็นสถานที่ปลูกพืชหลายประเภททั้งผัก ผลไม้ และดอกไม้ รวมถึงต้นไม้ต่างๆ โดยเมื่อ 3ปีก่อนได้นำพันธุ์ของแมคาเดเมียมาทดลองปลูก เพราะเห็นว่าที่อำเภอวังน้ำเขียวมีอากาศเย็นตลอดปี จึงได้นำมาทดลองปลูกจำนวน 50 ต้น ปรากฏผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ให้ผลผลิตที่ดีและยังมีรสชาติอร่อย ซึ่งที่ไร่ของเราได้น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่มาปรับใช้ในการเพาะปลูกและดำเนินการต่างๆ  โดยเพื่ออยากให้คนโคราชได้มีแมคาเดเมียทานกันโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปซื้อถึงจังหวัดเชียงรายภาคเหนือและมีราคาที่ถูกกว่า ทุกคนจะได้รู้ว่าที่อำเภอวังน้ำเขียวมีแมคาเดเมียและสามารถปลูกให้ผลผลิตได้

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ช่วงระยะแรกในการปลูกใช้เวลาประมาณ 4-5 ปี คือค่อนข้างใช้เวลาแต่คุ้มค่า เนื่องจากแมคาเดเมียมีราคาสูงในท้องตลาดเป็นที่นิยมบริโภคเพราะมีสรรพคุณและคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ประโยชน์ของแมคคาเดเมียคือ 1.ช่วยลดภาวะของโรคหัวใจทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น 2.อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ 3. ช่วยลดน้ำหนัก 4.ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย 5. ช่วยบำรุงสมอง โดยต้นแมคาเดเมียอายุ 4 -5 ปีจะให้ผลผลิตประมาณ 3 – 4 กิโลกรัม อายุ  แต่ถ้าเป็นอายุ 6 – 8ปีขึ้นไปแล้ว จะให้ผลผลิตสูงถึงต้นละ 15-20 กิโลกรัมเลยทีเดียว โดยราคาขายในตลาดอยู่ที่ขีดละประมาณ 100 บาท หรือ กิโลกรัมละ 1 พันบาท แต่ถ้าขายในเขตโคราช เราก็จะกำหนดราคาถูกกว่านี้ เพื่อให้อยู่ในระดับเหมาะสมก็คงประมาณ 60-70 บาท ซึ่งปัจจุบันทางบ้านไร่ปลายตะวันก็ทำมา 5 ปีแล้ว จำนวน 50 ต้น สร้างรายได้กว่า 2 แสนบาทต่อปี ผลของแมคาเดเมียสามารถนำไปแปรรูปได้หลายอย่าง อาทิ ไอศกรีม อบเกลือ อบน้ำผึ้ง และรสวาซาบิ และกินสดได้ นอกจากนั้น เรายังส่งเสริมให้เกษตรกรที่อยากจะปลูกยินดีให้ความรู้ในการปลูก ซึ่ง ณ เวลานี้ทางเรากำลังขยายพื้นที่เพิ่มเพื่อเอาพันธุ์ของต้นแมคาเดเมียจำนวนอีก 300 ต้นมาลงปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้ต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรท่านใดสนใจ สามารถมาดูได้ที่แปลงปลูกและยินดีถ่ายทอดความรู้ในการปลูก โดยให้มาที่  ศูนย์ปฏิบัติธรรมบ้านไร่ปลายตะวันและศูนย์เพาะพันธุ์พืช อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เบอร์โทรศัพท์ 085- 1847261 นอกจากนี้ทางบ้านไร่ปลายตะวันยังมีแปลงปลูกเมลอนแบบปลูกในน้ำและผักปลอดและพืชต่างๆอีกหลากหลายโดยใช้ระบบไฮโดรโปนิกปลอดสารพิษ 100 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย

พิธีลงนามว่าด้วยการจัดเรียงจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี(MOU) วิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมา-บริษัทฮิวเมอร์ริค จำกัด

 

พิธีลงนามว่าด้วยการจัดเรียงจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี(MOU)

วันที่ 3 กันยายน 2561 ณ ห้องประชุมบริษัทฮิวเมอร์ริค จำกัด ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัยจ.นครราชสีมาจัดพิธีลงนามว่าด้วยการจัดเรียงจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี(MOU) โดยว่าที่พันตรี ดร.วานิช สมชาติ ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมา ประธาน  (ทำพิธีลงนาม)    นางสาว มณีรัตน์ แสงบุญไทย กรรมการผู้จัดการบริษัทฮิวเมอร์ริคจำกัด(ทำพิธีลงนาม) นายไพฑูรย์ ธนพงศ์ภากรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนงานและความร่วมมือวิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมากล่าวรายงาน นายเริงศักดิ์  ใจสำราญ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากิจกรรม นักเรียนนักศึกษา นายฉลอง  นพคุณรองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการวิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมา นายทศธรรม แสงบุญไทย บริษัทฮิวเมอร์ริค จำกัดและนายสมภาส  จิตรา อาจารย์แผนกวิชาหลักสูตรระยะสั้นวิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมาร่วมเป็นสักขีพยาน

พร้อมคณะนักศึกษาวิชาหลักสูตรระยะสั้นวิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมาจำนวน10คนเป็นสักขีพยาน พิธีลงนามความร่วมมือว่าด้วยการจัดการเรียนการสอนระบบวิภาคีในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมาและสถานประกอบการในการจัดการอาชีวศึกษาโดยส่งเสริมสนับสนุนการจัดเรียนการสอนและฝึกอบรมวิชาชีพสร้างความร่วมมือด้านการจัดการเรียนอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมในสาขาวิชาสถานประกอบการที่มีความรู้ความเชียวชาญเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่นักเรียนนักศึกษาในระบบวิภาคีและฝึกประสบการณ์ทักษะวิชาชีพเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาได้เข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพและเสริมสร้างประสบการณ์ในด้านทักษะวิชาชีพการปฏิบัติงานจริงกับสถานประกอบการเพิ่มพูนความรู้ทักษะและประสบการณ์ที่นอกเหนือจากการทำงานหรือห้องเรียนในการนี้บริษัทฮิวเมอร์ริคจำกัดเข้าร่วมลงนามว่าด้วยการจัดการเรียนการสอนระบบ ทวิภาคี( นายไพฑูรย์ ธนพงศ์ภากรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนงานและความร่วมมือวิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมากล่าว)

ด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาโดยวิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมาและบริษัทฮิวเมอร์ริคจำกัดจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหลักสูตรวิชาระยะสั้นประเภทวิชาศิลปะหัตถกรรมสาขาวิชาศิลปหัตถกรรมงานเครื่องหนังโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะและส่งเสริมประสบการณ์จริงและการยกเป็นการยกระดับนักเรียนอาชีวะไทยสู่มืออาชีพ

หลายคนอาจจะให้ความหมายของรองเท้าสุขภาพ, รองเท้าเพื่อสุขภาพได้ไม่ถูกต้องนัก บางคนอาจจะเข้าใจว่า รองเท้าเพื่อสุขภาพ หมายถึง รองเท้าที่มีลักษณะนุ่ม และเป็นรองเท้าที่สวมใส่สบาย ไม่กัดเท้า หรือบางคนอาจจะเหมารวมว่า รองเท้าสุขภาพจะต้องเป็นรองเท้าที่มีปุ่มนูนใต้ฝ่าเท้า เพื่อให้ช่วยนวดฝ่าเท้าในขณะที่เดินไปได้ ความหมายเหล่านั้น ไม่ใช่ความหมายที่แท้จริงของรองเท้าเพื่อสุขภาพแต่อย่างใด

รองเท้าเพื่อสุขภาพที่แท้จริงแล้วหมายถึงรองเท้าที่มีลักษณะพอเหมาะพอดีกับรูปเท้า ไม่หลวมหรือไม่คับจนเกินไป เมื่อใส่แล้วรองเท้าไม่มีผิวสัมผัสที่ทำให้เท้าระคายเคือง ไม่บีบ หรือรัด ส่วนรองเท้าสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเบาหวาน (รองเท้าเบาหวาน) หรือรองเท้าสำหรับผู้ที่มีรูปเท้าผิดไปจากปกติ หรือมีส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าที่ขาดหายไป รองเท้าเบาหวานนี้ จะมีการผลิตหรือตัดให้โดยเฉพาะ สำหรับผู้สวมใส่เป็นรายเฉพาะบุคคล รองเท้าเบาหวานที่ดี จะถูกออกออกแบบมาโดยคำนึงถึงเท้าของผู้ที่สวมใส่เป็นหลัก เพราะรองเท้านั้นจะช่วยลดอาการเจ็บเท้า, ข้อ หรือแม้แต่แผลที่เกิดขึ้นบริเวณเท้าได้(นางสาว มณีรัตน์ แสงบุญไทย กรรมการผู้จัดการบริษัทฮิวเมอร์ริคจำกัด กล่าว)

การแข่งขันเอแม็ท ชิงแชมป์ประเทศไทยและนานาชาติ ครั้งที่ 13ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

การแข่งขันเอแม็ท ชิงแชมป์ประเทศไทยและนานาชาติ ครั้งที่ 13ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ์บดินทรเทพยวรางกูล

 อาจารย์นำนักเรียนตลอดจนผู้ปกครอง ให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันเอแม็ท ครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 10.00น.การแข่งขันเอแม็ท ชิงแชมป์ประเทศไทยและนานาชาติ ครั้งที่ 13ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ์บดินทรเทพยวรางกูลที่ MCC Hall  ชั้น 3 เดอะมอลล์นครราชสีมาโดยได้รับเกียรติจาก คุณปัญญา วงศ์ศรีแก้ว ปลัดจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธานในพิธี คุณวิโรจน์ ถาวรวัตนยงค์ นายกสมาคมฯกล่าวต้อนรับ คุณปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฎิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัดร่วมงาน

 ผมรู้สึกดีใจที่ได้เห็นอาจารย์นักเรียนตลอดจนผู้ปกครอง ให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เป็นจำนวนมากรวมทั้งในปีที่ยังมีนักกีฬาจากต่างชาติสนใจเข้าร่วมการแข่งขันซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าและการขยายตัวสู่สากลอย่างชัดเจนเกมกีฬาเหล่านี้นอกจากจะส่งเสริมการกีฬาแล้วยังมีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในด้านการพัฒนาการศึกษาของเยาวชนไทยโดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์อีกทั้งสถาบันการศึกษาต่างๆได้นำกิจกรรมแข่งขันนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมการเรียนอันจะทำให้เยาวชนไทยเราได้ความรู้จากความสนุกสนานควบคู่กันไปและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ตลอดจนทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้นนอกจากนี้นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีและปลื้มปิติต่อทุกท่านในวงการที่การแข่งขันครั้งนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขัน a Math Gameในรุ่นโอเพ่นตามที่ท่านประธานจัดการแข่งขันได้กล่าวถึงความคืบหน้าและความสำเร็จของการแข่งขันนี้ผมขอแสดงความยินดีและชื่นชมต่อคณะกรรมการการจัดการแข่งขันผู้สนับสนุนการแข่งขันทุกๆท่านและคณะครูอาจารย์ที่ได้ช่วยกันเสริมสร้างคุณประโยชน์ต่อการกีฬาและการศึกษาของเยาวชนในภูมิภาคนี้และสังคมไทย (คุณวิโรจน์ ถาวรวัตนยงค์ นายกสมาคมฯกล่าว)

พบการแข่งขันพัฒนาทักษะความรู้ อาทิ เอแม็ท เกมต่อเลขคำนวณ, ครอสเวิร์ดเกม เกมต่อคำภาษาอังกฤษคำคม เกมต่อศัพท์ภาษาไทย, ซูโดกุ เกมถอดรหัสตัวเลขไอคิวเวิร์ดอัพ ตอบคำถามภาษาอังกฤษและความรู้ทั่วไปภาษาไทยครอสเวิร์ดพัซเซิล ปริศนาอักษรไขว้ภาษาอังกฤษและปริศนาอักษรไขว้ภาษาไทยไฮไลท์! ชมการถ่ายทอดสด การแข่งขันรุ่นโอเพ่นได้จากทั่วทุกมุมโลกผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ภายในงาน

 

 

สะพานไม้ร้อยปี อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ของโคราช

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัย หยุดกระโทก กำนันตำบลโคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลโคกกระชาย และชาวบ้าน ช่วยกันทำการพัฒนาและต่อเติมจุดชมวิวและสถานที่ให้บริการนักท่องเที่ยว บริเวณสะพานไม้ร้อยปี ตั้งอยู่ที่บ้านโคกกระชาย ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา  ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของอำเภอครบุรี และจังหวัดนครราชสีมา ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้

โดยชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างจุดชมวิวและถ่ายรูปบริเวณมุมต่างๆของสะพาน เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมได้มีมุมถ่ายรูปกับสะพานไม้ร้อยปีหลากหลากและสวยงามมากขึ้น พร้อมกับได้จัดจุดชมพระอาทิตย์ตก ที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ด้วย

นายสมชัย หยุดกระโทก กำนันตำบลโคกกระชาย กล่าวว่า ในช่วงนี้บรรยากาศที่สะพานไม้ร้อยปีของจังหวัดนครราชสีมา กำลังสวยงามเนื่องจากทุ่งนาข้าวของชาวบ้านที่สะพานไม้ร้อยปีระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร พาดผ่านกำลังเขียวขจีไปด้วยต้นข้าวที่เติบโตสวยงาม รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของน้ำภายในลำคลอง อากาศก็เย็นสบายเหมาะสมที่จะให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมกันตลอดทั้งวัน ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาต่อเติมจุดต่างๆไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งต่อไปก็จะมีการสร้างจุดบริการต่างๆเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของห้องน้ำ และจุดบริการอาหารเครื่องดื่มเป็นต้น

มูลนิธิหลักเสียงเซี่ยงตึ๊ง พณ.ท่านสุวัจน์ร่วมงานประเพณีทิ้งทาน (ซิโกว) มหากุศล แจกถุงข้าวสารอาหารแห้งให้ลูกหลานย่าโม

มูลนิธิหลักเสียงเซี่ยงตึ๊ง พณ.ท่านสุวัจน์ร่วมงานประเพณีทิ้งทาน (ซิโกว) มหากุศล แจกถุงข้าวสารอาหารแห้งให้ลูกหลานย่าโม

วันที่ 31 สิงหาคม2561 เวลา13.00น.ที่ มูลนิธิหลักเสียงเซี่ยงตึ๊ง (สว่างเมตตาธรรมสถาน) ถ.โยธา อ.เมือง จ.นครราชสีมา

พณ.ท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีประธาน นายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานสโมสรฯ พร้อมรับมอบเงินจากภาครัฐ ฯองค์กรห้างร้านต่างๆเพื่อสนันสนุนงานครั้งนี้และร่วมแจกถุงข้าวสารอาหารแห้งให้กับประชาชน

ด้านนายสุเทพ ณัฐกานต์กนก รองประธานมูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถาน นครราชสีมา ได้นำเจ้าหน้าที่กู้ภัยเมตตา ทหาร กรรมการมูลนิธิหลักเสียงเซี่ยงตึ๊ง (สว่างเมตตาธรรมสถาน)   แจกถุงข้าวสารอาหารแห้ง จำนวน 10,000กว่าชุด พร้อมเงินตามราคาของที่มีอยู่ในถุงถ้าเกิดไม่พอในงานประเพณีทิ้งทาน (ซิโกว) มหากุศลประจำปี 2561

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศของงานว่า ประชาชนได้เดินทางมารอกันอย่างล้นหลาม ครอบครัวหนี่งประมาณห้าคนต่อหนึ่งครอบครัว บางก็ได้เดินทางมารับประทานอาหารและน้ำดื่มตามโรงทานที่มาตั้งกว่า20โรงทานเพื่อรอการแจกถุงข้าวสารอาหารแห้ง ประชาชนที่เดินทางมารอมากกว่า10,000คน นอกจากนี้สำหรับคนพิการหรือผู้สูงอายุก็มีการบริการจากทหารไปช่วยเหลือด้วยการพยุงร่างกายไปรับแจกของถุงข้าวสารอาหารแห้งอีกด้วย

ในงานประเพณีทิ้งทาน (ซิโกว) มหากุศลจะมีงานเทศกาลคล้าย ๆ เทศกาลพ้อต่อ เช่นกัน นั้นก็คือ เทศกาลทิ้งกระจาด หรือใน สำเนียงแต้จิ๋ว เรียกว่า ซิโกวโผวโต่ว ซึ่งจัดในเดือนจัดเดือนเจ็ดจีน ของทุกปี หรือ เทศกาลสารทจีน มีการไหว้วิญญานเร่ร่อน และ การทิ้งกระจาด เพื่อเป็นการอุทิศกุศลให้แก่วิญญาน และเป็นการทำทานช่วยเหลือผู้ยากไร้ แต่ลักษณะของพิธี และ เทศกาล จะต่างกับที่ ภูเก็ต ประเทศสิงคโปร์ ประเทศมาเลเซีย ฮ่องกง และไต้หวัน

โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาท่าเรือบก(Dry Port) พ่อเมืองโคราช !!ฟันธง มั่นใจสู้ในหลักเกณฑ์ตัดสินกับขอนแก่นได้

โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาท่าเรือบก(Dry Port) พ่อเมืองโคราช !!ฟันธง มั่นใจสู้ในหลักเกณฑ์ตัดสินกับขอนแก่นได้

วันที่ 29 สิงหาคมพศ 2561 ณ ห้องประชุมสุรนารีปีโรงแรมดิอิมพีเรียลโฮเต็ลแอนด์คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์โคราช จังหวัดนครราชสีมากำหนดการประชุมกลุ่มเป้าหมาย(Focus Group )เพื่อรับฟังความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวข้องครั้งที่ 1งานศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาท่าเรือบกDry Port เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคโดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาประธานการประชุม นางวิไลรัตน์ ศิริโสภณศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรกล่าวรายงาน ดร.สมพงษ์ รักษาสุวรรณ ผู้จัดการโครงการนำเสนอการพัฒนาท่าเรือบกและคณะ ู้แทนหน่วยงานรัฐภาคเอกชนและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน

ความจำเป็นจะต้องมีท่าเรือบกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็มีการพิจารณาพื้นที่ไว้ก็คือจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดขอนแก่นแล้วก็มีหลักเกณฑ์ตัดสินผมคิดว่าปริมาณสินค้าที่จะใช้บริการท่าเรือบกซึ่งวันนี้วิทยากรซึ่งวันนี้วิทยากรพูดว่าใช้บริการท่าเรือบกประมาณปีละ 700,000 ตันหรือ 70,000 ตู้ต่อปี ซึ่งก็จะต้องมาดูว่าจังหวัดนครราชสีมาหรือจังหวัดขอนแก่น สามารถรวบรวมปริมาตรสินค้าได้เท่าไหร่จากการหาข้อมูลในเบื้องต้นของจังหวัดนครราชสีมาเราคิดว่าเรามีตัวเลขเฉพาะในจังหวัดอาจจะไม่ถึงจะอาจจะไม่ถึง 70,000 ตู้ต่อปีดีแต่ก็ไม่ห่างมากเฉพาะจังหวัดนครราชสีมาไม่รวมถึงจังหวัดข้างเคียงไม่ว่าจะเป็นชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์หรือจังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี ตามข้อมูลตามศักยภาพในเรื่องของปริมาณสินค้าในส่วนของสถานที่ตั้งในเรื่องของการขยายตัวในหลายอย่างอีกต่อไป (ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมากล่าว)
โครงการศึกษาจัดทำแผนแม่บทพัฒนาท่าเรือบก(Dry Port)เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคในวันนี้ภายใต้แผนการพัฒนาประเทศที่สำคัญได้แก่ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12(พศ. 2560-2564)ที่มุ่งเน้นให้ประเทศไทยยกระดับโลจิสติกส์ของประเทศไปสู่ศูนย์กลางการค้าบริการและการลงทุนในภูมิภาคปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังถือว่าเป็นประตูการค้าหลักของประเทศมีปริมาตรตู้สินค้าผ่านเข้าออกท่าเรือเป็นจำนวนมากซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงทางปริมาตรการจราจรบริเวณโดยรอบท่าเรือแหลมฉบังและโครงข่ายเชื่อมโยงสถานีปัจจุบันและแยกสินค้ากล่องหรือICDลาดกระบังให้บริการอยู่แล้วแต่ปริมาตรตู้สินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็มความจุดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการกำหนดแนวทางการพัฒนาและกำหนดพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาท่าเรือบกให้ชัดเจนรวมทั้งจัดทำแผนแม่บทพัฒนาระบบเพื่อตอบสนองต่อปริมาตรการขนส่งสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต (นางวิไลรัตน์ ศิริโสภณศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร)

เปิดกองประกวดเยาวชนวัฒนธรรมแห่งสยาม 2018

สุดยิ่งใหญ่” แห่งเวทีการประกวดเด็กระดับประเทศ Junior of Siam Chon Contest 2018 ชิงถ้วยเกียรติยศ จาก ฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีในรัชกาลที่ 9
เปิดศักราชใหม่แห่งเวทีการประกวด “Junior of Siam Chon Contest 2018” เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กไทยมีบันไดสานฝันสู่วงการบันเทิง และได้พัฒนาตัวเองแสดงออกถึงศักยภาพในการกล้าคิด กล้าทํา กล้าแสดงออก มีความรู้ความสามารถ เป็นต้นแบบ เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม เป็นขุมพลังของชาติที่อนาคตจะเติบโตเป็นกําลัง สําคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งครั้งนี้ถูกจัดขึ้นเป็นปีแรก ครั้งแรก และถือว่าเป็นมหามงคลแก่คณะผู้จัดงาน และผู้เข้าประกวดอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติอย่างสูงสุด โดย ฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีในรัชกาลที่ 9 ได้เป็นประธานการประกวด และมอบถ้วยเกียรติยศ แก่ผู้ชนะเลิศการประกวดทั้ง 2 รุ่น ในการประกวดครั้งนี้
ทางคณะผู้จัดการประกวดได้มีโอกาสเข้าพบฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ สํานักงานฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ ได้ให้พรอันเป็นมงคลยิ่งแก่การทํางานและจัดงาน โดย ฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ ได้ให้พรอันมีใจความสําคัญว่า “ขอบคุณทางกองประกวดที่เห็นถึงความสําคัญของข้าพเจ้า และขอให้การจัดงานในครั้งนี้สําเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์การจัดงานทุกประการ ”
ด้านนายสิทธิศักดิ์ รัตนทรงชัย ประธานกรรมการที่ปรึกษากองประกวด บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา เจ้าของ หนังสือพิมพ์สยามชน กล่าวว่า การจัดงานประกวด “Junior of Siam Chon Contest 2018” ในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้การบริหารงานของหนังสือพิมพ์สยามชน เป็นการจัดการประกวดครั้งแรก โดยทีมงานบริหาร ได้มีการจัดประชุม เตรียมพร้อมเป็นอย่างดีเพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด โดยปีนี้จะใช้ธีมงานเป็นสีแดง เขียว ซึ่งสีแดง หมายถึง โกเมนแดง หรือ ทับทิมสยาม เป็นอัญมณีที่งดงามและทรงคุณค่าของชาติ แสดงถึงพลังและความ แข็งแกร่ง สีเขียว หมายถึง โกเมนเขียว อัญมณีแห่งความคิดสร้างสรรค์ และความสําเร็จ ซึ่ง 2 สีนี้ ยังเป็นสีของโลโก้หนังสือพิมพ์สยามชนอีกด้วย การจัดงานครั้งนี้ประชาชนจะได้เห็นความลงตัวอย่างสวยงามในการออกแบบฉาก เวทีและความสวยงามของชุดไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่เด็กๆจะใสมาโชว์ตัวในวันประกวดรอบตัดสินช่วงเดือน ตุลาคมนี้ อย่างแน่นอนต้องติดตามกันนะครับ และทางคณะบริหารงานได้เสนอแต่งตั้งอาจารย์กฤชประพันธ์ เลิศพิชญะวรกุล บรรณาธิการฝ่ายวัฒนธรรมหนังสือพิมพ์สยามชน หมอดูชื่อดังแห่งเมืองย่าโมหรือจังหวัดนครราชสีมา จะรู้จักกันดีในนาม อาจารย์กฤชประพันธ์ การันตี เป็นผู้อํานวยการกองประกวด Junior of Siam Chon Contest 2018 เพื่อให้ดูแลการจัดงานทั้งหมด
โดย อาจารย์กฤชประพันธ์ เลิศพิชญะวรกุล บรรณาธิการฝ่ายวัฒนธรรมหนังสือพิมพ์สยามชนและผู้อํานวยการกองประกวด กล่าวว่า การจัดงานประกวด Junior of Siam Chon Contest 2018 ครั้งนี้ถูกจัดขึ้นภายใต้ คอนเซ็ป “วัฒนธรรมแห่งสยาม” เป็นการร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ปลูกฝังให้เด็กรู้จัก และหวงแหนวัฒนธรรม ผ่านการสวมใส่ชุดไทยในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งการประกวด Junior of Siam Chon Contest 2018 ครั้ง นี้ จะใช้ชุดไทยเป็นชุดเปิดตัวการประกวดด้วย ประชาชนจะได้เห็นความน่ารักสดใสของหนูน้อยผู้เข้าประกวด สวมใสชุดไทยเดินโชว์ตัวบนเวที และการจัดงานในครั้งนี้จะจัดขึ้นที่ เซนทรัลพลาซา นครราชสีมา และต้องขอขอบคุณทางศูนย์การค้าเซนทรัลพลาซา ที่เห็นถึงความสําคัญการจัดกิจกรรมส่งเสริมเด็กและเยาวชนไทย ร่วมสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้ การประกวดรอบตัดสินจะจัดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม ที่ศูนย์การค้าเซนทรัลพลาซา นครราชสีมา ฝากติดตามและให้กําลังใจน้องผู้เข้าประกวดด้วยนะครับ ซึ่งจะเปิดรับสมัครเร็วๆนี้
ด้านคุณณัฐชาวีย์ แสนบุตร เลขาบรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามชน ยังกล่าวแสดงความยินดี ในการจัดงานประกวดในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเวทีที่สมเกียรติและยิ่งใหญ่ เป็นเวทีเด็กระดับประเทศ ที่สามารถสานต่อหรือต่อยอด ในการพัฒนาศักยภาพ เยาวชนที่กําลังเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่ ที่มีคุณภาพต่อไป
ส่วนการประกวดในปีนี้ได้รับเกียรติจากผู้ใหญ่หลากหลายท่านในวงการบันเทิงและนอกวงการมาร่วมเป็นที่ปรึกษาการจัดประกวดและจะเดินทางมาร่วมเป็นเกียรติในงานรอบตัดสินอีกด้วย อาทิ พ.ท.บํารุง กุลละวณิชย์ คุณหนุ่ม นันท์ณภัทร เจิมจุติธรรม กูรูนางงานระดับประเทศเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประกวด คุณริต้าร์ ดิษยโสธรศิลป์ เจ้าตําหรับแห่งท่ารําบวงสรวงพญานาค ฉายาธิดานาคี คุณต้นรัก ศิลป์เศียรเกล้า เจ้าของค่ายบทเพลงบวงสรวงพญานาคที่โด่งดัง ดร.วรรณวิไล กันเพ็ชร์ นักพลังจิตบําบัดคนแรกของโลก คุณฐิติณ์ชญา เจษฎาเดช ผู้จัดการ บริษัทอุตสาหกรรมการเกษตรเขาค้อ จํากัด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ และคุณต้อม วิศนไชย นันท์พละวงษ์ National Director Mr.Eco Thailand งานนี้ถือว่าเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของคนดังในวงการและบุคคลที่เป็นที่รู้จักในสังคมก็ว่าได้ ในการประรอบตัดสินยังได้รับเกียรติจากท่านพันตํารวจเอกสุรโชค เจษฎาเดช หรือ(สารวัตร แรมโบ้าผู้กํากับสืบสวนจังหวัดอํานาจเจริญ เดินทางมาร่วมเปิดงาน
นายภัทรพงศ์ พิริยพิทักษ์ ผู้จัดการกองประกวด Junior of Siam Chon Contest 2018 ได้ให้สัมภาษณ์ว่า สําหรับการ ประกวด “Junior of Siam Chon Contest 2018” เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะเลิศที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเหมาะสม เป็นธรรม และถูกต้องผ่านการประกวดในรอบตัดสินโดยคะแนนทั้งหมดจะมาจากท่านคณะกรรมการที่จะเป็นผู้ตัดสินอย่างยุติธรรมตามหลักเกณฑ์ ด้านหน้าตา บุคลิกภาพ ความสดใส ความกล้าแสดงออก กรเดินแบบ การโพสต์ท่า ซึ่งการประกวดในครั้งนี้ร่วมชิงเงินรางวัลและของรางวัลกว่า 100,000 บาท และถ้วยเกียรติยศฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีในรัชกาลที่ 9 ซึ่งรางวัลจะถูกแบ่งเป็น 2 รุ่น คือรุ่นอายุ 4-8 ปี และรุ่นอายุ 9-14 ปี จะเริ่ม เปิดรับสมัครเด็กๆจากทั่วประเทศ ในวันที่ 1 กันยายน 2561 รอบตัดสินวันที่ 28 ตุลาคม 2561 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า นครราชสีมา เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งมีถ่ายทอดสดรู้ผลพร้อมกันทั่วประเทศ ทางช่องทางไลฟ์สดผ่าน FaceBook FanPang Junior of Siam Chon Contest 2018 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่นี้ครับ
การประกวดครั้งนี้ มาร่วมลุ้นกันว่าเด็กๆ จากจังหวัดใดจะพิชิตตําแหน่ง “Junior of Siam Chon Contest 2018” คว้าถ้วยรางวัลเกียรติยศไปครองเป็นปีแรก คนแรก ของประเทศไทย ต้องลุ้นกัน

ประชาชนชาวโคราชแฮปปี้โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา)พร้อมต้อนรับการท่องเที่ยวฯ

ประชาชนชาวโคราชแฮปปี้โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา)พร้อมต้อนรับการท่องเที่ยวฯ
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 08.00 น. – 12.00 น.การประชุมใหญ่การมีส่วนร่วมของประชาชน
งานปรับแบบรายละเอียดในโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (ช่วงสระบุรี-นครราชสีมา)ณ ห้องประชุมโรงแรมสีมาธานี ถนนมิตรภาพ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาโดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม กล่าวรายงาน
หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนจากภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ผู้นำชุมชน สื่อมวลชน พี่น้องประชาชนและผู้มีเกียรติทุกท่าน
มื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 ณ กรุงเทพมหานคร รัฐบาลไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558 – 2569 เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน เส้นทางกรุงเทพฯ – นครราชสีมา – หนองคาย และเส้นทางแก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทางรวมประมาณ 867 กิโลเมตร ซึ่งฝ่ายรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยตกลงให้รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมโครงการ ศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของโครงการ และดำเนินการก่อสร้างงานโยธา


การประชุมในวันนี้มีสาระสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการที่จะได้รับทราบข้อมูลความเป็นมาของโครงการ เหตุผลความจำเป็นของโครงการและความจำเป็นในการปรับแบบของโครงการ รูปแบบรายละเอียดของโครงการ และองค์ประกอบของโครงการ ตลอดจนแนวทางและขั้นตอนการศึกษาkที่สำคัญแก่กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ศึกษาโครงการรวมถึงได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะที่จะช่วยให้การพัฒนาเป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการของทุกภาคส่วนยิ่งขึ้นผมจึงขอเชิญชวนท่านผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาโครงการและนำข่าวสารการประชุมในวันนี้ไปเผยแพร่ต่อชุมชนและหน่วยงานของท่านอย่างทั่วถึงต่อไป


ความร่วมมือข้างต้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายรถไฟสอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมการลงทุนในโครงการที่สำคัญของประเทศ ทั้งโครงการต่อเนื่องและโครงการใหม่ที่มีความพร้อม การศึกษาโครงการระบบรถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร ช่วงบ้านภาชี-แก่งคอย-นครราชสีมา จึงเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางรางที่กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งและเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศ


เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประเทศไทยได้หารือทวิภาคีกับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ เมืองไหหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ประชุมสรุปการลงทุนโครงการ ฝ่ายไทยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด โดยกำหนดนโยบายเริ่มก่อสร้างเส้นทาง กรุงเทพฯ – นครราชสีมา และส่วนต่อขยายเมื่อมีความพร้อม
การประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 10 ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการเริ่มต้นก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา เป็นลำดับแรก
ในการนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการจ้างและสั่งจ้างบริษัท เอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดการออกแบบของฝ่ายจีน ออกแบบเพิ่มเติมในส่วนที่ฝ่ายจีนไม่ได้ดำเนินการ สำรวจรายละเอียดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเวนคืน และการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม โครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ช่วงบ้านภาชี-แก่งคอย-นครราชสีมา
สำหรับการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นกิจกรรมที่มีความมุ่งหมายที่สำคัญเพื่อเผยแพร่ข้อมูลและการดำเนินงาน ที่ฝ่ายจีนเป็นผู้ออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างและควบคุมการก่อสร้าง ซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องปรับปรุงจากรูปแบบเดิมจากที่ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งการจราจร (สนข.) ได้ศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ – นครราชสีมา (ช่วงชุมทางบ้านภาชี – นครราชสีมา) และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้วในการประชุมครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 และเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำไปพิจารณาประกอบการสำรวจออกแบบรายละเอียดตามนโยบายของรัฐบาลที่เร่งรัดให้ดำเนินการโดยเร่งด่วนรวมทั้งทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการจากที่ได้รับความเห็นชอบ และการจัดทำมาตรการป้องกันแก้ไข และบรรเทาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่มีความรอบคอบ รัดกุม และมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับรูปแบบการพัฒนาโครงการให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ก่อนที่จะดำเนินการก่อสร้างโครงการต่อไป

พิธีบูรพาจารย์รำลึกในโอกาสครบรอบ 24 ปี วันมรณภาพ หลวงปู่นิล อิสฺสริโก เกจิอาจารย์ชื่อดังของไทย

พิธีบูรพาจารย์รำลึกในโอกาสครบรอบ 24 ปี วันมรณภาพ หลวงปู่นิล อิสฺสริโก เกจิอาจารย์ชื่อดังของไทย

ที่วัดครบุรี หรือวัดหลวงปู่นิล ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา นายวิจิตร กิจวิรัตน์ นายอำเภอครบุรี เป็นประธานฝ่ายฆารวาส นำศิษยานุศิษย์ของพระครูนครธรรมโฆสิต หรือหลวงปู่นิล อิสฺสริโก ร่วมประกอบพิธีบูรพาจารย์รำลึก ในโอกาสครบรอบ 24 ปี วันมรณภาพ เพื่อร่วมรำลึกถึงคุณงามความดีของหลวงปู่นิล อิสฺสริโก เกจิอาจารย์ชื่อดังของไทย อดีตเจ้าอาวาสวัดครบุรี เทพเจ้าแห่งความเมตตาอีสานใต้ ที่ได้ช่วยเหลือในการบำรุงพระพุทธศาสนา รวมถึงประชาชนทั่วไปด้วยการนำหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเผยแผ่เพื่อชี้นำไปสู่การประกอบคุณงามความดี พร้อมทั้งยังใช้ความรู้เกี่ยวกับการปรุงยาสมุนไพรโบราณเพื่อนำมาช่วยเหลือชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วยจนเป็นที่รู้จักกันดีทั่วทั้งประเทศ ซึ่งมีบรรดาศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่นิล มาร่วมในงานวันนี้หลายพันคน

โดยในพิธีได้มีการทำบุญตักบาตร พร้อมนิมนต์พระสงฆ์และเกจิอาจารย์ชื่อดังจาก 27 วัด รวม 130 รูป ของจังหวัดนครราชสีมา มาประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนตร์/มาติกา บังศุกุล เพื่อถวายแด่พระครูนครธรรมโฆสิต หรือหลวงปู่นิล อิสฺสริโก  พร้อมทั้งมีการเปิดให้ศิษยานุศิษย์ได้ร่วมทำบุญปิดทองหุ่นขี้ผึ้งเสมือนหลวงปู่นิล  และร่วมกิจกรรมบุญต่างๆที่ทางวัดจัดเตรียมไว้อย่างหลากหลาย รวมถึงยังมีผู้มีจิตศรัทธานำโรงทานมาร่วมในงานบูรพาจารย์รำลึก ในโอกาสครบรอบ 24 ปี วันมรณภาพ ของหลวงปู่นิล อิสฺสริโก ในวันนี้กว่า 100 โรงทาน พร้อมมีการแสดงมหรสพสมโภชตลอดทั้งวัน

สำหรับพระครูนครธรรมโฆสิต หรือ หลวงปู่นิล อิสฺสริโก  นามเดิมคือ นิล แหวนครบุรี เกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2445 อุปสมบทเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2465 ณ พัทธสีมาวัดนกออก อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พระอุปัชฌาย์ของท่านคือ หลวงปู่กลิ่น วัดนกออก พระอธิการพรหม กิตติคุณ  เชื่อกันว่าท่านสำเร็จอภิญญา มีพลังจิตเข้มแข็ง อธิษฐานปลุกเสกจนวัตถุมงคลของท่านเป็นที่เลื่องลือ ที่โดดเด่นทางเมตตามหานิยม และ คุ้มครองป้องกัน นอกจากท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่มากด้วยวิชาอาคมแล้ว เรื่องวิชาแพทย์แผนโบราณ ยาสมุนไพร ถือเป็นที่ยอมรับอย่างมากช่วยเหลือชาวบ้านที่เจ็บป่วยมานับไม่ถ้วน ส่วนสุดยอดวัตถุมงคลที่ลูกศิษย์ลูกหาหวงแหนมากที่สุด คือ พระตะกั่วเถื่อน รูปถ่ายขาวดำ เหรียญรูปไข่ มหาอุตม์ไม้รวก สีผึ้งเจ็ดอังคาร ตะกรุดมหาอำนาจหนังเสือ ทั้งนี้หลวงปู่นิลมรณภาพ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2537 รวมสิริอายุได้ 92 ปี 6 เดือน 72 พรรษา โดยในปีนี้เป็นปีครบรอบ 24 ปีของการมรณภาพ

 

ชาวบ้าน อ.สีคิ้ว จับหนูป่ามาเลี้ยงขยายพันธุ์ เป็นอาชีพเสริม

ชาวบ้าน อ.สีคิ้ว จับหนูป่ามาเลี้ยงขยายพันธุ์ เป็นอาชีพเสริม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครราชสีมา พบชาวบ้านจับหนูป่ามาเลี้ยงขยายพันธุ์เป็นอาชีพเสริม ลดต้อนทุนการผลิต ถือเป็นอีกอาชีพเสริมที่น่าสนใจ โดยนายสาคร อินทนัย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/85 บ้านทับหก หมู่ 18 ต.หนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งปกติมีอาชีพตัดหินปูพื้นขายอยู่แล้วได้อาศัยชั่วเวลาที่พอเหลือ ริเริ่มทำฟาร์มเลี้ยงหนูขาย โดยใช้วิธีหาหนูป่ามาเพาะเลี้ยงผสมพันธุ์เองเพื่อขยายพันธุ์ลดต้นทุนการผลิต

นายสาคร บอกว่า ตนมีอาชีพตัดหินปูพื้นส่งขาย แต่ด้วยที่บ้าน มีที่ว่าง จึงศึกษาหาอาชีพเสริมทางเนต จึงเห็นว่าการทำฟาร์มเลี้ยงหนู เป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจ จึงทำการศึกษาวิธีการเลี้ยงจากยูทูบ ทั้งการผสมพันธุ์การเลี้ยงดู ซึ่งพบว่า เราสามารถนำหนูป่ามาเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ได้ จึงนำกรงไปดักหนูที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มาเลี้ยงไว้เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ซึ่งปัจจุบันมีพ่อพันธ์แม่พันธ์อยู่สองชนิด คือ หนูแผง กับหนูพุก ซึ่งเป็นหนูป่าขนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดเลี้ยงไว้ขยายพันธุ์ แต่การเลี้ยงหนูป่าต้องใช้เวลาสร้างความเคยชินประมาณ 2-3 เดือน เพื่อให้หนูปรับสภาพ ซึ่งไม่ต้องปิดมิดชิดมากนัก แต่ต้องเปิดดูทุกวันให้หนูเห็นหน้าจะได้คุ้นชิน จากนั้นก็จะพร้อมผสมพันธุ์ โดยนำตัวผู้หนึ่งตัว สามารถผสมพันธุ์ตัวเมียได้ 2-3 ตัว เมื่อปล่อยให้ผสมพันธุ์จนตัวเมียตั้งท้องแล้วต้องแยกออกไป จากกลุ่มเพื่อความปลอดภัย หากคลอดออกมาแล้วจะได้ไม่ถูกแม่หนูตัวอื่นทำร้ายเอา ส่วนตัวที่ท้องจะสังเกตได้ง่าย ตัวที่ตั้งท้องจะดุมากไม่ให้ตัวอื่นเข้าใกล้ หลังจากที่ตั้งท้องถึงคลอดใช้เวลาประมาณ สองเดือนครึ่ง คลอดออกมา 7-10 ตัว หลังจากที่คลอดแล้วปล่อยให้แม่เลี้ยงลูกไปประมาณ เดือนเศษ ก็สามารถแยกแม่ไปผสมพันธุ์อีกได้ ดังนั้นแม่หนึ่งตัวสามารถให้ลูกได้ 3-4 รอบต่อปี

ขณะที่ราคาขายตามท้องตลาด พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ขายคู่ล่ะ 800 บาท ขณะที่หนูเนื้อขายกิโลกรัมละ 150 บาท ซึ่งช่วงนี้ทั้งพ่อพันธุ์ หรือหนูเนื้อแทบไม่พอขายเนื่องจากเป็นที่ต้องการเป็นจำนวนมาก

Cr. ภาพ/ข่าว  ประสิทธิ์  วนะชกิจ