สมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา จัดกิจกรรม สื่อสร้างสรรค์ เสียงเพลงสร้างสุข ครั้งที่ 2

สมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา จัดกิจกรรม สื่อสร้างสรรค์ เสียงเพลงสร้างสุข ครั้งที่ 2

วันที่ 5 มี.ค.67 ที่ลานวาไรตี้ฮอลล์ เดอะมอลล์โคราช นายสมเกียรติ วิยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดกิจกรรม สื่อสร้างสรรค์ เสียงเพลงสร้างสุข ครั้งที่ 2 เนื่องในวันนักข่าว 5 มีนาคม 2567

โดยมีนายไพฑูรย์ มนุญพงศ์พันธุ์ นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา กล่าวรายงาน ร่วมด้วยนางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา นายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์ราชสีมา โดยการจัดกิจกรรม สื่อสร้างสรรค์ เสียงเพลงสร้างสุข ครั้งที่ 2 จัดขึ้นเนื่องในวันนักข่าว 5 มีนาคม ประจำปี 2567 

วันนักข่าว หรือ วันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 5 มีนาคม ของทุกปี ก่อตั้งโดยสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2498 และนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย สมัยนั้นคือ นายโชติ มณีน้อย เป็นนักข่าวรุ่นบุกเบิก ทำให้เกิดกิจกรรมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรตินักข่าวที่ปฏิบัติหน้าที่และรักษาจรรยาบรรณวิชาชีพที่ดี รวมทั้ง ให้นักข่าวได้ตระหนักถึงบทบาทที่มีต่อสังคม และได้ร่วมพบปะพี่น้องสื่อมวลชนในแต่ละแขนง ทั้ง หนังสือพิมพ์, วิทยุ, ทีวี, สื่อออนไลน์ต่าง ๆ และรำลึกถึงพี่น้องนักข่าว ที่ล่วงลับไปแล้ว และด้วยสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา ได้ครบวาระ 38 ปี ในวาระนี้ สมาคมนักข่าวฯ ได้ร่วมกับสภาวัฒนธรรมฯ จัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ สื่อสร้างสรรค์ เสียงเพลงสร้างสุข ครั้งที่ 2 โดยเป็นการประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่ง เยาวชนอายุไม่เกิน 15 ปี และรุ่นอายุระหว่าง 15-30 ปี ด้วยการขับร้องเพลง ช้า และเร็ว โดยได้รับเกียรติจากอาจารย์วิภารัตน์ แก้ววิเศษ กรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้ดำเนินการจัดการประกวด และมีผู้ที่เข้าประกวด รุ่นละ 25 คน รวมทั้งสิ้น 50

นอกจากนี้ ยังจัดให้มีการมอบโล่เชิดชูเกียรติ ในสาขา สื่อมวลชนดีเด่น , ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่น , นักธุรกิจดีเด่น และ บุคคลดีเด่น ประเภท สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้ง ผู้สนับสนุนกิจกรรมในวันนี้ โดยมี น.ส.ทิวาพร แสนเมืองชิน เลขานุการกรม กรมประชาสัมพันธ์ อดีตประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา เข้ารับรางวัลสาขาสื่อมวลชนดีเด่นในครั้งนี้ด้วย

“”ตำรวจภูธรภาค3 กวาดล้างกัญชาข้ามชาติ””

  ตามนโยบายรัฐบาลโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้านการแก้ไขปัญหา    ยาเสพติด เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564  กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังทั้งระบบ โดยเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปราม แหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ทั้งพื้นที่แนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน โดยให้เป็นการแก้ไขปัญหาภายในของประเทศด้วยกฎหมายไทยและหลักสากล  

ภายใต้การอำนวยการของ  พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์   รอง ผบ.ตร.(ปป)  ได้นำนโยบายรัฐบาลมาเป็นแนวทางในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติทุกพื้นที่

          ตำรวจภูธรภาค ๓ โดย พล.ต.ท.สมประสงค์  เย็นท้วม ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์  ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 (หน.กม) /รับผิดชอบ ศอ.ปส.(ยาเสพติด), พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.3 (หน.สส) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงคต์  เรืองเดช ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ และ ล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3 ,พ.ต.อ.สมบัติ  หงส์ทอง รอง ผบก.สส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ระดมกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนและพื้นที่ชั้นใน

เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๔  กก.สสส.ภ.จว.อำนาจเจริญ โดย พ.ต.อ.อรรพร สุริยเลิศ ผกก.สส.ภ.จว.อำนาจเจริญ  ,พ.ต.ท.ไมตรี บุญมาตย์ รอง ผกก.ฯ ได้ทำการสืบสวนทราบว่าจะมีการลักลฃอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาจากพื้นที่ชายแดนมายังพื้นที่ตอนใน จึงได้ประสานข้อมูลร่วมทกับ บก.สส.ภ.๓ โดย พ.ต.อ.สุกาญจน์  นิลอ่อน ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.๓,พ.ต.อ.สวิทธิชัย  ธัญญาบาล ผกกห.

สืบสวน ๒ บก.สส.ภ.๓ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.อำนาจเจริญ และ บก.สส.ภ.๓   

ร่วมกันจับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 ราย  ผู้ต้องหา ๔ คน  ดังนี้   

๑)  นายธชกร หรือ บอล  ปวงรังสี    อายุ ๓๙  ปี  ที่อยู่ ๑/๘๗ หมู่ที่ ๕ ต.เสม็ด อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี

๒)  นายทวีวุฒิ หรือนิว  ถาวรนุวงศ์  อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ ๑๕๑ หมู่ที่ ๑๑  ต.ทุ่งก่อ อ.เวียงเชียงรุ้ง  จ.เชียงราย 

๓) นายวฤทธิ์  พุ่มพวง อายุ ๒๗ ปี ที่อยู่ ๙/๑ หมู่ที่ ๓ ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

๔) นายวิทวัช หรือท๊อป  เรียงแก้ว  อายุ  ๒๔ ปี ที่อยู่ ๓๖๕ หมู่ที่ ๕ ต.แจงงาม  อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี

พร้อมด้วยของกลาง

      ๑) กัญชาอัดแท่ง จำนวน 1,824 กก.

รถยนต์ตู้ จำนวน  3  คัน

๔) รถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สีเทา หมายเลขทะเบียน ผธ ๔๔๓๐ อุบลราชธานี จำนวน ๑ คัน

                       ***********************************************

ตำรวจกวาดล้าง เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ตำรวจกวาดล้าง เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม 2564 เวลา 15.00 น.

ตำรวจภูธรภาค 3 แถลงข่าวจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีผู้เสียหายหลายราย เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2564 ทาง สภ.เมือง ได้จับกุมผู้ต้องหาคดีหลอกลวง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีผู้เสียหาย มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท ถ้าพี่น้องประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากแก๊งหลอกลวงนี้ กรุณาติดต่อได้ที่สถานีตำรวจภูธรภาค 3

ตำรวจภูธรภาค 3 ตำรวจโคราช  แถลงจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เสียหายกว่า 2.4 ล้านบาท พฤติกรรมหลอกแบบเดิมๆทำให้เหยื่อตายใจขอตรวจสอบเงินในบัญชีเหยื่อ

เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2564 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 แถลงการจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงผู้เสียหายหลายรายรวมความเสียหายกว่า 2.4 ล้านบาท โดยสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ต.ค. น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายโทรศัพท์มาหลอกลวงผู้เสียหายจนหลงเชื่อและให้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นางสาวสมศรี  บุญเลี้ยง จำนวน 218,470 บาท เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่า คดีดังกล่าวเป็นการกระทำในลักษณะของแก็งคอลเซ็นเตอร์ โดยเริ่มต้นที่คนร้ายจะโทรหาผู้เสียหายและอ้างตนเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่ขนส่งแล้วบอกกับผู้เสียหายว่ามีสินค้าจำพวก พาสปอร์ต บัตรเอทีเอ็ม และเสื้อผ้า ที่จะส่งไปยังประเทศจีนติดค้างอยู่ที่ด่านศุลกากรไม่สามารถขนส่งไปยังปลายทางได้ ผู้เสียหายได้แจ้งกลับไปว่าไม่เคยมีการส่งสินค้าดังกล่าวแต่คนร้ายได้สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการแนะนำว่าสามารถโอนสายเพื่อติดต่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.อ. เป็นร้อยเวรของ สภ.เชียงใหม่

จากนั้นมีการแนะนำให้แอดไลน์ของ สภ.เมืองเชียงใหม่ มีการพูดคุยผ่านไลน์ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นไลน์ของ สภ.เมืองเชียงใหม่จริง จากนั้นคนร้ายได้สอบถามข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย และแจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนพัวพันกับคดีการฟอกเงิน ถ้าไม่อยากมีปัญหาจะให้ ปปง.ทำการตรวจสอบบัญชีของผู้เสียหาย จากนั้นคนร้ายจึงขอให้ผู้เสียหายแจ้งข้อมูลบัญชีทั้งหมดและยอดเงินในบัญชี โดยมีการกล่าวอ้างเรื่องการการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และบอกว่าจะส่งบัญชีของผู้เสียหายให้ ปปง. ตรวจสอบเรื่องการฟอกเงิน

ต่อมา คนร้ายให้ผู้เสียหายโอนเงินทุกบัญชีที่ผู้เสียหายมีไปยังธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อนางสาวสมศรี บุญเลี้ยง เพื่อทำการตรวจสอบว่าตรงกันหรือปล่าว โดยผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงและเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์จึงได้ทำการโอนนไปยังบัญชีดังกล่าว ต่อมาผู้เสียหายเกิดความสงสัยจึงโทรกลับไปยังหมายเลขที่เคยติดต่อกับคนร้ายปรากฎว่าไม่สามารถติดต่อได้

ในเบื้องต้นตำรวจได้ขอนุมัติศาลออกหมายจับ 5 รายเป็นคนไทย 4 ราย และชาวกัมพูชาอีก 1 ราย ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 ราย มีทั้งรับจ้างเปิดบัญชี นายหน้าจัดหาคนเปิดบัญชี และคนจัดส่งบัญชีไปให้เครือข่ายที่ประเทศกัมพูชา พร้อมกับข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีต่อไป

สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานร่วมกับ สมาคมนักข่าว จัดอบรมนักข่าวนักประชาสัมพันธ์ออนไลน์

            ที่ผ่านมา  นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา ได้ประชุมหารือกับ นายไพฑูรย์ มนุญพงศ์พันธุ์  นายอิศราวุธ  พิพัฒพลกาย กรรมการที่ปรึกษานายกฯ และคณะกรรมการของสมาคม ถึงแนวทางการพัฒนาการนำเสนอข่าวสารให้เข้ากับยุคปัจจุบัน  ณ ห้องประชุมโรงแรมชุนหลีแกรนด์ 

เบื้องต้น สมาคมนักข่าวฯได้ดำเนินการประสานไปยังกลุ่มผู้ที่สนใจถึงแนวโน้มของการเข้าร่วมอบรม ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากกลุ่มอาสา ที่มีความสนใจในการเป็นนักข่าวประจำอำเภอ สมาคมนักข่าวฯ จึงได้ประสานไปยังสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา เพื่อร่วมกันจัดทำโครงการอบรมหลักสูตรนักข่าวประชาสัมพันธ์  สื่อออนไลน์ ขึ้น ระหว่างวันที่  26 – 30 มิถุนายน 63 นี้

ทั้งนี้ ขอขอบคุณ โรงแรมชุนหลีแกรนด์ที่อนุเคราะห์สถานที่และอาหารกลางวันให้กับสมาคมนักข่าว และผู้ร่วมประชุมครั้งนี้

คนไทยไม่ทิ้งกัน  กลุ่มศิลปินโคราชร่วมกันจัดฟรีคอนเสิร์ต  ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคอีสานที่ลานย่าโม

คนไทยไม่ทิ้งกัน  กลุ่มศิลปินโคราชร่วมกันจัดฟรีคอนเสิร์ต  ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคอีสานที่ลานย่าโม

            

วันที่  20  กันยายน 2562 ที่ผ่านมา  ตั้งแต่เวลา  14.00 – 24.00 น.  ที่บริเวณเวทีลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี    ได้มีการจัดกิจกรรมขอรับบริจาคสิ่งของและปัจจัย  เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   จัดโดยสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถานจังหวัดนครราชสีมา ,  ชมรมผู้ประกอบการร้านค้า จังหวัดนครราชสีมา,คณะกรรมการสถานสงเคราะห์เด็กและเยาวชน เขต 3  จังหวัดนครราชสีมา  ,ชมรมผู้ประกอบการ แสง สี เสียง แห่งประเทศไทย (จังหวัดนครราชสีมา) และบริษัท ทริปเปิลทีบรอดแบนด์ จำกัด โดยได้รับเกียรติจาก นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา และคุณจีระศักดิ์ คาระวิวัฒนา ประธานชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารจังหวัดนครราชสีมา ร่วมเป็นประธานในการเปิดกิจกรรมครั้งนี้ พร้อมด้วยตัวแทนจากหลายองค์กรที่ได้นำสิ่งของ และเงินมาร่วมบริจาคเป็นจำนวนมาก           และในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากกลุ่มศิลปินนักร้องจังหวัดนครราชสีมา   อาทิ   คำมอด  พรขุนเดช  ,วงระเงียว ,หม้อดิน,       บุปสบา ,  ตุ๋ย ดะดาด  วงเพลิน , โออิชิ , วงเยาวชน อูคูเลเล่โคราช ,วงดินเหนียว ,วงปูสมอหิน และวงมะละกอ       เป็นต้น มาสลับสับเปลี่ยนกันสร้างความสุขให้กับผู้ที่มาร่วมบริจาคและพี่น้องประชาชนที่ผ่านไปมา ณ บริเวณลานคุณย่าโมท่ามกลางบรรยากาศฝนที่โปรยมาอย่างชุ่มฉ่ำในบางช่วงบางตอน

ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว ผู้มีจิตศรัทธา  ได้ร่วมบริจาคสิ่งของ  อาทิ  เครื่องนุ่งห่ม  ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม เครื่องใช้ส่วนตัว  เป็นต้น  และยอดเงินที่ได้รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยจากการจัดกิจกรรมครั้งนี้    ยอด  57,179.50 บาท  โดยคณะผู้ดำเนินการจัดกิจกรรมได้มอบสิ่งของ และเงินทั้งหมดให้กับ มูลนิธิหลักเสียงเซียงตึ้ง สว่างเมตตาธรรมสถาน  จังหวัดนครราชสีมา  เป็นผู้ดำเนินการส่งต่อให้กับผู้ประสบอุทกภัยต่อไป