อธิบดีกรมพละศึกษาลงพื้นที่โคราชเพื่อร่วมในการอบรมอาสาสมัครกีฬาและผู้นำการออกกำลังกายในโครงการส่งเสริมอาสาสมัครกีฬาและผู้นำออกกำลังกาย ประจำปีงบประมาณ 2562

       อธิบดีกรมพละศึกษาลงพื้นที่โคราชเพื่อร่วมในการอบรมอาสาสมัครกีฬาและผู้นำการออกกำลังกายในโครงการส่งเสริมอาสาสมัครกีฬาและผู้นำออกกำลังกาย ประจำปีงบประมาณ 2562

ที่โรงแรมปัญจดารา  อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา  ดร.สุรสิทธิ์ สิงห์หลง ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครราสีมา ได้กล่าวต้อนรับ ดร.สันติ  ป่าหวาย  อธิบดีกรมพลังศึกษา ที่ให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดการอาสาสมัครกีฬาและผู้นำการออกกำลังกายในโครงการส่งเสริมอาสาสมัครกีฬาและผู้นำออกกำลังกาย ประจำปีงบประมาณ 2562 โดยมีนายอภิกฤช  บัวขาว ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนานักบริหารจัดการกีฬา  กรมพละศึกษา ในนามผู้แทนคณะกรรมการดำเนินงานจัดการอบรม เป็นผู้กล่าวรายงาน

โดยกรมพละศึกษา  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่มีภารกิจในการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรทางการกีฬาและนันทนาการพื้นฐานและกีฬามวลชนโดยถือปฏิบัติตามนโยบายของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่กำหนดให้รัฐต้องดำเนินการส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพอันนำไปสู่สุขภาวะที่ยั่งยืนของประชาชน

ดังนั้น กรมพละศึกษา จึงอนุมัติให้จัดการอบรมอาสาสมัครกีฬาและผู้นำการออกกำลังกาย หรือ อสก.ประจำปีงบประมาณ 2562 โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่  23-25 กันยายน 2562 และมีผู้เข้าร่วมอบรมทั้งสิ้น  183 คน

โคราชจัด  วันปลอดรถ  โคราชคาร์ฟรีเดย์ ประจำปี 2562  

โคราชจัด  วันปลอดรถ  โคราชคาร์ฟรีเดย์ ประจำปี 2562  

ที่ผ่านมา  วันที่  22  กันยายน  2562  สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครราชสีมา สโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมา และสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันดำเนินการจัดโครงการ โคราชคาร์ฟรีเดย์ ประจำปี 2562 หรือวันปลอดรถ โดยจะได้รับเกียรติ  ดร.สุรสิทธิ์ สิงห์หลง ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิด  พร้อมด้วย  นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา  เภสัชกรจักริน  เชิดฉาย  อดีตประธานหอการค้า จังหวัดนครราชสีมา นายอัฐพล  สัมพันธ์วงศ์  ประธานศาลเจ้าแม่ทัพทิม และแขกผู้มีเกียรติอีกมากมายที่เข้าร่วมกิจกรรม  โดยมีพลเอกธงชัย  ตระสิน  ประธานที่ปรึกษาสโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้กล่าวรายงาน  พร้อมด้วย นายชาญชัย  บัวสรวง  ประธานสโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมาและคณะกรรม

โดย องค์กรในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จะรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หันมาใช้รถขนส่งมวลชน และรถจักรยานเพิ่มขึ้น เพื่อลดปริมาณรถยนต์ในท้องถนน อันส่งผลถึงการลดปัญหามลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ และยกระดับคุณภาพอากาศให้ดีขึ้น รวมทั้งลดปัญหาการจราจรติดขัด การเกิดอุบัติเหตุ ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง และจะส่งผลต่อการประหยัดพลังงานน้ำมัน รวมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

ในการจัดกิจกรรม  ได้มีการจำหน่ายเสื้อ เพื่อจัดหาทุนมอบให้กับหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน  8  แห่ง  เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ  ประกอบด้วย  โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดนครราชสีมา  , โรงเรียนโคราชวิทยา  , สมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา , ศาลเข้ากิ้วอ๋องเอี๋ย  ,ศาลเจ้าแม่ทับทิม , ชุมชนประตูชุมพลพัฒนา ,โรงเรียนอนุบาลรัฐราษฏร์รังสรรค์ และชมรมอาสาสมัคร คุมประพฤติจังหวัดนครราชสีมา    นอกจากนี้  ในการปั่นจักรยานในโครางการ โคราชคาร์ฟรีเดย์ ประจำปี 2562 นี้ ยังมีรางวัลทีมยอดเยี่ยม 5 ทีม  ประกอบด้วย

  1. ชมรมจักรยานเสือขามสอ
  2. ชมรมจักรยาน 8 AM
  3. ชมรมจักรยานเพื่อสึขภาพวังน้ำเขียว
  4. ชมรมจักรยานเสิงสางไบค์
  5. ชมรมจักรยานศิษย์หลวงพ่อดี

 

ชมรมไทย – จีน ถือศีลกินเจ โคราช จัดแถลงข่าวเทศกาลถือศีลกินเจโคราช (ครั้งที่ 14) ประจำปี 2562

ชมรมไทย – จีน ถือศีลกินเจ โคราช จัดแถลงข่าวเทศกาลถือศีลกินเจโคราช (ครั้งที่ 14) ประจำปี 2562

วันนี้ 21 กันยายน 2562 เวลา 13.00 น ณ ลานกิจกรรมชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่านครราชสีมาได้จัดงานแถลงข่าวเทศกาลถือศีลกินเจโคราช  (ครั้งที่ 14) ประจำปี 2562  โดยได้รับเกียรติจากนายปัญญา  วงศ์ศรีแก้ว   ปลัดจังหวัดนครราชสีมาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีร่วมกับหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา  วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา  สมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมาและองค์กรต่างๆ เพื่อร่วมกันแถลงข่าวเทศกาลถือศีลกินเจโคราช (ครั้งที่ 14) ประจำปี 2562

โดย นายภิญโญ  วัจนศิริเสถียร  ประธานชมรมไทย – จีน และประธานเทศกาลถือศีลกินเจโคราชประจำปี 2562  ซึ่งทางชมรมไทย- จีนถือศีลกินเจโคราชศาลเจ้าองค์กรการกุศลมูลนิธิหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้ร่วมดำเนินการจัดงานในครั้งนี้เป็นปีที่ 14 ถือเป็นประเพณีของคนไทยเชื้อสายจีนมาแต่โบราณมีระยะเวลา 9 วันโดยเริ่มต้น  ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน  ถึง วันที่ 7 ตุลาคม 2562 และหนึ่งในพิธีกรรมที่สำคัญของงานถือศีลกินเจในทุกปี  คือ  พิธีอัญเชิญประทับทรงเทพเจ้าแห่รอบเมืองโคราชหรืออิ้วเก้ง ซึ่งตรงกับ วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 08:29 น. เป็นต้นไปโดยเริ่มขบวนแห่จากหน้าลานย่าโมไปตามเส้นทางต่างๆรอบเมืองนครราชสีมา  แล้วสิ้นสุดอยู่ที่หน้าลานย่าโมและอีก 1 พิธีกรรมที่สำคัญคือ  พิธีเดินข้ามสะพานสะเดาะเคราะห์ 12 ราศี หรือโกยห่าน  เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์แก่ผู้ที่มาร่วมงาน  และภายในพิธีจะมีพิธีเดินลุยแก้วหรือเหยีอบแก้วของม้าทรงจากศาลเจ้าต่างๆอีกด้วย  ซึ่งจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2562 เวลา 19:09 น  ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไปอีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีของกลุ่มบุคคลในการจัดกิจกรรมร่วมกันและให้พี่น้องประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดนครราชสีมาได้ตั้งโต๊ะรับสักการะองค์เทพเจ้าเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกทั้งยังเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหันมารับประทานอาหารเจในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจมากขึ้นดัง คำกล่าวที่ว่า หนึ่งมื้อทานเจหมื่นชีวิตรอดตายและเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในการจัดกิจกรรมเทศกาลถือศีลกินเจและให้ประชาชนได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถือศีลทำบุญในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมาและสุดท้ายเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและอยากให้ประชาชนเยาวชนเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมอันเก่าแก่และพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรเก็บรักษาสืบทอดต่อไปตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจของจังหวัดนครราชสีมาให้ดียิ่งขึ้น

คนไทยไม่ทิ้งกัน  กลุ่มศิลปินโคราชร่วมกันจัดฟรีคอนเสิร์ต  ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคอีสานที่ลานย่าโม

คนไทยไม่ทิ้งกัน  กลุ่มศิลปินโคราชร่วมกันจัดฟรีคอนเสิร์ต  ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคอีสานที่ลานย่าโม

            

วันที่  20  กันยายน 2562 ที่ผ่านมา  ตั้งแต่เวลา  14.00 – 24.00 น.  ที่บริเวณเวทีลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี    ได้มีการจัดกิจกรรมขอรับบริจาคสิ่งของและปัจจัย  เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   จัดโดยสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมสถานจังหวัดนครราชสีมา ,  ชมรมผู้ประกอบการร้านค้า จังหวัดนครราชสีมา,คณะกรรมการสถานสงเคราะห์เด็กและเยาวชน เขต 3  จังหวัดนครราชสีมา  ,ชมรมผู้ประกอบการ แสง สี เสียง แห่งประเทศไทย (จังหวัดนครราชสีมา) และบริษัท ทริปเปิลทีบรอดแบนด์ จำกัด โดยได้รับเกียรติจาก นายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา และคุณจีระศักดิ์ คาระวิวัฒนา ประธานชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารจังหวัดนครราชสีมา ร่วมเป็นประธานในการเปิดกิจกรรมครั้งนี้ พร้อมด้วยตัวแทนจากหลายองค์กรที่ได้นำสิ่งของ และเงินมาร่วมบริจาคเป็นจำนวนมาก           และในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากกลุ่มศิลปินนักร้องจังหวัดนครราชสีมา   อาทิ   คำมอด  พรขุนเดช  ,วงระเงียว ,หม้อดิน,       บุปสบา ,  ตุ๋ย ดะดาด  วงเพลิน , โออิชิ , วงเยาวชน อูคูเลเล่โคราช ,วงดินเหนียว ,วงปูสมอหิน และวงมะละกอ       เป็นต้น มาสลับสับเปลี่ยนกันสร้างความสุขให้กับผู้ที่มาร่วมบริจาคและพี่น้องประชาชนที่ผ่านไปมา ณ บริเวณลานคุณย่าโมท่ามกลางบรรยากาศฝนที่โปรยมาอย่างชุ่มฉ่ำในบางช่วงบางตอน

ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว ผู้มีจิตศรัทธา  ได้ร่วมบริจาคสิ่งของ  อาทิ  เครื่องนุ่งห่ม  ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม เครื่องใช้ส่วนตัว  เป็นต้น  และยอดเงินที่ได้รับบริจาคเพื่อช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยจากการจัดกิจกรรมครั้งนี้    ยอด  57,179.50 บาท  โดยคณะผู้ดำเนินการจัดกิจกรรมได้มอบสิ่งของ และเงินทั้งหมดให้กับ มูลนิธิหลักเสียงเซียงตึ้ง สว่างเมตตาธรรมสถาน  จังหวัดนครราชสีมา  เป็นผู้ดำเนินการส่งต่อให้กับผู้ประสบอุทกภัยต่อไป

 

นักตบลูกยางสาวไทยสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม)

นักตบลูกยางสาวไทยสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม)

ที่ผ่านมา  คณะนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย นำโดยโค้ชด่วน ดนัย ศรีวัชรเมธากุล, กัปตันกิ๊ฟ วิลาวัลย์ อภิญญาพงศ์ พร้อมด้วยทีมชาติเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปินส์   ได้เดินทางมาเพื่อวางพวงมาลา หน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และขอพรสิ่งศักดิ์คู่เมืองโคราช เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนสู้ศึกการแข่งขันวอลเลย์บอลนานาชาติ รายการ “SAT-Thailand Volleyball Invitation 2019” ซึ่งจัดโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่จะระเบิดศึกขึ้น ระหว่างวันที่ 20-22 กันยายน 2562 นี้ ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล21 โคราช

โดยนักวอลเลย์บอลทีมชาติเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 4 ชาติชั้นนำของอาเซียน เพื่อยกระดับมาตรฐานการแข่งขันวอลเลย์บอลในภูมิภาคอาเซียน และเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อสู้ศึกซีเกมส์ด้วย โดยเป็นการแข่งขันแบบพบกันหมดทุกทีม

โดยโปรแกรมการแข่งขัน ในวันที่ 20 ก.ย. คู่แรก เวลา 14.00 น. อินโดนีเซีย พบ ฟิลิปปินส์ คู่ที่สอง เวลา 17.00 น. ไทย พบ เวียดนาม, วันที่ 21 ก.ย. คู่แรก เวลา 14.00 น. เวียดนาม พบ อินโดนีเซีย คู่ที่สอง เวลา 17.00 น. ไทย พบ ฟิลิปปินส์, วันที่ 22 ก.ย.คู่แรก เวลา 14.00 น. ฟิลิปปินส์ พบ เวียดนาม คู่ที่สอง ไทย พบ อินโดนีเซีย

โคราช’พร้อมเต็มร้อยจัดตบลูกยางอาเซียนกรังด์ปรีซ์ 2019

โคราช’พร้อมเต็มร้อยจัดตบลูกยางอาเซียนกรังด์ปรีซ์

โคราช พร้อมเต็มร้อยเป็นเจ้าภาพจัดตบวอลเลย์บอลหญิงอาเซียนกรังด์ปรีซ์ 2019 “แซท ไทยแลนด์ วอลเลย์บอล อินวิเตชั่น 2019” ที่ศูนย์การค้าเทอมินอล 21 โคราช จ.นครราชสีมา 4 ชาติ ไทย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, เวียดนาม ร่วมดวลศึก

นายเกื้อ ชูศรี ผู้อำนวยการ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ภาค 3 จ.นครราชสีมา พร้อมด้วย นางสาวปพิชชา ณ นครพนม ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเทอมินอล 21 โคราช ร่วมกันเป็นประธานแถลงข่าวความพร้อมจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงอาเซียนกรังด์ปรีซ์ 2019 “แซท ไทยแลนด์ วอลเลย์บอล อินวิเตชั่น 2019” ที่ศูนย์การค้าเทอมินอล 21 โคราช จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 18 กันยายน

นายเกื้อ ชูศรี ผู้อำนวยการ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ภาค 3 จ.นครราชสีมา กล่าวว่า “สำหรับความพร้อมในการจัดการแข่งขันรายการนี้นั้น ทาง จังหวัดนครราชสีมาเคยผ่านการจัดกีฬาทั้งรายการระดับเล็กๆ จนถึงรายการระดับโลกมาหมดแล้ว โดยเฉพาะกีฬาวอลเลย์บอล ที่ผ่านมา เราเป็นเจ้าภาพทั้งในระดับเอเชียและระดับโลก ดังนั้นมั่นใจว่าทางจังหวัดมีความพร้อมสำหรับการแข่งขันครั้่งนี้อย่างแน่นอน”

สำหรับพิธีเปิดการแข่งขัน จะมีขึ้น ในวันที่ 20 ก.ย. โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นนอกจากนี้ ยังมีการแสดงจากศิลปินชื่อดัง ศิลปินวง BNK 48 ส่วนพิธีปิดการแข่งขัน จะมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันเช่นกัน ในเวลา 19.00 น.วันที่ 22 ก.ย. โดยมีการถ่ายทอดสดทางช่องพีพีทีวี ในวันสุดท้าย วันที่ 22 ก.ย.เวลา 17.00 น.

ด้าน โปรแกรมการแข่งขัน ในวันที่ 20 ก.ย.คู่แรก เวลา 14.00 น. อินโดนีเซีย – ฟิลิปปินส์ คู่สอง เวลา 17.00 น. ไทย – เวียดนาม วันที่ 21 ก.ย.คู่แรก เวลา 14.00 น. เวียดนาม – อินโดนีเซีย คู่สอง เวลา 17.00 น. ไทย – ฟิลิปปินส์ วันที่ 22 ก.ย.คู่แรก เวลา 14.00 น. ฟิลิปปินส์ – เวียดนาม คู่สอง เวลา 17.00 น. ไทย – อินโดนีเซีย โดยทุกนัดที่ทีมชาติไทยลงทำการแข่งขัน จะถ่ายทอดสดทาง พีพีทีวี เอชดี 36 และ เอสเอ็มเอ็มทีวี

 

พ่อเมืองโคราช ตั้งวอร์รูมเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริการในสุกรระดับจังหวัด รูปแบบเฉพาะหน้าที่ (Functionl Exercise) ของจังหวัดนครราชสีมา 

พ่อเมืองโคราช ตั้งวอร์รูมเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริการในสุกรระดับจังหวัด รูปแบบเฉพาะหน้าที่ (Functionl Exercise) ของจังหวัดนครราชสีมา 

ที่ผ่าน วันที่ 16 กันยายน นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานเปิดโครงการฝึกการซักซ้อมแผนเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมอหิวาต์แอฟริกาในสุกรระดับจังหวัด รูปแบบเฉพาะหน้าที่ (Functionl Exercise) ของจังหวัดนครราชสีมา ที่โรงแรมจอมสุรางค์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมีนายพศวีร์ สมใจ ปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ 32 อำเภอ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเอกชนผู้เลี้ยงสุกรจำนวนกว่า 200 คน รับฟังการชี้แจงให้ความรู้เรื่องแผนการเตรียมความพร้อมและแนวทางเวชปฏิบัติของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและจัดกลุ่มระดมความคิดเห็นพร้อมจัดการฝึกอบรมซ้อมแผน

นายวิเชียร  จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เผยว่า โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรเป็นโรคระบาดในสุกร เกิดจากเชื้อไวรัส อาการตายเฉียบพลัน มีไข้สูง ผิวหนังมีจุดเลือดออกเป็นรอยช้ำ เฉพาะใบหู ท้อง ขาหลัง ระบบหายใจแห้ง อัตราป่วย 100 % ตาย 30-100 % ไม่มีวัคซีนป้องกันแต่ไม่ติดต่อในมนุษย์ จังหวัดนครราชสีมา มีการผลิตสุกรมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยมีจำนวนสุกร 441,597 ตัว โรงฆ่าสุกร 48 แห่ง อัตราการผลิต 3,865 ตัวต่อวัน มีการเคลื่อนย้ายสุกรเข้ามาในพื้นที่ 108,774 ตัว และเคลื่อนย้ายออก 200,395 ตัว สถานการณ์ปัจจุบันแม้นยังไม่พบการระบาดในประเทศไทย แต่พบการระบาดในประเทศกัมพูชาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ดังนั้น  จึงต้องให้ความสำคัญหากเกิดการระบาดจะทำให้เกิดความสูญเสียด้านเศรษฐกิจอย่างมหาศาล โดยยกระดับแนวทางมาตรการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าประเทศไทย เช่นจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (War Room) เฝ้าระวังและควบคุมโรค ฯ การประเมินซักซ้อมแผน เพื่อทดสอบและประเมินขีดความสามารถรวมทั้งกำหนดบทบาทที่ใช้เผชิญกับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา การประชาสัมพันธ์และให้องค์ความรู้ สร้างความเข้าใจและสร้างความตระหนักให้ผู้เลี้ยงสุกรและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อสร้างเครือข่ายเป็นแนวร่วมอย่างมีประสิทธิภาพ  นอกจากนี้  ผู้ว่ายังได้ฝากความห่วงใยไปยังพี่น้องเกษตรกรที่เลี้ยงสุกร ให้เข้มแข็งและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

นักวิ่งชาวต่างชาติคว้าชัย วิ่งฝ่าฝนปลูกป่าช่วยเหลือสัตว์ป่ากับเราที่เขาใหญ่ “Khao Yai Running in The Rain”

Khao Yai Running in The Rain  มร.กิลเรส กูติเออร์ จากฝรั่งเศสใช้เวลา 49 นาทีเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ในระยะทาง 12 กิโลเมตรชาย ขณะที่ ไอริณ โรจนดิษฐ์ ชนะเลิศประเภทหญิง สมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ แม่งานแฮปปี้ พร้อมมอบทุนให้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 1 แสนบาท

ผ่านพ้นกันไปแล้วสำหรับการจัดงาน “วิ่งฝ่าฝนไปปลูกป่าและช่วยสัตว์ป่ากับเราที่เขาใหญ่”       ( Khao Yai Running in The Rain ) เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 15ก.ย.2562 ที่ผ่านมา บริเวณ วัดกุดคล้า ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่-เส้นทางแนวกันไฟ) ท่ามกลางบรรยากาศมีฝนโปรยปรายที่ตกต่อเนื่องมาตั้งแต่คืนก่อนแข่ง ทำให้มีลมหนาวเย็นสบาย ขณะที่ผู้เข้าร่วมวิ่งที่สมัครเล่นกันจนเต็ม จำนวน 1,200 คน  ก็เดินทางมากันอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเวลา 05.00 น.

สำหรับงาน “วิ่งฝ่าฝนไปปลูกป่าและช่วยสัตว์ป่ากับเราที่เขาใหญ่” ( Khao Yai Running in The Rain ) เป็นวิ่งการกุศลเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ด้วยการหารายได้ช่วยเหลือสนับสนุนการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พร้อมจัดทุนซื้อเครื่องมือช่วยเหลือสัตว์ป่าที่เจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บให้กับศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ป่า ดงพญาเย็น โดยรอบอุทยานเขาใหญ่ที่ถือเป็นมรดกโลกแหล่งที่ 5 อีกด้วย
โดยพิธีเปิดมี นายสุรพันธ์ ศิลปะสุวรรณ นายอำเภอปากช่อง เดินทางมาเป็นประธานในการปล่อยตัวนักวิ่ง พร้อมด้วย ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ และผู้มีเกียรติจำนวนมาก อาทิ คุณรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขานครราชสีมา,พ.อ.ถาวร ร่วมสุข ผู้บังคับศูนย์การสุนัขทหาร กรมการสัตว์ทหารบก,คุณธนะชัย อินทรศร ผอ.หมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว,คุณศารุมภ์ โหม่งสูงเนิน พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา,นพ.พิเชษฐ์ ชุนพิพัฒน์ ผอ.โรงพยาบาลกรุงเทพ – ปากช่อง,คุณไชยนันท์ แสงทอง วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา,ดร.ศุภเสฐ คณากูล นายกสมาคมผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน,คุณชนะพันธ์ แก้วกล้าไชยวุฒิ นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน,คุณชัชวาลย์ วงศ์จร ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา,คุณครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่,คุณวันกล้า ขวัญแก้ว นายกสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์,พ.ต.อ.สุวัฒน์ ฉัตรเจริญพร สภ.หมูสี,พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์ สภ.ปากช่อง,คุณสุรสิทธิ์ สิงห์หลง ผอ.การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  และนายฐิติรัตน์  พงษ์พุทธรักษ์  นายกสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา

ซึ่ง ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ ในฐานะประธานจัดงาน “วิ่งฝ่าฝนไปปลูกป่าและช่วยสัตว์ป่ากับเราที่เขาใหญ่” ( Khao Yai Running in The Rain ) ได้เผยว่า ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ได้จัดวิ่งรายการนี้ขึ้น รู้สึกดีใจมากที่กระแสตอบรับจากนักวิ่งทั่วประเทศหลั่งไหลสมัครเข้าร่วมกันจำนวนมากจนล้นโควต้า และเป็นส่วนหนึ่งในการมอบรายได้ให้กับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นจำนวน 100,000 บาท เพื่อนำไปช่วยเหลือสัตว์ป่าที่เจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บให้กับศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสัตว์ป่าในครั้งนี้ ซึ่งนักวิ่งที่มาร่วมต่างก็มีความสุขถ้วนหน้า และยังชื่นชมว่าทางเรากำเนินการได้ดี ทั้งเส้นทางวิ่ง จุดบริการต่างๆ และอาหารที่นำสุดยอดของดีในเมืองโคราชและปากช่องมาบริการอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ก็ขอขอบพระคุณผู้เข้าร่วมที่ได้เป็นมาเยือนและเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยชีวิตสัตว์ป่า

“ส่วนปีต่อไปเรายังคงดำเนินการต่อแน่นอน และคงคอนเซปต์ในการจัดช่วงโลวซีซั่นที่เป็นหน้าฝนแบบนี้ นักวิ่งก็บอกว่าได้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ แต่อาจจะขยับให้เร็วขึ้นกว่าเดิมไปเป็นช่วงต้นฝนและมีระยะวิ่ง 21 กิโลเพิ่มเข้ามาด้วย”

 

“ก็ต้องเรียนว่าการจัดกิจกรรมนี้ทุกภาคส่วนและธุรกิจบริเวณรอบเขาใหญ่ต่างร่วมไม้ร่วมมือกันอย่างดี เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงที่ไม่มีใครมาเที่ยวช่วงหน้าฝน เราต้องการให้เห็นว่าช่วงนี้บรรยากาศที่เขาใหญ่สวยงามไม่แพ้ฤดูอื่นเช่นกัน ซึ่งจากที่เราจัดงานนี้มาปรากฏว่าธุรกิจโรงแรมที่พัก ร้านอาหารดีขึ้นมาก ทุกที่ถูกจองกันเต็มหมด แน่นอนว่าเราจะคงจะวิ่งรายการนี้ต่อไปทุกปี และทำให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม”
ในส่วนผลการแข่งขัน ปรากฏว่าระยะทาง 12 กิโลเมตรชาย เข้ามาเป็นที่ 1 ได้แก่ มร.กิลเรส กูติเออร์ ชาวฝรั่งเศสเข้าเส้นชัยใช้เวลาเพียง 49 นาทีเท่านั้น อันดับสอง นายอภิชาติ เหล่ารัดเดชา อันดับ 3 นายนนทนันท์ นวลงาม ส่วนชนะเลิศประเภทหญิง ชนะเลิศได้แก่ คุณไอริณ โรจนดิษฐ์ ทำเวลา 56 นาที อันดับสอง คุณกัลยา ศรีนันทวงศ์ อันดับ 3 คุณกสุมา โกมล และประเภททีมที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมมากสุดได้แก่ทีม กรานมอนเต้

ระดมกำลังทุกภาคส่วนหาทางรอด..แก้ไขปัญหาชาวไร่อ้อย

ภาคเอกชนขานรับ ระดมหาทางรอดชาวไร่อ้อย แก้ปัญหาราคาน้ำตาลไทย เน้นย้ำลดเผาอ้อย


สอน.จับมือภาคเอกชน หาทางรอดของชาวไร่อ้อย จากวิกฤตอุตสาหกรรมอ้อย น้ำตาลไทย ที่ราคาตกต่ำ เน้นลดเผาอ้อย “ช้างแทรกเตอร์” หนุนรับช่วยชาวไร่อ้อย แก้ปัญหาขาดแรงงาน และเพิ่มศักยภาพให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในตลาดอาเซียนและตลาดโลกอย่างยั่งยืน


จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับ หน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐและเอกชน 3 สมาคมหลัก อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล รวมทั้งโรงงานน้ำตาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 21 แห่ง ร่วมสนับสนุนการจัดงาน Sugarex Thailand 2019 โดยมี นายสมพล โนดไธสง รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม นายปานทอง สระคูพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และ Mr. Nong Guang ประธานสมาคมกว่างซีจ้วง ชูการ์ อินดัสทรี่ ร่วมเปิดงาน ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ (KICE) จังหวัดขอนแก่น เมื่อเร็วๆ นี้
คุณปุณฑริกา แสนฤทธิ์ ผู้จัดการบริษัท ไฟร์เวิร์คส มีเดีย (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า เป็นการจัดงานครั้งแรกในพื้นที่ภาคอีสาน เพราะเชื่อว่า เป็นภาคที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจด้านการเกษตร อีกทั้งเป็นภาคที่ มีโรงงานน้ำตาลทราย ถึง 21 แห่ง มากที่สุดในประเทศไทย เป็นแหล่งพื้นที่เกษตรกรรม เป็นพื้นที่ปลูกอ้อยที่สำคัญของประเทศ และยังมีเกษตรกรที่ประกอบอาชีพปลูกอ้อยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
การจัดงาน Sugarex Thailand 2019 เป็นการรวมตัวของนักวิชาการ ผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรม นักลงทุน คู่ค้า ทั้งในประเทศ และต่างประเทศแถบทวีปเอเชีย โดยเฉพาะเครื่องจักรและเทคโนโลยีนวัตกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล นอกจากนี้ ยังได้รับฟังการเสวนาเพื่อเสริมสร้างความรู้สู่ความยั่งยืนให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในหัวข้อ “ทางรอดของชาวไร่อ้อย จากวิกฤตอุตสาหกรรมอ้อย น้ำตาลไทย ที่ราคาตกต่ำ” เน้นย้ำ “มาตรการแก้ปัญหาเผาอ้อย” ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและใส่ใจในสิ่งแวดล้อมของเกษตรกรชาวไร่อ้อย การจัดงาน Sugarex Thailand 2019 จึงเป็นการสร้างประสิทธิภาพ ในวงการธุรกิจน้ำตาล และอ้อย ให้เทียบเท่าระดับสากล คุณปุณฑริกา กล่าว
นายวรกันต์ หงส์กา ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ช้างแทรกเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในฤดูการตัดอ้อย ปัญหาของผู้ประกอบการ คือ ไม่มีแรงงานที่จะมาสางใบอ้อย ดังนั้น ถ้าไม่เผา ก็ไม่มีแรงงานตัด และยังมีปัญหาการขาดแรงงาน เมื่อจำเป็นต้องเร่งตัดในช่วงปลายฤดูกาล จำเป็นต้องพึ่งแรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นปัญหาหลักของเกษตรกรชาวไร่อ้อยเช่นเดียวกัน
เชื่อว่า ปัญหาแรงงาน และปัญหาการเผาอ้อย จะหมดไป เมื่อรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างจริงจังในการสนับสนุน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตร และได้ขยายโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี 2562 – 2564 โดยให้ ธนาคาร ธ.ก.ส. เตรียมวงเงินกู้รวม 6,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย หรือ กลุ่มบุคคลและวิสาหกิจชุมชน วงเงินกู้ปีละ 2,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี ในอัตราดอกเบี้ย 2%
เพื่อให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่าและยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกรชาวไร่อ้อย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ นำไปซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่อท้ายแทรกเตอร์ อาทิ เครื่องสางใบอ้อย เครื่องตัดอ้อย และอื่น ๆ ที่ใช้ในการปลูกและบำรุงรักษาอ้อย เป็นแนวทางในการช่วยเพิ่มผลผลิต รักษาคุณภาพผลผลิตอ้อย ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อีกทั้ง ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ในระยะยาว ส่งผลให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น นับเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย และเพิ่มขีดความสามารถให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยสามารถแข่งขันได้ทั้งในตลาดอาเซียนและตลาดโลกอย่างยั่งยืน
นายวรกันต์ กล่าวต่อว่า อยากให้เกษตรกรได้ศึกษาการใช้งานของเครื่องจักรกล ที่จะเป็นตัวช่วยเพื่อแทนแรงงานที่ขาดแคลนได้ อาทิ เครื่องสางใบอ้อยที่จะช่วยกำจัดใบอ้อยซึ่งเป็นอุปสรรคและปัญหาอันดับแรกของแรงงาน จากนั้น ใช้เครื่องตัดอ้อย เป็นเครื่องช่วยในการทำงานแบบรวดเร็ว สะดวก ไม่เสียเวลา โดยมีรุ่น และขนาดให้เลือกเพื่อ ความเหมาะสมกับพื้นที่การใช้งานจริง เชื่อว่า การใช้เครื่องสางใบอ้อย และเครื่องตัดอ้อย จะทำให้หมดปัญหา การขาดแรงงาน หมดปัญหาการเผาอ้อย เพราะเครื่องสางใบ และเครื่องตัดอ้อย จะเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการตัดอ้อยได้ทันตามกำหนด และไม่ทำให้คุณค่าของผลผลิตจากอ้อยเสียไปอีกด้วย
“จากการคำนวณ การใช้เครื่องสางใบและเครื่องตัดอ้อย ระยะเวลาการทำงานใน 1 ชม. สามารถตัดอ้อยได้ถึง 2 ไร่ หรือ 40 ตันต่อ1พ่วง ในระยะเวลา8 ชม. สมารถตัดอ้อยได้ 2 พ่วง หรือ 80-100 ตัน จึงเป็นการลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 8 เท่า เพราะการใช้แรงงานคนต้นทุน 120 บาทต่อตัน แต่การใช้เครื่องทุ่นแรง ต้นทุนจะอยู่ที่ 20 บาทต่อตัน ดังนั้น การใช้เครื่องจักรทำงาน จึงเป็นการแก้ปัญหาชาวไร่อ้อยอย่างยั่งยืน สำหรับผู้ประกอบการชาวไร่อ้อยที่สนใจเครื่องจักรเพื่อการเกษตร สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ หจก. เอ็ม.ที. แทรกเตอร์ชุมแพ 59 ม.1 ถ.มะลิวรรณ ต.ไชยสอ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น โทรศัพท์ 081 873 2390 หรือ www.changtractor.com” นายวรกันต์ กล่าว

ผู้ว่าโคราช..นำอุปกรณ์รถเข็นขายลูกชิ้น และสิ่งของยังชีพไปมอบให้กับ นางสุข ศรทอง ที่เลี้ยงหลานลำพัง

ผู้ว่าโคราช..นำอุปกรณ์รถเข็นขายลูกชิ้น และสิ่งของยังชีพไปมอบให้กับ นางสุข ศรทอง ที่เลี้ยงหลานลำพัง

วันที่ 13 กันยายน 2562 ที่ตลาดประชารัฐวันศุกร์ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้นำอุปกรณ์รถเข็นขายลูกชิ้น และสิ่งของยังชีพไปมอบให้กับ นางสุข ศรทอง อายุ 62 ปี ซึ่งประกอบอาชีพค้าขายเล็กๆน้อยๆ และอาชีพเก็บของเก่าขายภายในชุมชนริมทางรถไฟ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา โดยนางสุขฯเป็นสมาชิก อสม.และมีจิตใจเมตตาเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูเด็กชายทรงภพ ชมภู่ หรือน้องปังปอนด์ อายุ 9 เดือน และเด็กหญิงวันวิสา ชมภู่ หรือน้องบอล อายุ 10 ปีพี่สาว


เนื่องจากมารดาของเด็กเสียชีวิตและบิดาก็ไม่สนใจเลี้ยงดูบุตรของตนเองแลัไม่ทราบว่าย้ายไปอบู่ที่ใด ทั้งนี้ทางจังหวัดฯได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกันให้ความช่วยเหลือ หาที่อยู่อาศัย มอบเงินและอุปกรณ์หาเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นรถเข็นและกระทะเหล็กสำหรับขายลูกชิ้นทอด และมอบเงินลงทุนจำนวน 5,000 บาท มอบให้กับนางสุขฯ ไว้เพื่อทำทุนในการค้าขายเชื่อว่าจะทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระดับหนึ่ง