ม.ราชภัฏโคราช !แถลงข่าววันแห่งการสถาปนาคณะ ฉลองครบรอบ 32 ปี

ม.ราชภัฏโคราช !แถลงข่าววันแห่งการสถาปนาคณะ ฉลองครบรอบ 32 ปี

วันที่ 6 สิงหาคม 2561 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดแถลงข่าวโตย ดร.ยุทธกร ฤทธิ์ไธสง คณบดีคณะวิทยาการจัดการ เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุธาสินี โพธิ์ชาธาร รองคณบดีฝ่ายวิชาการ ดร.จุฑาทิพย์ สุทธิเทพ รองคณบดีฝ่ายบริหาร อาจารย์อิศริย์ เดชตานนท์ รองคณบดีฝ่ายวางแผนและประกันคุณภาพการศึกษา อาจารย์ชิษณุพงศ์ ธนพิบูลพงศ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และ ดร.พวงพรภัสสร์ วิริยะ ผู้ช่วยคณบดี ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ ร่วมการแถลงข่าว

เนื่องในโอกาสครบรอบ 32 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิทยาการจัดการ ภายใต้ชื่อ ศาสตร์แห่งวิทยาการจัดการเพื่อรับใช้สังคม…ยุคประเทศไทย 4.0” (The Social Engagement of Management Science inThailand 4.0)” โดยการแถลงข่าวเริ่มจากการแสดงเปิดงาน ในชื่อชุด “Shake…Shake…- Welcome to FMS” งานครบรอบ 32 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิทยาการจัดการ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 สิงหาคม 2561 เวลา 08.30-16.30 น. ณ คณะวิทยาการจัดการ บริเวณอาคาร 13 และอาคาร 22 กิจกรรมภายในงาน ได้จัดให้มีการแข่งขันตอบปัญหาทางด้าน “เศรษฐศาสตร์” ระดับมัธยมศึกษา การแข่งขันตอบปัญหา

“ศาสตร์บริหารจัดการ” การจัดอบรมเรื่อง การพัฒนาบุคลิกภาพสู่นักทรัพยากรมนุษย์มืออาชีพ เรื่อง Update ภาษีเงินได้ปี 2561 (60) เรื่อง การผสมเครื่องดื่มม๊อกเทลอย่างมืออาชีพ เรื่อง เทคนิคการถ่ายภาพบุคคลและเรื่อง เทคโนโลยีอุบัติใหม่ทางด้านการศึกษา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ Show & Share ในหัวข้อ ห้องพักนักบัญชียุค 4.0 หัวข้อ Logistics & Supply chain Open House หัวข้อ การเปิดบ้าน การจัดการ หัวข้อ Hotel Show & share หัวข้อ Tourism Show & share หัวข้อ Smart NRRU Comm.arts “เทคโนโลยีการผลิตสื่อภาพและเสียง” หัวข้อ “Work shop แนะนำบทเรียนออนไลน์” พร้อมชมผลงาน

ของนักศึกษา (ที่จอดรถอัจฉริยะ) และออกร้านจำหน่ายสินค้าจากสาขาวิชาต่าง ๆ การจัดงานแถลงข่าวครั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักศึกษา ศิษย์เก่า และประชาชนที่ทราบข่าว ได้เข้าร่วมงานครบรอบ 32 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

อีกทั้งเพื่อแสดงถึงศักยภาพในงานด้านวิชาการของคณะ ภายใต้รูปแบบที่หลากหลาย ทั้งผลงานของคณาจารย์ และนักศึกษา รวมถึงเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และคณาจารย์ ได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้เพิ่มพูนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสร้างความรัก ความสามัคคีซึ่งกันและกัน ร่วมกันส่งเสริมกิจกรรมให้สอดคล้องกับการประกันคุณภาพการศึกษา ทางด้านการเรียนการสอน งานวิจัย การบริการวิชาการ การส่งเสริมกิจการนักศึกษา และการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรมในโอกาสนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ขอเชิญชวนนักศึกษา ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และประชาชนทั่วไปที่ทราบข่าว เข้าร่วมงานครบรอบ 32 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิทยาการจัดการตามวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม หรือ สมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้ที่เว็บไซต์ www.fms.nrru.ac.th สอบถามเพิ่มเติมที่ คณะวิทยาการจัดการ อาคาร 22 ชั้น 1 หมายเลขโทรศัพท์ 0-4400-9009 ต่อ 2200

ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จ.นครราชสีมา และบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดโครงการ “ขุนพันธ์ 2 Blood Hero สละเลือดเพื่อชาติ 1 ล้านซีซี”

5 ส.ค.61 ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จ.นครราชสีมา สภากาชาดไทย และบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขอขอบคุณผู้บริจาคโลหิต ในโครงการ “ขุนพันธ์ 2 Blood Hero สละเลือดเพื่อชาติ 1 ล้านซีซี” ณ บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์โคราชซินิเพล็กซ์ เดอะมอลล์นครราชสีมา ผู้บริจาคโลหิตรับเสื้อยืดเป็นที่ระลึกโอกาสนี้นักแสดงจากภาพยนตร์ขุนพันธ์ 2 ก็ได้มาพบปะและให้กำลังใจผู้บริจาคโลหิตด้วย อาทิ อนันดา เอเวอริงแฮม, ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ, แม็กกี้ อาภา ภาวิไล โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก

 

 

“เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2018” การวิ่งมาราธอนครั้งยิ่งใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา

บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน จัดกิจกรรม “เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2018” การวิ่งมาราธอนครั้งยิ่งใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยสุขภาพดี และต่อยอดแนวคิดกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา  ในวันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม 2561

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการต่อยอดแนวคิดกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของชาวโคราช เดอะมอลล์ นครราชสีมา ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), จังหวัดนครราชสีมา, สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  ซึ่งการจัดกิจกรรม “เดอะมอลล์ โคราช มาราธอน 2018” การแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งยิ่งใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา รายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่ายร่วมบริจาคสมทบทุนให้กับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดยมีรูปแบบการวิ่งผสมผสานการท่องเที่ยวภายในจังหวัดนครราชสีมา ด้วยเส้นทางวิ่งที่นักวิ่งจะได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ของเมืองโคราช รวมถึงระบบการจัดการและความปลอดภัยตลอดเส้นทาง โดยจุดสตาร์ทอยู่ที่หน้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา

 

 

ทั้งนี้ นักวิ่งสามารถเลือกเข้าแข่งขันการวิ่งมาราธอนใน 4 ประเภท ได้แก่ ระยะทาง 42.195 กิโลเมตร, การวิ่งฮาล์ฟมาราธอนระยะทาง 21.5 กิโลเมตร, การวิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 12.2 กิโลเมตร และรูปแบบ Fun Run ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร โดยแบ่งกลุ่มผู้เข้าแข่งขันเป็นชาย หญิง ตามประเภทการวิ่งและช่วงอายุสำหรับผู้ชนะการแข่งขันวิ่งมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร จะได้รับถ้วยรางวัลชนะเลิศโอเวอร์ออล เฉพาะบุคคลชาย-หญิง ไม่จำกัดรุ่น รางวัลถ้วยประทาน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา(สงวนสิทธิ์สำหรับนักวิ่งชาวไทย)พร้อมเงินรางวัล 15,000 บาท เสื้อ Finisher , รองเท้าวิ่งมาราธอน ASICS มูลค่า 6,500 บาท จำนวน 2 รางวัล (ชาย 1 คู่ หญิง 1 คู่) และผู้ชนะชายและหญิงอันดับ 1-5 ในแต่ละกลุ่ม จะได้รับเงินรางวัล ดังนี้ อันดับ 1 เงินรางวัล 10,000 บาท, อันดับ 2 เงินรางวัล 8,000 บาท, อันดับ 3 เงินรางวัล 7,000 บาท, อันดับ 4 เงินรางวัล 6,000 บาท และอันดับ 5 เงินรางวัล 5,000 บาท

รางวัลสำหรับผู้ชนะในการวิ่งฮาร์ฟมาราธอนระยะทาง 21.5 กิโลเมตรจะได้รับถ้วยชนะเลิศโอเวอร์ออล เฉพาะบุคคลชาย-หญิง ไม่จำกัดรุ่น จาก พณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ (สงวนสิทธิ์สำหรับนักวิ่งชาวไทย)พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท ผ้าบัฟ Finisher, รองเท้าวิ่งมาราธอน MIZUNO มูลค่า 4,600 บาท จำนวน 2 รางวัล (ชาย 1 คู่ หญิง 1 คู่)และผู้ชนะชายและหญิงอันดับ 1-5 ในแต่ละกลุ่ม จะได้รับเงินรางวัล ดังนี้ อันดับ 1 เงินรางวัล 5,000 บาท, อันดับ 2 เงินรางวัล 4,000 บาท, อันดับ 3 เงินรางวัล 3,000 บาท อันดับ 4 เงินรางวัล 2,000 บาท และอันดับ 5 เงินรางวัล 1,000 บาท

 

รางวัลสำหรับผู้ชนะในการวิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 12.2 กิโลเมตร ผู้ชนะชายและหญิงอันดับ 1-3 ในแต่ละกลุ่มอายุ จะได้รับรองเท้าวิ่ง BAOJI มูลค่า 1,490 บาท จำนวน 4 รางวัล (ชาย 2 คู่ หญิง 2 คู่)อันดับที่ 1 ประเภทอายุ 50 ปีขึ้นไป (ชาย 1 คู่ หญิง 1 คู่) และ อันดับที่ 1 ประเภทอายุ 41-50 ปี (ชาย 1 คู่ หญิง 1 คู่) นอกจากนี้จะได้รับเงินรางวัล ดังนี้ อันดับ 1 เงินรางวัล 3,000 บาท, อันดับ 2 เงินรางวัล 2,000บาท, อันดับ 3 เงินรางวัล1,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการวิ่งฟันรันระยะทาง 4.5 กิโลเมตร โดยนักวิ่งทุกท่านที่เข้าเส้นชัยจะได้รับเหรียญรางวัลเป็นที่ระลึก โดยในปี 2018 นี้ มีนักวิ่งเข้าร่วมกิจกรรม กว่า 4,000 คน

  

! เปิด AIS Shop สาขาเซ็นทรัลพลาซา- ถ่ายทอดประสบการณ์ AIS THE DIGITAL GALLERY สาขาแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา

! เปิด AIS Shop สาขาเซ็นทรัลพลาซา- ถ่ายทอดประสบการณ์ AIS THE DIGITAL GALLERY สาขาแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา

วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2561 เวลา 13.00-14.00 น.
ณ AIS Shop ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา เรียนเชิญผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติร่วมพิธีเปิด AIS Shop
สาขาเซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา อย่างเป็นทางการ.โดย คุณสุรวุติ เชิดชัย นายกเทศบาลนครนครราชสีมา คุณอุดมศักดิ์ โสมคำ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานปฏิบัติการภูมิภาค-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, คุณยงยุทธ สุทธัง ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และคุณเวียร์ ศุกลวัฒน์ ศิลปินเบอร์หนึ่งของเมืองไทย ถ่ายทอดประสบการณ์ AIS THE DIGITAL GALLERY สาขาแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ครั้งแรก! ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


เปิดประสบการณ์เข้าถึงดิจิทัลแบบใหม่ พลิกโฉม AIS THE DIGITAL GALLERY ใหม่ใจกลางเมืองโคราช
เอไอเอสยกระดับงานบริการที่ล้ำสมัยไปอีกขึ้น สร้างประสบการณ์เข้าถึงดิจิทัลแบบใหม่ให้กับลูกค้า ด้วยการเปิดโฉมใหม่ที่ AIS Shop เซ้นทรัล นครราชสีมา ชั้น 2 เป็นแกลอรี่ แสดงนวัตกรรมดิจิทัลในรูปแบบของงานศิลปะ รวบรวมเทคโนโลยีและสมาร์ทแก็ดเจ็ดที่ทันสมัย ดีไซน์สวย จากแบรนด์ชั้นนำ มาให้ลูกค้าได้สัมผัส ทดลองใช้ และเลือกซื้อก่อนใคร

นายอุดมศักดิ์ โสมคำ หัวหน้าส่วนงานปฏิบัติการภูมิภาค-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เอไอเอส กล่าวว่า “เอไอเอส ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ให้คนยุคใหม่ และในวันนี้ จากความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าในยุคปัจจุบันที่ต้องการได้รับประสบการณ์จากการสัมผัส ทดลองใช้ และเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ด้วยตนเอง เอไอเอสจึงใช้งบประมาณกว่า 40 ล้านบาท เริ่มต้นด้วยการพลิกโฉม AIS Shop บริเวณชั้น 4 เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคดิจิทัล ภายใต้คอนเซ็ปท์ “AIS THE DIGITAL GALLERY” เปรียบเสมือนแหล่งรวมนวัตกรรมเทคโนโลยีของโลกยุคดิจิทัล ที่นอกจากจะสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้ได้ทดลองใช้ และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่หลากหลาย ทันสมัย ดีไซน์สวย จากแบรนด์ชั้นนำมากมาย พร้อมพลิกโฉมช็อปแห่งนี้ ให้เป็น Gallery แสดงงานศิลป์ นำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของการแสดงผลงานศิลปะ โดยวางผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นแสดงบนแท่นโชว์ (AIS Intelligent Unit) ที่ออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ ทำให้สะดวกในการสัมผัส รวมทั้งจัดหมุนเวียนผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สลับผลัดเปลี่ยน มาให้ลูกค้าได้สัมผัสก่อนใคร เพื่อเป็นการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้ายุคดิจิทัล เอไอเอสจึงผสานคน และเทคโนโลยี เป็น Next Generation Team ที่พร้อมส่งมอบมิติใหม่ของงานบริการให้แก่ลูกค้า โดยพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้เป็น Digital Guru ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ดิจิทัลต่างๆ สามารถให้คำแนะนำ และช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ
เอไอเอสจะขยาย AIS Shop Concept ใหม่มายังภูมิภาค โดยเอไอเอสช็อป สาขาเซ็นทรัล นครราชสีมาเป็นสาขาแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจะขยายไปถึง 70 Shop ทั่วประเทศ ภายในปี 2018 นี้

AIS SHOP โฉมใหม่ ประกอบด้วย 4 โซนหลัก
Digital Gallery: เป็นพื้นที่จัดแสดงนวัตกรรมสุดล้ำจากแบรนด์ชั้นนำต่างๆ นำมาจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสก่อนใครที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น Smartphone รุ่นใหม่, Wearable Tracking ต่างๆ เพื่อคนรักสุขภาพ และ Gadget ไฮเทคอีกมากมาย
Digital Bar : พื้นที่ที่ให้คนรุ่นใหม่ สามารถเข้ามาทดลองใช้สินค้า, เวิร์คช็อป, พูดคุย หรือปรึกษา Digital Guru ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นอย่างดี ซึ่งจะคอยเป็นผู้ช่วยและให้คำแนะนำลูกค้าอย่างมืออาชีพ
Digital Entertainment: สัมผัสความเร็วเต็มสปีด จาก AIS Fibre อินเทอร์เน็ตบอร์ดแบนความเร็วสูง ไฟเบอร์แท้ 100% และประสบการณ์ความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ ทั้งจากแอป AIS PLAY และกล่อง AIS PLAYBOX ที่มาพร้อมคอนเทนต์ความบันเทิงระดับโลก ที่จะทำให้ลูกค้าได้รับความสนุกสนาน เสมือนรับชมอยู่ที่บ้าน
Serenade : ห้องรับบริการสุดเอ็กซ์คลูชีพสำหรับลูกค้าเซเรเนดคนพิเศษโดยเฉพาะ

!!ฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ต้อนรับ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่เมืองย่าโม เยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าในการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย

!!ฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ต้อนรับ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่เมืองย่าโม เยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าในการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย

วันที่ 4 สิงหาคม 2661 พลตำรวจเอก อดุลย์  แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานนายสุทธิสุโกศลอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวรายงาน  นายสุเมธ โศจิพลกุล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา และข้าราชการสังกัดสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมาให้การต้อนรับ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อย  ที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ  เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้และความมั่นคงในชีวิต กระผมนายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในนามผู้ดำเนินการฝึกอบรมอาชีพเสริมโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพเพิ่มรายได้และความมั่นคงในชีวิตขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นอย่างสูงที่ได้ให้เกียรติมาตรวจเยี่ยมการฝึกอาชีพฉีดเสริมตามโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐในวันนี้ตามที่รัฐบาลการประเมินมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกระทรวงแรงงานได้รับการจัดสรรงบประมาณรายได้เพิ่มเติมประจำปี พ. ศ. 2561 เพื่อใช้สำหรับขับเคลื่อนโครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐโดยการพัฒนาทักษะอาชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศจำนวน 625,000คน และจังหวัดนครราชสีมามีผู้มีรายได้น้อยที่ร่วมสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 270 000 คนและแจ้งความประสงค์จะพัฒนาทักษะอาชีพกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานโดยสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 จังหวัดนครราชสีมาจำนวน 2 1 3 4 5 คนและสถาบันฯได้ดำเนินการฝึกไปแล้วจำนวน 5078 คนจำแนกเป็นการฝึกอาชีพเร่งด่วนช่างเอนกประสงค์ช่างชุมชนจำนวน 121 คนผ่านการฝึก 62 คนไม่ผ่านการฝึก 18 คนและรอผลการฝึก 62 คนการฝึกอาชีพเสริมเพื่อการมีงานทำหรือการประกอบอาชีพอิสระจำนวน 4 957 คนผ่านการฝึก 4182 คน ไม่ผ่านการฝึก 139 คนและรอผลการฝึก 636 คนและในวันนี้ได้รับความอนุเคราะห์สถานที่จากท่านพระครูสุกิตติคุณเจ้าอาวาสวัดโคกตลาดเพื่อใช้ในการจัดการฝึกจำนวน3 สาขาได้แก่สาขาการประกอบอาหารไทยการทำขนมไทยและการทำศิลปะประดิษฐ์สาขาละ 1 รุ่นรุ่นละ 20 คนรวมทั้งสิ้น 60 คนฝึกอบรมระหว่างวันที่ 3-5 สิงหาคม 256

“โครงการเพิ่มศักยภาพผู้มีรายได้น้อยฯ เป็นโครงการที่มุ่งเน้นให้ผู้มีรายได้น้อย  มีโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิต  และนำความรู้ทักษะไปประกอบอาชีพ  สร้างรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมเข้าถึงแหล่งทุนในการประกอบอาชีพ และการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเน้นประชาชนที่ประสบปัญหาความยากจน เพื่อเพิ่มรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คือ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ทำให้ประชาชนมีความสุข มีรายได้ที่เพียงพอในการเลี้ยงตน สามารถก้าวผ่านเส้นความยากจน ตามนโยบายของรัฐบาล”  พลตำรวจเอก อดุลย์  แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  กล่าวภายหลังการเยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าในการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา (สพร.5 นครราชสีมา ว่า จังหวัดนคราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนฝึกอาชีพสูงที่สุด โดยมีผู้แจ้งความประสงค์ฝึกอาชีพจำนวน 21,345 คน (ข้อมูลวันที่ 13 ก.ค.61)

ประกอบด้วย ช่างอเนกประสงค์หรือช่างชุมชน จำนวน 1,780 คน และฝึกอาชีพเสริมหรืออาชีพอิสระ 19,565 คน ในการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยนั้น ได้มอบนโยบายให้กับทุกหน่วยงานและเจ้าหน้าที่แล้วว่า ขอให้เน้นคุณภาพ สาขาที่ดำเนินการฝึกต้องสามารถช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริง จะได้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ภาครัฐต้องทำงานด้วยความเสียสละ และสิ่งสำคัญคือการใช้เงินประมาณต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ภายใต้กฎระเบียบ ต้องทำงานด้วยความโปร่งใสด้วย

รมว.แรงงาน กล่าวต่อไปว่า สำหรับในภาพรวมการฝึกอาชีพมีแผนดำเนินการจำนวน 390,385 คน ดำเนินการแล้ว 139,305 คน และการลงพื้นที่ในครั้งนี้ต้องการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงาน และรับฟังปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ด้วย ซึ่งก่อนหน้าที่ได้เดินทางไปติดตามการฝึกอาชีพผู้มีรายได้น้อยในจังหวัดนครพนม มุกดาหาร ยโสธรและอุบลราชธานีแล้ว ในวันนี้จึงมาติดตามการดำเนินงานของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนฝึกอาชีพสูงสุดอีกด้วย และในวันนี้ สพร. 5 นครราชสีมา มีการฝึกอาชีพ จำนวน 3 สาขา ได้แก่ สาขาการประกอบอาหารไทย สาขาการทำขนมไทย และสาขาการทำศิลปะประดิษฐ์ รวม 60 คน ณ วัดโคกตลาด ต.ตลาด  อ.เมือง จ.นครราชสีมา

สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญหนตะวันออก เป็นประธานสงฆ์ในงานทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคลครบ 64 ปี พระครูสังฆรักษ์

สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญหนตะวันออก เป็นประธานสงฆ์ในงานทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคลครบ 64 ปี พระครูสังฆรักษ์
สุรเดช(ครูกฤษณะ อินทวัณโณ) ณ.อาศรมสวนพุทธศาสตร์ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561

ผู้ว่าโคราช !!จัดระเบียบสายสื่อสารในเขตเมืองนครราชสีมา

ผู้ว่าโคราช !!จัดระเบียบสายสื่อสารในเขตเมืองนครราชสีมา

วันที่3สิงหาคม2561โครงการจัดระเบียบสายสื่อสารโทรคมบริษัทไฟฟ้าพื้นที่ในเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา ณสนามศาลากลางจังหวัดนครราชสีมาอำเภอเมืองจังนครราชสีมา โดยนายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธาน ปล่อยขบวนรถคณะทำงาน นายสำเริง ขนายกลาง ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครราชสีมากล่าวรายงาน
สืบเนื่องจากสภาพความไม่เรียบร้อยของสายสื่อสารวันเสาร์ไฟฟ้าส่งผลให้ทัศนียภาพของเมืองโคราชเกิดความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามซึ่งจังหวัดนครราชสีมาได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนราชการหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภาคเอกชนเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนระบบสายสื่อสารและอุปกรณ์สื่อสารโทรคมพลเสาไฟฟ้าให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างเป็นระบบสร้างทัศนียภาพที่สวยงามให้กับเมืองโคราชสวยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยส่วนรวมและเพื่อให้มีความเหมาะสมในการเป็นเมืองศูนย์การท่องเที่ยวที่จะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนและน่าเที่ยวและเป็นการเตรียมพร้อมในการพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองที่ทันสมัยและน่าอยู่สู่การเป็นโคราช Smart City ในอนาคต
ซึ่งคณะทำงานประกอบด้วยสำนักงานจังหวัดนครราชสีมาการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครราชสีมาเทศบาลนครนครราชสีมาบริษัททีโอทีจำกัดมหาชนและผู้ประกอบการทางด้านโทรคมนาคมโดยมีรายละเอียดการดำเนินงานดังนี้1 กำหนดเส้นทางจัดระเบียบสายสื่อสารในเขตอำเภอเมืองนครราชสีมาทั้งสิ้น 54 เส้นทางความยาวสายสื่อสารรวม 133 กิโลเมตร โดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น 9 ระยะ2 วิธีดำเนินการคือหรือสายสื่อสารที่ไม่ได้ใช้งานหรือเรียกว่าสายใต้ออกจากเสาไฟฟ้าและดำเนินการมัดให้รวบให้เรียบร้อย3ระยะเวลาดำเนินการโครงการเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 และจะสิ้นสุดโครงการในเดือนเมษายน 2562 ในการดำเนินการทั้งนี้เป็นการดำเนินการระยะที่ 1จำนวน 7 เส้นทางประกอบด้วย ถนนกำแหงสงคราม ถนนสรรพสิทธิ์ ถนนอัษฎางค์ ถนนมหาดไทย ถนนจอมพล ถนนยมราชและถนนพลแสน ความยาวสายสื่อสาร 18 กิโลเมตรโดยมีหน่วยงานเข้าร่วมทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งสิ้น 20 หน่วยงานและทีมร่วมปฏิบัติงานจากทุกหน่วยงานรวมทั้งสิ้น 167 คน
ภาพ-ข่าว สันติ วงษาเกษ จ.นครราชสีมา

ท้าพิสูจน์ก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟ ‘สูตรไข่ล้มยักษ์’ บรรยากาศฟินกินกลางน้ำ

              ท้าพิสูจน์ก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟโบราณ สูตรไข่ล้มยักษ์และนำเสนอเมนูพิเศษเล้งรสแซ่บ บรรยากาศฟินนั่งกินริมน้ำ พร้อมของหวานชื่อดัง ‘ลอดช่องวัดเจษฎ์’ พร้อมด้วย ทับทิมกรอบ เฉาก๊วยโบราณ ขายตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น. เปิดขายทุกวัน เมนูในร้านมีดังนี้ บะหมี่ไข่ยางมะตูม 35 บาท ก๋วยเตี๋ยวทะเลต้มยำไข่ยางมะตูม 69 บาท ซุปเปอร์เล้งกระดูกหมู 50 บาท และ หม้อไฟทะเลต้มยำไข่ล้มยักษ์ 149 บาท 

 

                นายเกษม เพิ่มพิพัฒน์ อายุ 30 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟโบราณ ‘สูตรไข่ล้มยักษ์’ เล่าว่า ตนเองนั้นมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง แต่ว่าเป็นคนชอบทำอาหารและชอบกินก๋วยเตี๋ยว เพราะเดินทางไปหลายที่ประกอบกับอยากได้ที่นัดพบเพื่อนฝูง จึงได้คิดและมองหาเห็นว่าละแวกบ้านมีบ่อน้ำธรรมชาติ ทำเลดี จึงคิดมาทำร้านก๋วยเตี๋ยวโดยใช้ชื่อว่า ก๋วยเตี๋ยวหม้อไฟโบราณ ‘สูตรไข่ล้มยักษ์’ สูตรโบราณมาจากคุณแม่ ประกอบกับอยากเอาใจลูกค้าที่ชอบความแปลกใหม่และกินจุเชื่อว่าต้องถูกใจแน่นอน พ่วงด้วยบรรยากาศของร้านตั้งอยู่ริมน้ำรายล้อมไปด้วยท้องนาและท้องน้ำ นอกจากนี้ทางร้านยังจัดมีที่นั่งกลางน้ำ สามารถนั่งห้อยขาได้ไว้บริการอีกด้วย ทำให้ลูกค้าที่มาแล้วต้องกลับมาอีกเนื่องจากรสชาติอร่อยราคาไม่แพงแถมบรรยากาศดี

นายเกษม เพิ่มพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเปิดมามาแล้ว 6 เดือน สร้างยอดขายกว่าหมื่นบาทต่อวัน และเมนูในร้านที่มีประกอบไปด้วย บะหมี่หมูแดง+ไข่ยางมะตูม 35 บาท ก๋วยเตี๋ยวทะเลต้มยำ+ไข่ยางมะตูม 69 บาท ซุปเปอร์เล้งกระดูกหมู 50 บาท และ หม้อไฟทะเลต้มยำไข่ล้มยักษ์ 149 บาท สามารถทานได้ 4 คน หรือลูกค้าที่มาแบบหมู่คณะก็สามารถสั่งแบบยกเซ็ทเลยก็ได้ ราคาเพียง 350 บาท (ประกอบไปด้วย บะหมี่หมูแดง+ไข่ยางมะตูม,ก๋วยเตี๋ยวทะเลต้มยำ+ไข่ยางมะตูม,ซุปเปอร์เล้งกระดูกหมู,เกาเหลาหม้อไฟรวม, หม้อไฟทะเลต้มยำไข่ล้มยักษ์ และของหวาน ลอดช่องวัดเจษฎ์ ทับทิมกรอบวัดเจษฏ์, สลิ่มไทยวัดเจษฎ์ และเฉาก๊วยโบราณ ) ทั้งหมดนี้ราคาเพียง 350 บาท

หากลูกค้าท่านใดสนใจอยากไปลองลิ้มชิมรสและสัมผัสบรรยากาศริมนั่งทานริมน้ำหรือกลางน้ำ สามารถจองที่นั่งติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 093-4899923 (คุณเกษม) หรือติดตามแฟนเพจเฟสบุ๊ก พิมพ์คำว่า ‘ก๋วยเตี๋ยวไข่ล้มยักษ์’ หรือสามารถเดินทางมาที่ร้าน ร้านตั้งอยู่ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา สังเกตง่ายๆร้านจะอยู่ด้านซ้ายมือก่อนถึงวัดหนองจอก และ วัดสมานมิตรเพียง 200 เมตร

ผู้ว่าเปิดอบรมจริยธรรมหนุนนำชีวิต

             ‘นายวิเชียร จันทรโณทัย’  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการเปิดอบรมจริยธรรมตามโครงการ ‘ค่ายวิถีธรรม หนุนนำชีวิต’ ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2561 ณ สำนักสงฆ์บ้านตลุกยาง ตำบลหนองแจ้งใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครราชสีมาและอำเภอบัวใหญ่ ถือเป็นโครงการนำร่องแห่งแรกในจังหวัดนครราชสีมา และได้รับพระกรุณาธิคุณจาก ‘ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี’ องค์ประธานโครงการทูบีนัมเบอร์วันร่วมสนับสนุนครั้งนี้อีกด้วย

                วันที่ 31 กรกฎาคม 2561 เวลา 15.30 น. ที่ สำนักสงฆ์บ้านตลุกยาง ตำบลหนองแจ้งใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการนำเยาวชนที่ติดยาเสพติดอบรมจริยธรรมตามโครงการ ‘ค่ายวิถีธรรม หนุนนำชีวิต’ ณ สำนักสงฆ์บ้านตลุกยาง  อ.บัวใหญ่ ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2561 โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคุมประพฤติอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมาและอำเภอบัวใหญ่ และถือว่าเป็นโครงการนำร่องขัดเกลาเยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติดแห่งแรกในจังหวัดนครราชสีมา โดยมีเยาวชนและผู้ถูกคุมประพฤติจำนวน 35 คน เข้าอบรมในโครงการนี้ หวังให้โอกาสกลับเป็นคนดีคืนสู่สังคม

นอกจากนี้ ทางผู้ว่าวิเชียร จันทรโณทัย ยังได้มอบเงินทุนสงเคราะห์ช่วยเหลือครอบครัวผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติดที่ยากจนจำนวน 20,000 บาท  จำนวน 3 ทุน และทุนเพื่อประกอบอาชีพเลี้ยงสุกรอีก 3,000 บาทจำนวน 1 ทุน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ และเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การแพร่ระบาดของยาเสพติดของเยาวชนยอมรับว่ามีมาก ซึ่งทางจังหวัดเราเองและทางตรวจทหารรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ช่วยกันปราบปรามอย่างเต็มที่  ซึ่งก็มีหลายโครงการที่เรารณรงค์ อาทิ โครงการหมู่บ้านสีขาว โครงการบำบัดยาเสพติด แต่กระนั้นจำนวนผู้ติดยาเสพติดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง และปัจจุบันนี้ราคายาเสพติดถือว่ามีราคาถูกมาก แต่เดิมราคาเม็ดละ 200-300 บาท ปัจจุบันราคาไม่กี่สิบบาท และยังมีการให้สินเชื่อเมื่อถูกจับยังสามารถยึดคืนมาได้อีก ตรงนี้เราเป็นห่วงมากจึงต้องปราบปรามให้จริงจัง แต่ในขณะเดียวกันเราก็ขึ้นบัญชีจำนวน 33 หมู่บ้านที่เป็นเขตมียาเสพติดมากเราก็ต้องเน้นหนักเฝ้าระวังไม่ให้ยาเสพติดรุกลามไปอีก เราจึงจัดอบรมโครงการนำร่องแห่งแรกในจังหวัดนครราชสีมา ‘ค่ายวิถีธรรม หนุนนำชีวิต’ และได้รับพระกรุณาธิคุณจาก ‘ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี’ องค์ประธานโครงการทูบีนัมเบอร์วันร่วมสนับสนุนครั้งนี้อีกด้วย เพื่อหวังให้โอกาสแก่ผุ้ติดยาเสพติดและเยาวชนที่หลงผิดกลับเป็นคนดีคืนสู่สังคม

ทางด้าน  พระอาจารย์เทวฤทธิ์ มมธิโร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์บ้านตลุกยาง ให้สัมภาษณ์ว่า การที่จัดโครงการนำเยาวชนที่ติดยาเสพติดอบรมจริยธรรมตามโครงการ ‘ค่ายวิถีธรรม หนุนนำชีวิต’ เพื่อให้เขาเหล่านั้นเล็งเห็นว่าทางผุ้หักผุ้ใหญ่ยังเห็นความสำคัญและยังให้โอกาสและเมตตาเขาอยู่ ทั้งนี้ ทางหน่วยงานราชการยังให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และทางสำนักสงฆ์เองก็ยินดีที่จะรับผู้ติดยาเสพติดและเยาวชนที่หลงผิดในการอบรมเพื่อหลุดพ้นจากสิ่งเสพติดและกลับคืนสู่สังคมอย่างมีความสุขต่อไป

‘นายวิเชียร จันทรโณทัย’  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการเปิดอบรมจริยธรรมตามโครงการ ‘ค่ายวิถีธรรม หนุนนำชีวิต’ ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2561 ณ สำนักสงฆ์บ้านตลุกยาง ตำบลหนองแจ้งใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครราชสีมาและอำเภอบัวใหญ่ ถือเป็นโครงการนำร่องแห่งแรกในจังหวัดนครราชสีมา และได้รับพระกรุณาธิคุณจาก ‘ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี’ องค์ประธานโครงการทูบีนัมเบอร์วันร่วมสนับสนุนครั้งนี้อีกด้วย

                วันที่ 31 กรกฎาคม 2561 เวลา 15.30 น. ที่ สำนักสงฆ์บ้านตลุกยาง ตำบลหนองแจ้งใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในการนำเยาวชนที่ติดยาเสพติดอบรมจริยธรรมตามโครงการ ‘ค่ายวิถีธรรม หนุนนำชีวิต’ ณ สำนักสงฆ์บ้านตลุกยาง  อ.บัวใหญ่ ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 2561 โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคุมประพฤติอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมาและอำเภอบัวใหญ่ และถือว่าเป็นโครงการนำร่องขัดเกลาเยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติดแห่งแรกในจังหวัดนครราชสีมา โดยมีเยาวชนและผู้ถูกคุมประพฤติจำนวน 35 คน เข้าอบรมในโครงการนี้ หวังให้โอกาสกลับเป็นคนดีคืนสู่สังคม

นอกจากนี้ ทางผู้ว่าวิเชียร จันทรโณทัย ยังได้มอบเงินทุนสงเคราะห์ช่วยเหลือครอบครัวผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติดที่ยากจนจำนวน 20,000 บาท  จำนวน 3 ทุน และทุนเพื่อประกอบอาชีพเลี้ยงสุกรอีก 3,000 บาทจำนวน 1 ทุน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ และเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การแพร่ระบาดของยาเสพติดของเยาวชนยอมรับว่ามีมาก ซึ่งทางจังหวัดเราเองและทางตรวจทหารรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ช่วยกันปราบปรามอย่างเต็มที่  ซึ่งก็มีหลายโครงการที่เรารณรงค์ อาทิ โครงการหมู่บ้านสีขาว โครงการบำบัดยาเสพติด แต่กระนั้นจำนวนผู้ติดยาเสพติดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง และปัจจุบันนี้ราคายาเสพติดถือว่ามีราคาถูกมาก แต่เดิมราคาเม็ดละ 200-300 บาท ปัจจุบันราคาไม่กี่สิบบาท และยังมีการให้สินเชื่อเมื่อถูกจับยังสามารถยึดคืนมาได้อีก ตรงนี้เราเป็นห่วงมากจึงต้องปราบปรามให้จริงจัง แต่ในขณะเดียวกันเราก็ขึ้นบัญชีจำนวน 33 หมู่บ้านที่เป็นเขตมียาเสพติดมากเราก็ต้องเน้นหนักเฝ้าระวังไม่ให้ยาเสพติดรุกลามไปอีก เราจึงจัดอบรมโครงการนำร่องแห่งแรกในจังหวัดนครราชสีมา ‘ค่ายวิถีธรรม หนุนนำชีวิต’ และได้รับพระกรุณาธิคุณจาก ‘ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี’ องค์ประธานโครงการทูบีนัมเบอร์วันร่วมสนับสนุนครั้งนี้อีกด้วย เพื่อหวังให้โอกาสแก่ผุ้ติดยาเสพติดและเยาวชนที่หลงผิดกลับเป็นคนดีคืนสู่สังคม

ทางด้าน  พระอาจารย์เทวฤทธิ์ มมธิโร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์บ้านตลุกยาง ให้สัมภาษณ์ว่า การที่จัดโครงการนำเยาวชนที่ติดยาเสพติดอบรมจริยธรรมตามโครงการ ‘ค่ายวิถีธรรม หนุนนำชีวิต’ เพื่อให้เขาเหล่านั้นเล็งเห็นว่าทางผุ้หักผุ้ใหญ่ยังเห็นความสำคัญและยังให้โอกาสและเมตตาเขาอยู่ ทั้งนี้ ทางหน่วยงานราชการยังให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และทางสำนักสงฆ์เองก็ยินดีที่จะรับผู้ติดยาเสพติดและเยาวชนที่หลงผิดในการอบรมเพื่อหลุดพ้นจากสิ่งเสพติดและกลับคืนสู่สังคมอย่างมีความสุขต่อไป

โคราช-แถลงข่าวการจัดทำธงครบรอบชัยชนะ191ปีของท้าวสุรนารี

โคราช-แถลงข่าวการจัดทำธงครบรอบชัยชนะ191ปีของท้าวสุรนารี

เมื่อวันที่29กรกฎาคม2561
นางเอมอร ศีรกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา นายสุเทพ เม้าสง่า นายกสมาคมวิทยุโทรทัศน์ภาคประชาชนนครราชสีมาและพ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์ ผู้บังคับกองพัน ที่ กองพันเสนารักษ์ที่ 3ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องประชุมสโมสรร่วมเริงไชยค่ายสุรนารีจังหวัดนครราชสีมาแถลงข่าวการจัดทำธงครบรอบชัยชนะ 191 ปีของท้าวสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา
วัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและศูนย์รวมใจของชาวจังหวัดนครราชสีมาและผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธาทั่วไปได้ส่วนหนึ่งจากกัมพูชาธงจะนำไปมอบให้สภาวัฒนธรรมทั้ง 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมาดำเนินงานวัฒนธรรมในพื้นที่และเพื่อการส่งเสริมงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดการปรับปรุงสายธรรมลานย่า และเพื่อสาธารณะประโยชน์
วันที่ 22 มีนาคม 2561ได้นำมวลสารมงคลจากทุ่งสัมฤทธิ์อำเภอพิมายซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดวีรกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของท้าวสุรนารีและในวันที่ 23 มีนาคม 2561 ได้นำมวลสารมงคลจากวัดศาลาลอยซึ่งเป็นที่บรรจุอิฐของท้าวสุรนารีในปัจจุบันโดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมานายวิเชียรจันทรโรทัยเป็นประธานในพิธีมอบมวลสารมงคลให้ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอไปอธิษฐานจิตโดยพระเถราจารย์ และจะทำพิธีพุทธาภิเษกทั้งใหญ่อีกครั้งในวันที่ 20 สิงหาคม 2561 ระหว่างเวลา07. 00น.ถึง 11.30 น.หน้าลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
สถานที่การสั่งจองศาลากลาง จังหวัดนครราชสีมา ณ ห้องประชาสัมพันธ์จังหวัดชั้น 1 โทรศัพท์ 044-25 1818 044-25 4927 สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาห้องสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาโทรศัพท์044-220898 ต่อ 3พันเอกนเรศ พิลาวัลย์ โทรศัพท์ 081-876 -99 06 นางพัชราภาศิริ ไพบูลย์ทรัพย์ โทรศัพท์095-4 57 677นายทวีวัฒน์ เดชาอภินันท์ โทรศัพท์091-012 -2990ติดต่อสอบถามละเอียดได้ที่นางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาโทรศัพท์081-8797-181
โอนผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทยสาขานครราชสีมา เลขที่บัญชี3 01-393 7734ชื่อบัญชีบริหารสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา