โคราช-ชาวบ้าน!!ร้องขอเงิน30ล้านคืน

วันนี้14 สิงหาคม 2561เวลา 11.00น.ได้มีการประชุมกรรมการสหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมาจำกัดชุดที่ 42 ณ ห้องประชุมสหกรณ์การเกษตรเมืองนครราชสีมาจำกัดคณะกรรมการดำเนินการทั้งสิ้น 15 คนต่อมาได้มีกลุ่ม เกษตรกรอำเภอเมืองประมาณ50คนได้มาร้องเรียนเรื่องเงิน 30 ล้านบาทที่โอนไปก่อนโดยที่กลุ่มเกษตรอำเภอเมืองนครราชสีมาไม่พอใจในการโอนเงินไปให้ตัวแทนแล้วปุ๋ยเงินปันผลยังไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆทั้งสิ้นที่ประชุมได้เรียกชาวบ้านเข้าไปฟังชี้แจงของประธานและผู้จัดการถ้ากรรมการที่ออกมาโต้แย้งโดยทำให้หาเหตุผลโดยหาเหตุผลที่ต้องโอนเงินไปให้ตัวแทนรับเงินของทีพีไอโดยได้กล่าวสาบานต่อหน้าพระพุทธรูปในที่ประชุมต่อจากนั้นผู้สื่อข่าวให้สัมภาษณ์กับชาวบ้านที่หน้าหอประชุมถ้าต้องการได้เงิน 30 ล้านบาทคืนไม่ได้ต้องการได้ปุ๋ยมาใช้ทำการเกษตรเพราะไม่รู้ว่าคุณภาพขนาดไหนต่อมานายณัฐพงษ์ธร กาฬเทพ ผู้อำนวยการโครงการลดต้นทุนการผลิตกล่าวว่าคณะกรรมการคัดค้านให้ไม่ถอนยกเลิกเงิน 30 ล้านผมนั่งคิด ไม่เป็นที่ไว้วางใจแล้วก็มันเป็นการสุ่มเสี่ยงคณะกรรมการเห็นชอบถ้าไม่ถอนไม่ยกเลิกควรจะรับผิดชอบตรงนั้นต้องลงมติไม่เห็นด้วยเปลี่ยนแปลงเพราะวิธีปฏิบัติไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับขอเรียกเงินคืนก่อนต้องการให้สมาชิกเป็นเจ้าของจริงๆโดยมีหนังสือถึงผู้ว่าจังหวัดทุกจังหวัด  มีข้อความเบื้องต้นดังนี้ที่ กษ1115/6760 กรมส่งเสริมสหกรณ์ เทเวศร์ กทม.10200 เรื่อง การดำเนินธุรกิจจัดหาปุ๋ยมาจำหน่ายของสหกรณ์

ด้วยปรากฏว่ามีสหกรณ์บางแห่งดำเนินการปัญหาปัจจัยการผลิตปุ๋ยยาปราบศัตรูพืชมาจำหน่ายเกินความต้องการของสมาชิกโดยการสั่งซื้อจากบริษัทเป็นจำนวนมากและชำระเงินก่อนที่จะรับมอบสินค้านั้นในขณะเดียวกันกับสหกรณ์ได้นำปัจจัยการผลิตดังกล่าวไปจำหน่ายเป็นเงินเชื่อให้แก่สหกรณ์อื่นหรือหน่วยงานอื่นหรือบุคคลภายนอกซึ่งไม่เป็นไปตามหลักของหลักการ วิธีการสหกรณ์และจัดต่อพระราชบัญญัติสหกรณ์พฤษภาคม 2542ตามมาตรา 33ที่กำหนดให้สหกรณ์ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมของบรรดาสมาชิกโดยวิธีช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามหลักการสหกรณ์และมาตรา46เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ให้สหกรณ์มีอำนาจกระทำการดังต่อไปนี้( 3)ดำเนินธุรกิจการผลิตการค้าการบริการและอุตสาหกรรมเพื่อผลประโยชน์ของสมาชิก

ยังจำกันได้ไหม! 13 ส.ค.2536 โรงแรมรอยัลพลาซ่า โคราช ถล่ม

ยังจำกันได้ไหม!!!!!!! 13 ส.ค.36

ย้อนไปเมื่อวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม 2536 หรือเมื่อ 25 ปีก่อน คนไทยทั้งประเทศต่างพากันตื่นตะหนกตกใจกับข่าวร้ายครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อเกิดเหตุการณ์อาคารโรงแรมรอยัลพลาซ่า ถนนจอมสุรางค์ยาตร์ กลางเมืองนครราชสีมา พังถล่มลงมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 137 ราย บาดเจ็บ 227 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีข้าราชการครูถึง 47 ราย พนักงานบริษัทเชลล์ฯ 24 ราย พนักงานโรงแรม 33 ราย และผู้มาใช้บริการ 33 ราย โดยมีผู้รอดชีวิตกว่า 150 คน

ยุคก่อนเศรษฐกิจดิ่งเหวไม่กี่ปี จังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประตูสู่ภาคอีสาน คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่หนีความวุ่นวายออกไปเสพสุขตามต่างจังหวัด โรงแรมต่าง ๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด หนึ่งในนั้น “โรงแรม รอยัล พลาซ่า” หรือชื่อเดิม “โรงแรม เจ้าพระยาเมืองใหม่” ถือเป็นโรงแรมหรู 1 ใน 5 ของจังหวัด
ปี 2533 กลุ่มผู้บริหารลงความเห็นว่า ควรมีการต่อเติมอาคารจากเดิม 3 ชั้น เป็น 6 ชั้น เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยว จากนั้นโรงแรมแห่งนี้ก็มีการต่อเติม และขยายพื้นที่ของอาคารอย่างผิดหลักวิศวกรเรื่อยมา โดยไม่ใส่ใจถึงความปลอดภัยในชีวิตของพนักงาน และแขกที่เข้ามาพักในโรงแรมแม้แต่น้อย เจ้าของโรงแรมได้ลักลอบต่อเติมอาคารอย่างไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะการตัดเสาขนาดใหญ่ตรงกลางห้องอาหารของโรงแรมทิ้ง หวังเพิ่มพื้นที่ใช้สอย และต้องการให้แขกสามารถเห็นนักร้องได้ชัดเจนขึ้น และแล้วหายนะครั้งร้ายแรงก็อุบัติขึ้น
เมื่อเวลาราว 10 โมงเช้า วันที่ 13 สิงหาคม พุทธศักราช2536 ตัวโรงแรมเกิดการทรุดตัวอย่างรุนแรง และถล่มลงมาทั้งอาคารในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยตัวโรงแรมเริ่มทรุดตัวจากตอนกลางของอาคารก่อน จากนั้นปีกทั้งสองด้านข้างของอาคารก็พังซ้ำลงมาอีก การทรุดตัวอย่างรุนแรง และรวดเร็วก่อให้เกิดเสียงดังปานฟ้าถล่มดินทลาย ฝุ่นผงจากซากอาคารตลบคลุ้งทั่วบริเวณกองซากปรักหักพังกลบฝังร่างมนุษย์กว่า 500 ชีวิต ทั้งพนักงานโรงแรม และแขกที่เข้าพัก

จากนั้น ศพแล้วศพเล่าก็ถูกลำเลียงออกมา บางศพอยู่ในสภาพสมบูรณ์ บางศพกู้ได้เฉพาะอวัยวะที่มีชิ้นส่วนกระจัดกระจายจำเค้าเดิมแทบไม่ได้ โชคยังเข้าข้างที่มีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่บ้าง ทำให้ผู้ป่วย ที่เข้ารักษาในพื้นที่แน่นขนัดจนแทบล้นโรงพยาบาล

ณ วันนี้ 25 ปีแล้ว กับเหตูการณ์ที่ คนโคราชไม่อาจที่จะลืมได้

โคราชจัดกิจกรรมเทิดประเกียรติดำวันแม่เกี่ยววันพ่อ นำแหนแดงหวานในนาข้าวแทนปุ๋ยเคยมี ลดต้นทุน

 โคราชจัดกิจกรรมเทิดประเกียรติดำวันแม่เกี่ยววันพ่อ นำแหนแดงหวานในนาข้าวแทนปุ๋ยเคยมี ลดต้นทุน

              ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมารายงานว่า ที่ แปลงนาข้าว ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมา  สำนักวิจัย และพัฒนาการเกษตร เขต 4 กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นายจิระ อะสุรินทร์  ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมา  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กว่า 20 คน จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยร่วมกันถวายสัตย์ปฏิญาณ และลงนามถวายพระพร จากนั้นร่วมกันปักดำกล้าข้าวในกิจกรรมปักดำวันแม่เก็บเกี่ยววันพ่อ และพัฒนาปรับแต่งภูมิทัศน์สวนพรรณไม้ในบริเวณศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรฯ

โดยกิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นติดต่อกันมาหลายปี เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยมีเจ้าหน้าที่พนักงานร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพียง โดยการปักดำข้าวดังกล่าว เป็นการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งในโอกาสที่ปักดำเสร็จแล้ว ได้นำแหนแดง ว่านในนาข้าวด้วย ทั้งนี้เป็นการเปิดธาตุอาหารตัว N คือไนโตรเจน ในนาข้าวด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคยมี

สำหรับแหนแดง หากใช้เป็นปุ๋ยพืชสดในนาข้าวทดแทนปุ๋ยเคมีไนโตรเจน โดยที่ในโพรงใบแหนแดง สามารถดึงเอาไนโตรเจนจากอากาศมาใช้สำหรับการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ แหนแดงมีอัตราส่วนระหว่างคาร์บอนต่อไนโตรเจน (C : N) อยู่ระหว่าง 8 – 13 หลังถูกไถกลบ จะย่อยสลายและปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาในระยะเวลาที่สั้นประมาณ 8 สัปดาห์ ทำให้พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งใครต้องการศึกษาเกี่ยวกับการใช้แหนแดงเป็นปุ๋ยในนาข้าว สามารถสอบถามได้ที่  ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครราชสีมา  ตามเวลาราชการ

 

ชาวบ้านอำเภอวังน้ำเขียวร่วมใจกันปลูกป่าโพธิ์ 9,999 ต้น เฉลิมพระเกียรติ 86 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

ชาวบ้านอำเภอวังน้ำเขียวร่วมใจกันปลูกป่าโพธิ์ 9,999 ต้น เฉลิมพระเกียรติ 86 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

วันที่ 9 สิงหาคม 2561 เวลา ที่บ้านคลองบ่งพัฒนา ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ‘วังน้ำเขียวร่วมใจกันปลูกป่าโพธิ์ 9,999 ต้นเฉลิมพระเกียรติ 86 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9’ พร้อมทั้งชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น ข้าราชการ และนักเรียน ได้ร่วมใจกันปลูกป่าโพธิ์จำนวน 9,999 ต้น เฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา 12 สิงหาคม 2561 เพื่อร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมุ่งมั่นและมีพระวิริยะอุตสาหะอย่างยิ่ง ในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ นานัปการ เป็นคุณประโยชน์แก่พสกนิกร ด้วยน้ำพระราชหฤทัยเปี่ยมล้นด้วยพระคุณธรรม และพระเมตตาธรรม นำความเจริญมาสู่บ้านเมืองในทุกด้าน

นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขตอำเภอวังน้ำเขียว กล่าวว่า  โครงการปลูกป่าโพธิ์เริ่มจากแนวความคิดที่ว่าคนไทยพุทธที่เคารพและศรัทธาใน พระพุทธเจ้ามีความเชื่อว่าโพธิ์เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เมื่อเติบโตที่ไหนก็ จะไม่มีใครกล้าตัดหรือทำลาย หากมีการปลูกป่าโพธิ์เชื่อว่าจะเป็นการปลูกป่าถาวรได้ อีกทั้งยังจะสร้างป่าแห่งนี้ให้เป็น “ศูนย์ปฏิบัติธรรม” ให้นักเรียนไปนั่งสมาธิ จึงอยากเชิญชวนผู้ที่ต้องการทำบุญมาร่วมกันปลูกป่าโพธิ์ เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงประเทศอินเดียเพื่อดูต้นโพธิ์ตามรอย พระพุทธเจ้า

การปลูกป่าโพธิ์ ที่ ‘วังน้ำเขียว’ แห่งนี้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น หากใครที่มีต้นโพธิ์ขึ้นที่บ้านอยู่แล้วก็สามารถนำไปร่วมปลูกป่าโพธิ์ที่ ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อให้เป็นแหล่งปฏิบัติธรรมที่ยั่งยืนได้ นอกจากนี้ยังจัดให้มีโรงทานเพื่อจัดเลี้ยงอาหารเครื่องดื่มบริการให้แก่ประชาชนนักเรียนนักศึกษาที่เข้าร่วมงานฟรีอีกด้วย

 

 

 

!!ปภ.5ระดมหน่วยงานทั้งจังหวัดติวเข้มจากสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดนครราชสีมา

วันนี้9สิงหาคม 2561 เวลา09.00 น.นำโดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ประธาน นายสุเทพ รื่นถวิล หัวหน้าปภ.5 กล่าวรายงาน ผู้แทนกองกำลังพลพัฒนาที่2 รองผู้บังคับการตำรวจภาค3 สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ปภ.เขต5 ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหน่วยงานองค์กรสาธารณกุศลมูลนิธิสมาคมแก่ผู้มีเกียรติสื่อมวลชนและผู้เข้าร่วมงาน

ในการฝึกการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมาจำปี 2561สถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมขังและน้ำท่วมฉับพลันในรูปแบบการฝึกเฉพาะหน้าที่ในวันนี้ตามที่

กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดในการฝึกการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยทุกระดับเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนแนวทางการป้องกันและลดผลกระทบจากจากสาธารณภัยพร้อมทั้งเป็นการทดสอบประเมินความสามารถของบุคคลและบทบาทหน้าที่ในการเผชิญภัยพิบัติต่างๆโดยกำหนดสถานการณ์อุทกภัยสถานการณ์จำลองการฝึกหน้าที่นั้น  จากสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดนครราชสีมาที่ผ่านพบว่าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างเช่นอุทกภัยปี 53 คือทุกอภัยปี 60 ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชันจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดอำเภอและศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรับทราบบทบาทหน้าที่ตั้งแต่ก่อนเกิดภัยขณะเกิดภัยและหลังเกิดภัยเพื่อเตรียมความพร้อมลดความสูญเสียหรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อพี่น้องประชาชนโดยต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพ. ศ. 2550 และแผนเผชิญเหตุแต่ระดับได้อย่างทันท่วงทีตามขั้นตอนรวมทั้งการเตรียมความพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์การเผชิญเหตุในพื้นที่ของตนและช่องทางการขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานสังคมต่างๆการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยครั้งนี้จึงถือเป็นนิมิตหมายอันดีแต่ละอำเภอและหน่วยงานที่มีหน้าที่ป้องกันและช่วยเหลือผู้ประสบภัย จะรับทราบแล้วซักซ้อมเตรียมการในขั้นตอนการประสานการปฏิบัติการระดมสรรพกำลังการประเมินขีดความสามารถของหน่วยงานและบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานการร้องขอการสนับสนุนการเผชิญเหตุสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นรวมทั้งในการฝึกซ้อมครั้งนี้เป็นการสร้างเครือข่ายรายการแจ้งเตือนการเกิดอุทกภัยลุ่มน้ำทั้ง 9 ลุ่ม ประสานงานระหว่างองค์กรปกครองท้องถิ่นด้วยกันอำเภอที่อยู่ข้างเคียง ณ เทอร์มินอล21 ชั้น4 นครราชสีมา

จากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี2553การแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมระบบการแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมและการติดตามสถานการณ์น้ำได้แบ่งระดับการแจ้งเตือนภัยเป็น 5 ระดับดังนี้ 1 ระดับที่ 1ถ้าเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมและเหตุการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติหรือเป็นพื้นที่บ้านเรือนประชาชนไม่รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมการเตือนภัยส่วนราชการและประชาชนเฝ้าระวังติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดกลับที่ 2 หมายถึงการเฝ้าระวังน้ำท่วมที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดน้ำท่วมและอยู่ในระหว่างสังเกตการณ์เตือนภัยระดับที่ 3 หมายถึงการเตือนภัยจะเกิดน้ำท่วมระดับที่ 4 หมายถึงเป็นน้ำท่วมรุนแรงผังการแจ้งเตือนภัยศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนครราชสีมาศูนย์ราชการจังหวัดนครราชสีมาผู้ว่าจังหวัดนครราชสีมารองผู้ว่าจังหวัดรองผอกอ.รมน.นม. ชป.นม. ทน.สนง.ปภ. นม.อปทในพื้นที่ 32 อำเภอ

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อุทยานแห่งชาติทับลานโครงการชลประทานนครราชสีมาโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคองสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7สถานีอุตุนิยมวิทยานครราชสีมาอำเภอต้นน้ำเป็นต้น

โลงศพกลับไม่ถึงบ้าน!!ตายซ่ำตายซ้อนเก๋งชนรถพยาบาลและรถจยย.ดับ

โลงศพกลับไม่ถึงบ้าน!!ตายซ่ำตายซ้อนเก๋งชนรถพยาบาลและรถจยย.ดับ

วันที่8สิงหาคม2561 ร้อยเวร พ.ต.อ.กานต์ สิงช้างชัย สภ.โชคชัย เวลา 13.02น.รับแจ้งจาก1669 ออกตรวจสอบเหตุรถเก๋งชนรถพยาบาลและรถจักรยานยนต์ บริเวณตรงข้ามโรงเรียนสายมิตรโชคชัย ต.พลับพลาจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบต่อมาว่า บริเวณก่อนจะถึงจุดเกิดเหตุ ได้มีการตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โชคชัย ได้มีรถพยาบาลกู้ชีพได้ชะลอรถเพื่อจะเข้าจุดตรวจ โดยมีรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่โดยนายนายนรินทร์ สาแก้ว ผู้เสียชีวิตขับชะลอเพื่อเข้าจุดตรวจ ในระหว่างนั้นปรากฏว่ามีรถเก๋งฮอนด้าสีดำที่ขับขี่โดย นส.ธิดาภัทร คันก่อเหตุขับรถมาด้วยความเร็วสูง และไม่สามารถชะลอรถได้ทัน จึงชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ที่เตรียมจอด ทำให้นายนรินทร์เสียชีวิต นอกจากนั้นรถเก๋งยังเสียหลัก พุ่งเข้าชนท้ายรถพยาบาลกู้ชีพของเทศบาลพระนครศรีอยุธยา ที่มีผู้ขับขี่และโดยสารมา 6 คน ที่นำศพมาส่งในเขตจังหวัดนครราชสีมาจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต

ในที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งหมด7ราย บาดเจ็บ4ราย เสียชีวิตมากับรถพยาบาลแล้ว1ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเพิ่มอีก1ราย ไม่บาดเจ็บ1ราย ทราบชื่อต่อมา รายที่1ชื่อน.ส.ธิดาภัทร ศรีพรหม อายุ30ปี บ้านเลขที่60/257 หมู่10 ต.โพธิ์กลาง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา(บาดเจ็บคนขับรถเก๋ง) รายที่2ชื่อน.ส.กนกพร มั่นคง อายุ45ปี บ้านเลขที่118 หมู่8 ต.บางเจ้าฉ่า อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง (บาดเจ็บมารถพยาบาล) รายที่3 ชื่อนายวีรเดช สุขรินทร์ อายุ47ปี บ้านเลขที่84/117 หมู่2 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา (บาดเจ็บมารถพยาบาล) รายที่4 ชื่อนายสวัสดิ์ สุขรินทร์ อายุ71ปี บ้านเลขที่84/117 หมู่2 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา (บาดเจ็บมารถพยาบาล) รายที่5 ชื่อนายนรินทร์ สาแก้ว อายุ37ปี บ้านเลขที่97 หมู่6 ต.ตานี อ.ปราสาท จ.สุรินทร์(เสียชีวิตขับรถจักรยานยนต์) รายที่6เล็กน้อยไม่ประสงค์รพ.(พลขับรถพยาบาล)บาดเจ็บ และมีศพมากับรถพยาบาลซึ่งกำจะนำไปส่ง มีผู้ปฎิบัติงานพยาบาล24 พบ.05 ชช.14,25,35,63,60,88,87,71,48,132,112,อาสาปุ้ย ลุกข่ายจุดปักธงชัย พร้อมรถโรงพยาบาลโชคชัย ให้การช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตส่งรพ.โชคซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุตามกฎหมายต่อไป

ชาวพิมายเดือด !!!ลุกฮือหวิดวางมวยผอ.กรมศิลป์ เหตุปรับโบราณสถานพิมายโดยไม่ถามเสียงประชาชน


ชาวพิมายเดือดลุกฮือหวิดวางมวยผอ.กรมศิลป์ เหตุปรับโบราณสถานพิมายโดยไม่ถามเสียงประชาชน

                โต้เดือดกลางห้องประชุมระหว่างชาวพิมาย กับ ผอ.กรมศิลปากรที่ 10 เหตุปรับปรุงลานเมรุพรหมทัตโบราณสถานกลางเมืองพิมายโดยไม่ถามเสียงประชาชน ด้าน ผอ.กรมศิลป์แจงปรับปรุงพื้นที่ เพื่อเสริมคุณค่าความเป็นโบราณสถานของเมรุพรหมทัต ทางกรมศิลปากรวอนอย่าเชื่อข่าวลือ จากกระแสข่าว ที่กรมศิลป์จะรื้อเมรุพรหมทัตซึ่งเป็นสมบัติชาติตามที่มีการปล่อยข่าวลือเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะสมบัติชาติรื้อไม่ได้

                วันที่ 20 กรกฎาคม 2561 เวลา 15.00 น. ที่ ชั้น 2 ห้องประชุม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย ถ.ท่าสงกรานต์ ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เป็นประธานในการรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านกรณีปรับภูมิทัศน์ลานเมรุพรหมทัตโบราณสถานแห่งชาติพิมาย พร้อมด้วย นายโสวัฒน์ ดาวะศรี ปลัดอาวุโสอำเภอพิมาย, นางชุติมา จันทร์เทศ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แห่งชาติพิมาย, นายดนัย ตั้งเจิดจ้า นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลพิมาย อีกทั้ง ดร.พรธรรม ธรรมวิมล ภูมิสถาปนิก สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร (ผู้เคยออกแบบสวนศิลป์รอบพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ) ร่วมรับฟังการประชุมครั้งนี้

นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เป็นประธานกรรมการโครงการ กล่าวว่า  โครงการพัฒนาภูมิทัศน์ลานเมรุพรหมทัต ดำเนินการโดยสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา และ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย มีจุดประสงค์ เพื่อปรับปรุงพื้นที่ เพื่อเสริมคุณค่าความเป็นโบราณสถานของเมรุพรหมทัต และพื้นที่โบราณสถานต่อเนื่องและมีสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับชุมชน ทางกรมศิลปากรไม่มีความคิดที่จะรื้อเมรุพรหมทัตซึ่งเป็นสมบัติชาติตามที่มีการปล่อยข่าวลืออย่างแน่นอน อยากให้เข้าใจหลักการทำงานด้วย เราควรคุยกันด้วยเหตุและผลอย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง จะอย่างไรก็ตามทางกรมศิลปากรก็จะปรับแบบลานภูมิทัศน์ตามที่ชาวพิมายได้เสนอแนะแนวทาง ซึ่งหากปรับแบบแล้วเสร็จอย่างไรก็จะนัดหมายให้ทราบเพื่อดูแบบที่ปรับเพื่อความพึงพอใจของชาวพิมายทุกท่านอีกครั้ง

ทางด้าน ดร.พรธรรม ธรรมวิมล ภูมิสถาปนิก สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร (ผู้เคยออกแบบสวนศิลป์รอบพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ) และเป็นผู้ออกแบบการปรับลานภูมิทัศน์และสวนหย่อมลานเมรุพรหมทัต กล่าวว่า วันนี้ได้มารับฟังการชี้แจงทั้งกับทางกรมศิลปากรและชาวพิมาย ก็จะนำสิ่งที่ชาวพิมายเสนอมาเพื่อนำไปแก้แบบให้แล้วเสร็จ เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วก็จะนำผลงานมาให้ชาวพิมายได้ชมกันอีกครั้งเพื่อความพึงพอใจ อย่างไรก็ตามกรมศิลปากรได้จัดทำการปรับปรุงลานพรหมทัตเป็นไปตามระเบียบราชการและข้อกฎหมายทุกประการ

ขณะที่ นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พรรคเพื่อแผ่นดิน เขตอำเภอพิมาย เป็นตัวแทนชาวพิมาย กล่าวกลางกรณีนี้ว่า ทางกรมศิลปากรคิดอยากจะทำอย่างไรก็ไม่ถามชาวบ้านเลยหรือ เพราะว่าอยู่ดีดีก็นำรั้วสังกะสีมาล้อมเมรุพรหมทัต ซึ่งเป็นสวนสาธารณะของประชาชนโดยไม่แจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เขาก็งงเพราะมีข่าวลือว่ากรมศิลป์จะรื้อเมรุพรหมทัตซึ่งเป็นโบราณสถานออกและเป็นเป็นอย่างอื่น ทำให้ประชาชนเขาไม่พอใจมาก เพราะไม่มีการแจ้งให้ทราบว่าคุณจะทำอะไร เขาเลยเข้าใจผิด ประกอบกับ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ก็ไม่เคยลงพื้นที่ถามความคิดเห็นชาวบ้านเลยอีกด้วย แต่วันนี้ทางกลุ่มชาวบ้านก็พอใจที่ทางกรมศิลปากรสัญญาจะแก้ไขแบบและจะนำมาให้ดูอีกครั้ง

ทั้งนี้ ยังมีภาพบรรยากาศ ระหว่างการประชุมมีวิวาทกันเนื่องจากทางกลุ่มชาวบ้านไม่พอใจที่ทางนายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ได้ทำการปรับปรุงลานเมรุพรหมทัตโดยไม่ทำประชาพิจารณ์กับชาวบ้าน เพราะสถานที่ดังกล่าวถือว่าเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ ซึ่งทำให้หลายคนเข้าใจผิดตามกระแสข่าวลือที่ว่า ทางกรมศิลปากรมีคำสั่งให้รื้อลานเมรุพรหมทัตแล้วไปทำเป็นสวนหย่อม อย่างไรก็ตามภายหลังการประชุมทางชาวพิมายและกรมศิลปากรรับปากจะนำแบบไปแก้ไขให้และกล่าวขออภัยที่ไม่ได้แจ้งข่าวให้ทราบ และฝากประชาชนอย่าเชื่อข่าวลือใดๆทั้งสิ้น สมบัติชาติใครก็ไม่มีสิทธิ์รื้อทั้งนั้น

 

ชาวบ้านกระชอน อ.พิมาย โคราช ร้องสื่อ!!ถนนพัง ไร้หน่วยงานดูแล

             

‘ชาวบ้านกระชอน’อำเภอพิมาย  จังหวัดนครราชสีมา  ร้องสื่อ ถนนเส้นหลักชำรุด ระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ไร้หน่วยงานดูแล

                ชาวบ้านกระชอน ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ร้องสื่อ หวังช่วยเป็นกระบอกเสียงถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยมาพัฒนาถนนเส้นหลักทางเข้าหมู่ บ้านความยาว 5.5 กิโลเมตร โดยมีช่วงหนึ่งระยะทาง 1.1 กิโลเมตร ถนนชำรุดหลายปี เป็นหลุมบ่อและเป็นดินโคลน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ สัญจรไปมายากลำบาก โดยเฉพาะหน้าฝนสัญจรไม่ได้ ต้องใช้ทางอ้อมเกือบ 10 กิโลเมตร ทำให้เสียเวลา เป็นเหตุ เด็กไปโรงเรียนสาย ครูไปสอนหนังสือไม่ทัน หรือเกิดเหตุเจ็บป่วยก็ไปโรงพยาบาลยากลำบาก ร้องเรียนไปหลายครั้งเรื่องก็เงียบ หน่วยงานเกี่ยวข้องแก้ไขให้ด้วย

                นายหนุ่ม ชาวบ้านกะชอน กล่าวว่า ถนนเส้นนี้พังมานานหลายปีแล้ว ไม่มีหน่วยงานมาซ่อมแซมเสียที ก็ต้องจำใจใช้เส้นทางนี้หากจำเป็นจริงๆ ระยะทางก็ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยเฉพาะรถยนต์หากไม่ชำนาญทางหลงมารถก็อาจติดหล่มได้ รถมอเตอร์ไซค์ก็มักจะประสบเหตุล้มบ่อยเช่นกัน เพราะสภาพถนนเป็นดินโคลน เป็นหลุมเป็นบ่อ เสียหายมาก ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งมาซ่อมแซมด้วยชาวบ้านจะได้สัญจรไปมาสะดวกสักที เพราะเส้นทางนี้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อหลายตำบลและอีก 2 อำเภอคือ อำเภอโนนแดง และ อำเภอประทาย

ทางด้าน นางสาวณัฐวรรณ เพียรหมอ ชาวบ้านกระชอน กล่าวอีกว่า เส้นทางนี้ตนเองต้องจำเป็นใช้สัญจรทุกวันเนื่องจากเป็นเส้นทางที่ต้องไปคอกวัวที่พ่อเลี้ยงเอาไว้ การสัญจรไปมาก็ลำบาก รวมถึงบรรดาคณะครูโรงเรียนราษฎร์สโมสรก็เดินทางมาสอนหนังสือลำบาก ต้องใช้เส้นทางเลี่ยงอ้อมไปไกลเกือบสิบกิโลเมตรทำให้เสียเวลา ยิ่งฝนตกแบบนี้รถยนต์ยิ่งไม่ควรมาเลยติดหล่มแน่นอน เคยถามคนที่อยู่มาก่อนเขาก็ร้องหน่วยงานไปทุกปีหลายครั้งแต่ก็เงียบ โดยเฉพาะเวลาไปโรงพยาบาลลำบากมาก หากเจ็บป่วยกะทันหันอาจเกิดเหตุการณ์ศูนย์เสียเพราะไปถึงมือแพทย์ล่าช้าอีกด้วย

ขณะที่ นายสาทิช บวชสันเทียะ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขตอำเภอพิมาย กล่าวว่า ถนนเส้นนี้ เป็นเขตรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้ตนเองได้ส่งเรื่องไปทางสำนักกองช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาแล้ว เพื่อประสานฝ่ายจัดซื่อจัดจ้างเรียบร้อยแล้ว และจะได้จัดสรรงบประมาณลงมาซ่อมแซมในเร็ววัน ซึ่งถนนที่พังมีระยะกว้าง 5 เมตร ยาว 1 กิโลเมตร งบประมาณ 3 ล้านบาท ยังไงก็ต้องขออภัยประชาชนทุกท่าน ซึ่งขณะนี้ตนเองทวงถามไปทาง ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ‘ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างแล้วอีกไม่นานจะลงไปซ่อมแซมให้เร็วที่สุดขอให้ประชาชนรออีกสักหน่อยทางเราไม่ทอดทิ้งประชาชนแน่นอน นายสาทิช บวชสันเทียะ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขตอำเภอพิมาย

 

                                                                                                               

!!ม.ราชภัฏโคราช นำราชภัฏทั่วประเทศ ประชุมถักทองานวิจัยท้องถิ่น ก้าวไกลสู่สากล

!!ม.ราชภัฏโคราช นำราชภัฏทั่วประเทศ ประชุมถักทองานวิจัยท้องถิ่น ก้าวไกลสู่สากล

วันที่ 7 สิงหาคม 2561 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดย สถาบันวิจัยและพัฒนาคณะวิทยาการจัดการ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จัดพิธีเปิดการประชุมวิชาการและ นำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ ครั้งที่ 10 (The 10th National Academic Research Conference) ภายใต้ชื่อ ถักทองานวิจัยท้องถิ่น ก้าวไกลสู่สากล (Connecting Local Research to International Perspectives) ณ ห้องประชุมสุวัจน์ ลิปตพัลลภ 2 โดยได้รับเกียรติจาก นายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.วิเชียร ฝอยพิกุล อธิการบดี กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมและผู้มีเกียรติ การประชุมวิชาการระดับชาติ ประจำปี 2561 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 สิงหาคม 2561

เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง 3 หน่วยงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กับ เครือข่ายสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ และภาคีเครือข่ายจังหวัดนครราชสีมา มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อยอด

การทำงานเชิงวิชาการในพื้นที่ ด้วยการเปิดเวทีนำเสนอผลงานวิจัยของเครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการวิจัย การเรียนการสอน การบริการวิชาการ

เพื่อสังคมชุมชนท้องถิ่น สร้างความร่วมมือกันในงานวิชาการรับใช้สังคมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิชาการรับใช้สังคมระหว่างสถาบันอุดมศึกษา กับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา อีกทั้งยังเป็นช่องทางในการนำผลงาน

วิชาการรับใช้สังคมไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาท้องถิ่น สู่การพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถนำผลงานวิชาการรับใช้สังคมไปสู่การตีพิมพ์ในวารสารที่ได้รับการยอมรับระดับชาติต่อไปภายในงานได้จัดให้มีการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง บทบาทการวิจัยกับการพัฒนาประเทศไทยโดย ศาสตราจารย์ ดร.วรเดช จันทรศร ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่อด้วยการเสวนา เรื่อง กระทรวงอุดมศึกษาวิจัย และนวัตกรรม : ใครได้-ใครเสีย โดย ดร.สัมพันธ์ ศิลปะนาฎ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การบรรยายพิเศษ เรื่อง คนโคราชจะปรับตัวอย่างไร… เพื่อรองรับการเข้าสู่เมืองมหานครโคราช โดย ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ นอกจากนี้ยังได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านศิลปวัฒนธรรม ระหว่าง มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กับ เครือข่ายสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ เพื่อเป็นเครือข่ายความร่วมมือทางด้านข้อมูลทางวิชาการ งานวิจัย งานสร้างสรรค์ งานบริการวิชาการ การเผยแพร่และศิลปวัฒนธรรมร่วมกัน

โคราช ยกระดับการท่องเที่ยว จัดโครงการเจ้าบ้านน้อยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบครบวงจร

วันที่ 6 สิงหาคม 2561  ที่สวนวิภา ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นายมนตรี ปรียางกูล ผู้อำนวยการสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด นครราชสีมา พร้อมด้วยนางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยว สำนักงานนครราชสีมา ร่วมเปิดอบรมเจ้าบ้านน้อยรักษ์เขาใหญ่-วังน้ำเขียว รุ่นที่ 1 พร้อมบรรยายหัวข้อ “การท่องเที่ยวกับชุมชน”โครงการเจ้าบ้านน้อยรักษ์เขาใหญ่-วังน้ำเขียวส่งเสริมเยาวชนส่งเสริมท่องเที่ยวยกระดับครบวงจร ครั้งที่1

 

ณ.สวนวิภา ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นายมนตรี ปรียางกูล ผู้อำนวยการสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด นครราชสีมา พร้อมด้วย

นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยว สำนักงานนครราชสีมา ร่วมเปิดอบรมเจ้าบ้านน้อยรักษ์เขาใหญ่-วังน้ำเขียว รุ่นที่ 1ภายใต้โครงการยกระดับการท่องเที่ยวครบวงจร ระยะเวลา6วันระหว่างวันที่6-8 สิงหาคม,14-16สิงหาคม 2561 พร้อมบรรยายหัวข้อ “การท่องเที่ยวกับชุมชน”เพื่อส่งเสริมเยาวชนส่งเสริมการท่องเที่ยวแหล่งท่องชุมชนในพื้นที่รวมทั้งเสริมสร้างทักษะเยาวชนการเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับนักท่องเที่ยวและเสริมสร้างเยาวชนรุ่นใหม่อนุรักษ์แหล่งท่องเทียวแหล่งธรรมชาติยั่งยืน