ชาววังน้ำเขียวโคราช ‘ปลูกต้นแมคาเดเมีย’ สร้างรายได้ปีละ 200,000 บาท

ชาววังน้ำเขียวโคราช ‘ปลูกต้นแมคาเดเมีย’ ได้ดีไม่ต้องไปไกลถึงเชียงราย ให้ราคาสูงกิโลกรัมละ 1 พันบาท สามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย อาทิ อบเกลือ เคลือบน้ำผึ้ง และรสวาซาบิ หรือทานสดก็ได้ สร้างรายได้ปีละ 2แสนบาท

 

            นายวิรัตน์ เขียนดวงจันทร์ ผู้จัดการบ้านไร่ปลายตะวันและศูนย์เพาะพันธุ์พืช กล่าวว่า ที่บ้านไร่ปลายตะวันเป็นสถานที่ปลูกพืชหลายประเภททั้งผัก ผลไม้ และดอกไม้ รวมถึงต้นไม้ต่างๆ โดยเมื่อ 3ปีก่อนได้นำพันธุ์ของแมคาเดเมียมาทดลองปลูก เพราะเห็นว่าที่อำเภอวังน้ำเขียวมีอากาศเย็นตลอดปี จึงได้นำมาทดลองปลูกจำนวน 50 ต้น ปรากฏผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ให้ผลผลิตที่ดีและยังมีรสชาติอร่อย ซึ่งที่ไร่ของเราได้น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่มาปรับใช้ในการเพาะปลูกและดำเนินการต่างๆ  โดยเพื่ออยากให้คนโคราชได้มีแมคาเดเมียทานกันโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปซื้อถึงจังหวัดเชียงรายภาคเหนือและมีราคาที่ถูกกว่า ทุกคนจะได้รู้ว่าที่อำเภอวังน้ำเขียวมีแมคาเดเมียและสามารถปลูกให้ผลผลิตได้

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ช่วงระยะแรกในการปลูกใช้เวลาประมาณ 4-5 ปี คือค่อนข้างใช้เวลาแต่คุ้มค่า เนื่องจากแมคาเดเมียมีราคาสูงในท้องตลาดเป็นที่นิยมบริโภคเพราะมีสรรพคุณและคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ประโยชน์ของแมคคาเดเมียคือ 1.ช่วยลดภาวะของโรคหัวใจทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น 2.อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ 3. ช่วยลดน้ำหนัก 4.ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย 5. ช่วยบำรุงสมอง โดยต้นแมคาเดเมียอายุ 4 -5 ปีจะให้ผลผลิตประมาณ 3 – 4 กิโลกรัม อายุ  แต่ถ้าเป็นอายุ 6 – 8ปีขึ้นไปแล้ว จะให้ผลผลิตสูงถึงต้นละ 15-20 กิโลกรัมเลยทีเดียว โดยราคาขายในตลาดอยู่ที่ขีดละประมาณ 100 บาท หรือ กิโลกรัมละ 1 พันบาท แต่ถ้าขายในเขตโคราช เราก็จะกำหนดราคาถูกกว่านี้ เพื่อให้อยู่ในระดับเหมาะสมก็คงประมาณ 60-70 บาท ซึ่งปัจจุบันทางบ้านไร่ปลายตะวันก็ทำมา 5 ปีแล้ว จำนวน 50 ต้น สร้างรายได้กว่า 2 แสนบาทต่อปี ผลของแมคาเดเมียสามารถนำไปแปรรูปได้หลายอย่าง อาทิ ไอศกรีม อบเกลือ อบน้ำผึ้ง และรสวาซาบิ และกินสดได้ นอกจากนั้น เรายังส่งเสริมให้เกษตรกรที่อยากจะปลูกยินดีให้ความรู้ในการปลูก ซึ่ง ณ เวลานี้ทางเรากำลังขยายพื้นที่เพิ่มเพื่อเอาพันธุ์ของต้นแมคาเดเมียจำนวนอีก 300 ต้นมาลงปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้ต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรท่านใดสนใจ สามารถมาดูได้ที่แปลงปลูกและยินดีถ่ายทอดความรู้ในการปลูก โดยให้มาที่  ศูนย์ปฏิบัติธรรมบ้านไร่ปลายตะวันและศูนย์เพาะพันธุ์พืช อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เบอร์โทรศัพท์ 085- 1847261 นอกจากนี้ทางบ้านไร่ปลายตะวันยังมีแปลงปลูกเมลอนแบบปลูกในน้ำและผักปลอดและพืชต่างๆอีกหลากหลายโดยใช้ระบบไฮโดรโปนิกปลอดสารพิษ 100 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย

สะพานไม้ร้อยปี อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ของโคราช

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมชัย หยุดกระโทก กำนันตำบลโคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลโคกกระชาย และชาวบ้าน ช่วยกันทำการพัฒนาและต่อเติมจุดชมวิวและสถานที่ให้บริการนักท่องเที่ยว บริเวณสะพานไม้ร้อยปี ตั้งอยู่ที่บ้านโคกกระชาย ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา  ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของอำเภอครบุรี และจังหวัดนครราชสีมา ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้

โดยชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างจุดชมวิวและถ่ายรูปบริเวณมุมต่างๆของสะพาน เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมได้มีมุมถ่ายรูปกับสะพานไม้ร้อยปีหลากหลากและสวยงามมากขึ้น พร้อมกับได้จัดจุดชมพระอาทิตย์ตก ที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ด้วย

นายสมชัย หยุดกระโทก กำนันตำบลโคกกระชาย กล่าวว่า ในช่วงนี้บรรยากาศที่สะพานไม้ร้อยปีของจังหวัดนครราชสีมา กำลังสวยงามเนื่องจากทุ่งนาข้าวของชาวบ้านที่สะพานไม้ร้อยปีระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร พาดผ่านกำลังเขียวขจีไปด้วยต้นข้าวที่เติบโตสวยงาม รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของน้ำภายในลำคลอง อากาศก็เย็นสบายเหมาะสมที่จะให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมกันตลอดทั้งวัน ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาต่อเติมจุดต่างๆไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งต่อไปก็จะมีการสร้างจุดบริการต่างๆเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของห้องน้ำ และจุดบริการอาหารเครื่องดื่มเป็นต้น

พิธีบูรพาจารย์รำลึกในโอกาสครบรอบ 24 ปี วันมรณภาพ หลวงปู่นิล อิสฺสริโก เกจิอาจารย์ชื่อดังของไทย

พิธีบูรพาจารย์รำลึกในโอกาสครบรอบ 24 ปี วันมรณภาพ หลวงปู่นิล อิสฺสริโก เกจิอาจารย์ชื่อดังของไทย

ที่วัดครบุรี หรือวัดหลวงปู่นิล ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา นายวิจิตร กิจวิรัตน์ นายอำเภอครบุรี เป็นประธานฝ่ายฆารวาส นำศิษยานุศิษย์ของพระครูนครธรรมโฆสิต หรือหลวงปู่นิล อิสฺสริโก ร่วมประกอบพิธีบูรพาจารย์รำลึก ในโอกาสครบรอบ 24 ปี วันมรณภาพ เพื่อร่วมรำลึกถึงคุณงามความดีของหลวงปู่นิล อิสฺสริโก เกจิอาจารย์ชื่อดังของไทย อดีตเจ้าอาวาสวัดครบุรี เทพเจ้าแห่งความเมตตาอีสานใต้ ที่ได้ช่วยเหลือในการบำรุงพระพุทธศาสนา รวมถึงประชาชนทั่วไปด้วยการนำหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเผยแผ่เพื่อชี้นำไปสู่การประกอบคุณงามความดี พร้อมทั้งยังใช้ความรู้เกี่ยวกับการปรุงยาสมุนไพรโบราณเพื่อนำมาช่วยเหลือชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วยจนเป็นที่รู้จักกันดีทั่วทั้งประเทศ ซึ่งมีบรรดาศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่นิล มาร่วมในงานวันนี้หลายพันคน

โดยในพิธีได้มีการทำบุญตักบาตร พร้อมนิมนต์พระสงฆ์และเกจิอาจารย์ชื่อดังจาก 27 วัด รวม 130 รูป ของจังหวัดนครราชสีมา มาประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนตร์/มาติกา บังศุกุล เพื่อถวายแด่พระครูนครธรรมโฆสิต หรือหลวงปู่นิล อิสฺสริโก  พร้อมทั้งมีการเปิดให้ศิษยานุศิษย์ได้ร่วมทำบุญปิดทองหุ่นขี้ผึ้งเสมือนหลวงปู่นิล  และร่วมกิจกรรมบุญต่างๆที่ทางวัดจัดเตรียมไว้อย่างหลากหลาย รวมถึงยังมีผู้มีจิตศรัทธานำโรงทานมาร่วมในงานบูรพาจารย์รำลึก ในโอกาสครบรอบ 24 ปี วันมรณภาพ ของหลวงปู่นิล อิสฺสริโก ในวันนี้กว่า 100 โรงทาน พร้อมมีการแสดงมหรสพสมโภชตลอดทั้งวัน

สำหรับพระครูนครธรรมโฆสิต หรือ หลวงปู่นิล อิสฺสริโก  นามเดิมคือ นิล แหวนครบุรี เกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2445 อุปสมบทเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2465 ณ พัทธสีมาวัดนกออก อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พระอุปัชฌาย์ของท่านคือ หลวงปู่กลิ่น วัดนกออก พระอธิการพรหม กิตติคุณ  เชื่อกันว่าท่านสำเร็จอภิญญา มีพลังจิตเข้มแข็ง อธิษฐานปลุกเสกจนวัตถุมงคลของท่านเป็นที่เลื่องลือ ที่โดดเด่นทางเมตตามหานิยม และ คุ้มครองป้องกัน นอกจากท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่มากด้วยวิชาอาคมแล้ว เรื่องวิชาแพทย์แผนโบราณ ยาสมุนไพร ถือเป็นที่ยอมรับอย่างมากช่วยเหลือชาวบ้านที่เจ็บป่วยมานับไม่ถ้วน ส่วนสุดยอดวัตถุมงคลที่ลูกศิษย์ลูกหาหวงแหนมากที่สุด คือ พระตะกั่วเถื่อน รูปถ่ายขาวดำ เหรียญรูปไข่ มหาอุตม์ไม้รวก สีผึ้งเจ็ดอังคาร ตะกรุดมหาอำนาจหนังเสือ ทั้งนี้หลวงปู่นิลมรณภาพ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2537 รวมสิริอายุได้ 92 ปี 6 เดือน 72 พรรษา โดยในปีนี้เป็นปีครบรอบ 24 ปีของการมรณภาพ

 

ชาวบ้าน อ.สีคิ้ว จับหนูป่ามาเลี้ยงขยายพันธุ์ เป็นอาชีพเสริม

ชาวบ้าน อ.สีคิ้ว จับหนูป่ามาเลี้ยงขยายพันธุ์ เป็นอาชีพเสริม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครราชสีมา พบชาวบ้านจับหนูป่ามาเลี้ยงขยายพันธุ์เป็นอาชีพเสริม ลดต้อนทุนการผลิต ถือเป็นอีกอาชีพเสริมที่น่าสนใจ โดยนายสาคร อินทนัย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/85 บ้านทับหก หมู่ 18 ต.หนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งปกติมีอาชีพตัดหินปูพื้นขายอยู่แล้วได้อาศัยชั่วเวลาที่พอเหลือ ริเริ่มทำฟาร์มเลี้ยงหนูขาย โดยใช้วิธีหาหนูป่ามาเพาะเลี้ยงผสมพันธุ์เองเพื่อขยายพันธุ์ลดต้นทุนการผลิต

นายสาคร บอกว่า ตนมีอาชีพตัดหินปูพื้นส่งขาย แต่ด้วยที่บ้าน มีที่ว่าง จึงศึกษาหาอาชีพเสริมทางเนต จึงเห็นว่าการทำฟาร์มเลี้ยงหนู เป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจ จึงทำการศึกษาวิธีการเลี้ยงจากยูทูบ ทั้งการผสมพันธุ์การเลี้ยงดู ซึ่งพบว่า เราสามารถนำหนูป่ามาเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ได้ จึงนำกรงไปดักหนูที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มาเลี้ยงไว้เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ซึ่งปัจจุบันมีพ่อพันธ์แม่พันธ์อยู่สองชนิด คือ หนูแผง กับหนูพุก ซึ่งเป็นหนูป่าขนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดเลี้ยงไว้ขยายพันธุ์ แต่การเลี้ยงหนูป่าต้องใช้เวลาสร้างความเคยชินประมาณ 2-3 เดือน เพื่อให้หนูปรับสภาพ ซึ่งไม่ต้องปิดมิดชิดมากนัก แต่ต้องเปิดดูทุกวันให้หนูเห็นหน้าจะได้คุ้นชิน จากนั้นก็จะพร้อมผสมพันธุ์ โดยนำตัวผู้หนึ่งตัว สามารถผสมพันธุ์ตัวเมียได้ 2-3 ตัว เมื่อปล่อยให้ผสมพันธุ์จนตัวเมียตั้งท้องแล้วต้องแยกออกไป จากกลุ่มเพื่อความปลอดภัย หากคลอดออกมาแล้วจะได้ไม่ถูกแม่หนูตัวอื่นทำร้ายเอา ส่วนตัวที่ท้องจะสังเกตได้ง่าย ตัวที่ตั้งท้องจะดุมากไม่ให้ตัวอื่นเข้าใกล้ หลังจากที่ตั้งท้องถึงคลอดใช้เวลาประมาณ สองเดือนครึ่ง คลอดออกมา 7-10 ตัว หลังจากที่คลอดแล้วปล่อยให้แม่เลี้ยงลูกไปประมาณ เดือนเศษ ก็สามารถแยกแม่ไปผสมพันธุ์อีกได้ ดังนั้นแม่หนึ่งตัวสามารถให้ลูกได้ 3-4 รอบต่อปี

ขณะที่ราคาขายตามท้องตลาด พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ขายคู่ล่ะ 800 บาท ขณะที่หนูเนื้อขายกิโลกรัมละ 150 บาท ซึ่งช่วงนี้ทั้งพ่อพันธุ์ หรือหนูเนื้อแทบไม่พอขายเนื่องจากเป็นที่ต้องการเป็นจำนวนมาก

Cr. ภาพ/ข่าว  ประสิทธิ์  วนะชกิจ

 

ชาวบ้านกระชอน อ.พิมาย โคราช ร้องสื่อ!!ถนนพัง ไร้หน่วยงานดูแล

             

‘ชาวบ้านกระชอน’อำเภอพิมาย  จังหวัดนครราชสีมา  ร้องสื่อ ถนนเส้นหลักชำรุด ระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ไร้หน่วยงานดูแล

                ชาวบ้านกระชอน ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ร้องสื่อ หวังช่วยเป็นกระบอกเสียงถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยมาพัฒนาถนนเส้นหลักทางเข้าหมู่ บ้านความยาว 5.5 กิโลเมตร โดยมีช่วงหนึ่งระยะทาง 1.1 กิโลเมตร ถนนชำรุดหลายปี เป็นหลุมบ่อและเป็นดินโคลน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ สัญจรไปมายากลำบาก โดยเฉพาะหน้าฝนสัญจรไม่ได้ ต้องใช้ทางอ้อมเกือบ 10 กิโลเมตร ทำให้เสียเวลา เป็นเหตุ เด็กไปโรงเรียนสาย ครูไปสอนหนังสือไม่ทัน หรือเกิดเหตุเจ็บป่วยก็ไปโรงพยาบาลยากลำบาก ร้องเรียนไปหลายครั้งเรื่องก็เงียบ หน่วยงานเกี่ยวข้องแก้ไขให้ด้วย

                นายหนุ่ม ชาวบ้านกะชอน กล่าวว่า ถนนเส้นนี้พังมานานหลายปีแล้ว ไม่มีหน่วยงานมาซ่อมแซมเสียที ก็ต้องจำใจใช้เส้นทางนี้หากจำเป็นจริงๆ ระยะทางก็ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยเฉพาะรถยนต์หากไม่ชำนาญทางหลงมารถก็อาจติดหล่มได้ รถมอเตอร์ไซค์ก็มักจะประสบเหตุล้มบ่อยเช่นกัน เพราะสภาพถนนเป็นดินโคลน เป็นหลุมเป็นบ่อ เสียหายมาก ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งมาซ่อมแซมด้วยชาวบ้านจะได้สัญจรไปมาสะดวกสักที เพราะเส้นทางนี้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อหลายตำบลและอีก 2 อำเภอคือ อำเภอโนนแดง และ อำเภอประทาย

ทางด้าน นางสาวณัฐวรรณ เพียรหมอ ชาวบ้านกระชอน กล่าวอีกว่า เส้นทางนี้ตนเองต้องจำเป็นใช้สัญจรทุกวันเนื่องจากเป็นเส้นทางที่ต้องไปคอกวัวที่พ่อเลี้ยงเอาไว้ การสัญจรไปมาก็ลำบาก รวมถึงบรรดาคณะครูโรงเรียนราษฎร์สโมสรก็เดินทางมาสอนหนังสือลำบาก ต้องใช้เส้นทางเลี่ยงอ้อมไปไกลเกือบสิบกิโลเมตรทำให้เสียเวลา ยิ่งฝนตกแบบนี้รถยนต์ยิ่งไม่ควรมาเลยติดหล่มแน่นอน เคยถามคนที่อยู่มาก่อนเขาก็ร้องหน่วยงานไปทุกปีหลายครั้งแต่ก็เงียบ โดยเฉพาะเวลาไปโรงพยาบาลลำบากมาก หากเจ็บป่วยกะทันหันอาจเกิดเหตุการณ์ศูนย์เสียเพราะไปถึงมือแพทย์ล่าช้าอีกด้วย

ขณะที่ นายสาทิช บวชสันเทียะ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขตอำเภอพิมาย กล่าวว่า ถนนเส้นนี้ เป็นเขตรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ขณะนี้ตนเองได้ส่งเรื่องไปทางสำนักกองช่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาแล้ว เพื่อประสานฝ่ายจัดซื่อจัดจ้างเรียบร้อยแล้ว และจะได้จัดสรรงบประมาณลงมาซ่อมแซมในเร็ววัน ซึ่งถนนที่พังมีระยะกว้าง 5 เมตร ยาว 1 กิโลเมตร งบประมาณ 3 ล้านบาท ยังไงก็ต้องขออภัยประชาชนทุกท่าน ซึ่งขณะนี้ตนเองทวงถามไปทาง ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ‘ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างแล้วอีกไม่นานจะลงไปซ่อมแซมให้เร็วที่สุดขอให้ประชาชนรออีกสักหน่อยทางเราไม่ทอดทิ้งประชาชนแน่นอน นายสาทิช บวชสันเทียะ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขตอำเภอพิมาย

 

                                                                                                               

โคราช ยกระดับการท่องเที่ยว จัดโครงการเจ้าบ้านน้อยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบครบวงจร

วันที่ 6 สิงหาคม 2561  ที่สวนวิภา ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นายมนตรี ปรียางกูล ผู้อำนวยการสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด นครราชสีมา พร้อมด้วยนางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยว สำนักงานนครราชสีมา ร่วมเปิดอบรมเจ้าบ้านน้อยรักษ์เขาใหญ่-วังน้ำเขียว รุ่นที่ 1 พร้อมบรรยายหัวข้อ “การท่องเที่ยวกับชุมชน”โครงการเจ้าบ้านน้อยรักษ์เขาใหญ่-วังน้ำเขียวส่งเสริมเยาวชนส่งเสริมท่องเที่ยวยกระดับครบวงจร ครั้งที่1

 

ณ.สวนวิภา ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นายมนตรี ปรียางกูล ผู้อำนวยการสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด นครราชสีมา พร้อมด้วย

นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยว สำนักงานนครราชสีมา ร่วมเปิดอบรมเจ้าบ้านน้อยรักษ์เขาใหญ่-วังน้ำเขียว รุ่นที่ 1ภายใต้โครงการยกระดับการท่องเที่ยวครบวงจร ระยะเวลา6วันระหว่างวันที่6-8 สิงหาคม,14-16สิงหาคม 2561 พร้อมบรรยายหัวข้อ “การท่องเที่ยวกับชุมชน”เพื่อส่งเสริมเยาวชนส่งเสริมการท่องเที่ยวแหล่งท่องชุมชนในพื้นที่รวมทั้งเสริมสร้างทักษะเยาวชนการเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับนักท่องเที่ยวและเสริมสร้างเยาวชนรุ่นใหม่อนุรักษ์แหล่งท่องเทียวแหล่งธรรมชาติยั่งยืน

 

โคราชเตรียมปล่อยขบวนรถบรรทุก ช่วยเหลือ สปป.ลาว

นครราชสีมา – โคราชเตรียมปล่อยขบวนรถบรรทุก จากลานย่าโม มุ่งหน้าสู่จังหวัดอุบลราชธานี  เพื่อส่งต่อไปยัง สปป.ลาว

วันนี้( 30/7/61 )เวลา 10.00 น. ณ หน้าลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ขอเชิญทุกท่านร่วมปล่อยขบวนรถบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยสปป.ลาวโดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการปล่อยขบวนรถบริจาคฯ เพื่อนำไปมอบที่ จ.อุบลราชธานี

ฮุก 31 โคราชและชมรมดำน้ำโคราชออกเดินทางเร่งช่วยเหลือ สปป.ลาว

ฮุก31นครราชสีมาและชมรมดำน้ำโคราช ออกเดินทาง เร่งรัดลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนเหตุน้ำท่วม ที่ สปป.ลาว พร้อมลงพื้นที่เช้านี้

จากกรณี สปป.ลาวประสบภัยน้ำท่วมฉับพลัน หลังเขื่อนในแขวงอัตตะปือแตก มีรายงานคนสูญหายนับร้อยคน และคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตหลายราย โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งอพยพประชาชนผู้ประสบภัย นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ เผยว่า ขณะนี้ทางการลาวสามารถควบคุมสุานการณ์น้ำได้แล้ว เบื้องต้น น้ำไม่ทะลักเพิ่ม แต่ยังมีจุดที่น้ำยังคงท่วมสูง

        ทั้งนี้    เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2561 เวลา 20.00น. มูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา หน่วยเฉพาะกิจ ทีมช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ (ส่วนหน้าชุดที่1) และชมรมดำน้ำโคราช พร้อมเรือยนต์กู้ภัย เจ็ทสกี ชุดปะดาน้ำ อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมบุคลากรด้านกู้ชีพ-กู้ภัย จัดกำลังพล มุ่งหน้าลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุน้ำท่วม ในเขตประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว เพื่อร่วมอพยพประชาชนและค้นหาผู้สูญหายภายในน้ำจากเหตุดังกล่าว ที่หมายประมาณเวลา 06.00น.ถึงพร้อมเข้าพื้นที่

ขอองค์พระบารมีของ องค์พระ องค์ฮุกโจ้ว คุณย่าโม ดวงทิพย์วิญญาณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ ๙ พระบารมีของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินินาถ ในรัชการที่ ๙ พระบารมีขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ์ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ ๑๐ และพระบรมวงศานุวงศ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาลให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยทุกท่านจงปฏิบัติงานด้วยความราบรื่น ประสบแต่ความโชคดีและปฏิบัติงานโดยปลอดภัย.. สาธุ

ขอบคุณภาพ : ข้อมูล

ข้อมูลภาพ ; หน่วยเฉพาะกิจ ฮุก31 ทีมช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ
ข้อมูล : ผอ.หลุยส์ ฮุก31

บวงสรวงสร้างสะพานบุญ วัดพระนารายณ์ โคราช

นครราชสีมา – พิธีบวงสรวงสร้างสะพานบุญ วัดพระนารายณ์ โคราช
“พิธีบวงสรวงสร้างสะพานบุญ”พระธรรมวรนายกเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมาเจ้าอาวาสวัดพระนารายณ์วรวิหารเมื่อวันที่ 27มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 12.00 น.ที่วัดพระนารายณ์วรวิหารได้จัดให้มีพิธีใหญ่บวงสรวงเทวาภิเษกและพุธาภิเษกร่วมเกจิดังสายโคราชประธานพิธีพระธรรมวรนายก(หลวงปู่ใหญ่),หลวงพ่อคูณ วัดบัญลังค์,พระครูสังข์รักษ์(ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ),อ.ประทวน ถ้ำดาวเขาแก้ว,พระครูโกวิทกิติธรรมสาร และพระสีหราชสมาจารมุนีย์ร่วมพิธีบวงสรวงจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นพิเศษเทพ3ภพเพื่อหาทุนสร้างสะพานบุญวัดพระนารายณ์ฯ


หากท่านใดมีจิตศรัทธา สามารถร่วมในบุญครั้งนี้ โดยติดต่อที่วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร จังหวัดนครราชสีมา ที่อยู่เลขที่ 389 ถนน จอมพล ตำบล ในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา นครราชสีมา 30000 โทรศัพท์ 044 255 066