พระธรรมเจดีย์(สมคิด เขมจารี) เจ้าคณะภาค 11 เป็นประธานเททองหล่อพระประธานวัดวัดประมวลราษฎร์ จ.นครราชสีมา

วันที่ 30 สิงหาคม 2563  ได้มีพิธีเททองหล่อพระสมเด็จพระพุทธมหาจักรพรรดิ พระประธานประจำอุโบสถหลังใหม่ ขนาดหน้าตัก 79 นิ้ว  ณ วัดประมวลราษฎร์ (ระกาย) ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา

โดยได้รับเมตตาจาก พระธรรมเจดีย์(สมคิด เขมจารี) วัดทองนพคุณ เจ้าคณะภาค 11 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และได้รับเกียรติจากนายวิสูตร ชัชวาลวงศ์  ปลัดจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก นางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาและแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

โดยเวลา 09.29 น. มีพิธีบวงสรวง เวลา 13.00 น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และในเวลา 14.29 น. เป็นพิธีเททองหล่อพระประธาน และหากพุทธศาสนิกชนท่านใดที่มีจิตศรัทธาสามารถร่วมต่อบุญครั้งนี้ได้

จักรยานฉลองชัยชนะท้าวสุรนารีประจำปี 2563 จบอย่างสวยงาม

ปั่นรณรงค์เพื่อสุขภาพ Tour of Korat 2020 ครั้งที่ 7 จักรยานฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี หลังวิกฤตการณ์โควิช19

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563 ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา นายวิสูตร ชัชวาลวงศ์ ปลัดจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการการปั่นจักรยานใจเกินร้อย ภายใต้โครงการ Tour of Korat 2020 ครั้งที่ 7 จักรยานฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี พร้อมด้วย นายธนิต จิตละมัย ท่านท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา นายเกื้อ ชูศรี ผู้อำนวยการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 3 โดยมีนายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา รองประธานสโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมา และประธานจัดการแข่งขันเป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายชาญชัย บัวสรวง ประธานสโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมา และคณะ


กิจกรรม Tour of Korat 2020 ครั้งที่ 7 จักรยานฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี จัดขึ้นเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวงานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารีประจำปี 2563 แต่เนื่องด้วยในห้วงงานฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารีได้ประสบปัญหาการระบาดของโรคโควิด 19 จึงได้มีการเลื่อนกิจกรรมมาในวันนี้ นอกจากนี้ยังเป็นการรณรงค์ให้เยาวชนและประชาชนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ส่งเสริมการเดินทางด้วยจักรยานและเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนและบุคคลทั่วไปหันมาร่วมมือกันลดสภาวะโลกร้อน และที่สำคัญเพื่อส่งเสริมงบประมาณสนับสนุน สโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมาให้พัฒนาความสามารถและทักษะไปสู่การแข่งขันกีฬาระดับชาติต่อไป โดย กิจกรรม Tour of Korat 2020 ครั้งที่ 7 นี้ เป็นการปั่นจักรยานใจเกินร้อยแบ่งออกเป็น ระทาง 65 กิโลเมตร ระยะทาง 20 กิโลเมตร และ VIP โดยมีนักปั่นทั่วประเทศได้ให้ความสนใจ จำนวนกว่า 1,000 คน

ประกวดร้องเพลงดาวรุ่งลูกทุ่งลูกกรุงสภาวัฒนธรรมโคราชรอบแบ่งโซน

สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ประกวดร้องเพลง ดาวรุ่ง-ลูกทุ่งลูกกรุงสภาวัฒนธรรมโคราช รอบแบ่งโซน


วันที่ 28 สค. 2563 นางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ร่วมพิธีเปิดการประกวดร้องเพลงเพลงไทยลูกทุ่ง ลูกกรุง สภาวัฒนธรรมโคราชรอบแบ่งกลุ่มโซน 6 และนางสมใจอินทรทรัพย์ รองประธานสภาวัฒนธรรม พร้อมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรม ร่วมเป็นเกียรติ มอบเข็มเชิดชูเกียรติ ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมเกียรติบัตร แก่ผู้ส่งเสริมสนับสนุนงานสภาวัฒนธรรมของอำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา


ในการนี้ ได้รับเกียรติจาก นาย ศักรินทร์ เสมหิรัญ นายอำเภอบัวใหญ่ เป็นประธานพิธีเปิดการประกวดแข่งร้องเพลง ลูกทุ่ง-ลูกกรุง สภาวัฒนธรรมโคราช ของอำเภอกลุ่ม 6 ประกอบด้วย บัวใหญ่,บัวลาย แก้งสนามนาง คง,สีดา และบ้านเหลื่อม โดยได้รับการสนับสนุนจาก คุณประชา เต็มภัทราโชค ประธานสภาวัฒนธรรม อ.บัวใหญ่เจ้าภาพจัดในพื้นที่ และได้การสนับสนุน สถานที่จากผู้อำนวยการโรงเรียนวานิชวิทยา

ในการจัดการ แข่งขันได้รับความนิยมมีผู้ร่วมประกวดการแข่งขันจำนวนมากเพื่อคัดตัวแทน จากตัวแทน 6 อำเภอ และได้ผู้ชนะเลิศครั้งนี้ เพื่อร่วมแข่งขันประกวดในระดับจังหวัดนักร้อง ดาวรุ่ง ลูกทุ่ง -ลูกกรุงสภาวัฒนธรรมโคราช ในวันที่ 5 กันยายน 2563 ณ.ห้าง Terminal 21 ต่อไป #ประกวดร้องเพลงสภาวัฒนธรรมโคราช #สภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา

รถไฟฟ้ารางเบาLRT Korat ทุกภาคส่วนเห็นด้วยคาดว่าได้ใช้ปี 2568

L R Tรถไฟฟ้าโคราชผ่านฉลุย!!! ทุกภาคส่วนร่วมใจ ได้เห็นแน่ปี 2568 #รถไฟฟ้ารางเบาโคราช


รฟม. จัดประชุมรับฟัดวามคิดเห็นของประชาชนออก ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาของโครงการ)งานศึกษารายละเอียดความเหมาะสม ออกแบบ และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว
(ตลาดเซฟวัน – สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์)

วันนี้ (26 สิงหาคม พ.ศ. 2563) เวลา 09.00 น. นายสาโรจน์ ต.สุวรรณ ผู้ช่วยผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาของโครงการ) งานศึกษารายละเอียดความเหมาะสม ออกแบบ และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน -สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) โดยภายในงานมีผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ สถาบันการศึกษา และผู้สนใจรวมถึงสื่อมวลชนเข้าร่วมการประชุมกว่า 250 คน ณ ห้องสีมาธานี แกรนด์ บอลรูม โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาทั้งนี้ ได้รับเกียรติจกนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาร่วมเป็นประธานพิธีเปิด

พร้อมด้วยนายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมาและคณะผู้บริหารสมาชิกสภาเทศบาลฯ โดยการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งนี้


เป็นการนำเสนอผลการศึกษาแนวเส้นทาง สถานีรูปแบบโครงกร และผลกระทบสิ่แวดล้อม รวมทั้งมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบผลการศึกษา พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆเพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงผลการศึกษาให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ในลำดับต่อไปสำหรับผลการศึกษาโดยสรุปคือ โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว(ตลาดเซฟวัน – สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์) เป็นประเภทระบบรถรางไฟฟ้า (Tram)มีลักษณะเป็นระบบรถไฟฟ้าที่วิ่งไปตามทางวิ่งหรือรางบนถนน มีรูปแบบที่คล้ายกับรถไฟฟ้า MRT แต่มีขนาดเล็กกว่า รวมระยะทางประมาณ 11.15 กิโลเมตร มีสถานีรับ-ส่ง ผู้โดยสาร 21 สถานี ได้แก่ สถานีมิตรภาพ 1สถานีสามแยกปักธงชัย สถานีมิตรภาพ 2 สถานีองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ สถานีสวนภูมิรักษ์ สถานีหัวรถไฟสถานีเทศบาลนคร สถานีศาลเจ้าวัดแจ้ง สถานีโพธิ์กลาง สถานีอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สถานีแยกประปาสถานีโรงเรียนสุรนารีวิทยา สถานีราชภัฏฯ สถานีราชมงคล สถานีบ้านเมตตา สถานีบ้านนารีสวัสดิ์สถานีชุมผลสถานีศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา สถานีไปรษณีย์จอมสุรางค์ สถานีวัดแจ้งในและสถานีดับเพลิง
ในด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นกรณีมีการพัฒนาโครงการ ได้แก่ ผลกระทบด้านคุณภาพอากาศ เสียงและความสั่นสะเทือน จกกิจกรรมในระยะก่อสร้างของโครงการ รวมทั้งปัญหาด้านการจราจรที่มีการรบกวนผิวจราจรปัจจุบัน ซึ่งโครงการได้มีการพิจารณาและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยจัดให้มีมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบอย่างเต็มที่ อาทิ ฉีดพรมน้ำในบริเวณที่อาจเกิดฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย กำหนดช่วงเวลาที่อนุญาตให้มีกิจกรมก่อสร้างที่ก่อให้เกิดเสียงดังผิดปกติเฉพาะช่วงเวลา 08.00 -17.00 น. ทั้งนี้ หากมีกิกรรมกรก่อสร้างที่ก่อให้เกิดเสียงที่มีความจำเป็นจะต้องดำเนินการนอกช่วงเวลาดังกล่าว จะต้องมีการประกาศแจ้งให้สรรณชนทราบล่วงหน้า รวมถึงควบคุม/จำกัดความเร็ว และตรวจสอบน้ำหนักบรรทุกของรถบรรทุกให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และมีการจัดเตรียมแผนการจัดการจราจรให้สอดคล้องกับแผนงานก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนฯ นำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาและเผยแพร่แผนการจัดการจราจรให้ประชาชนทั่วไปและผู้ใช้เส้นทางที่เกี่ยวข้องทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงอีกทั้งกำหนดช่วงเวลาในการขนส่งวัสดุอุปกรณ์ของโครงการ นอกช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าเย็นทั้งนี้ รฟม, ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ให้เป็นผู้ดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัด

นครราชสีมา ในรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(PPP) โดยให้ดำเนินกรก่อสร้าง ครั้งละ 1 เส้นทาง เริ่มจากสายสีเขียว (ตลาดเซฟวัน – สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์ เป็นลำดับแรก ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องจากจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาของโครงการ) โดย รฟม, จะจัดการประชุมเพื่อทดสอบความสนใจของภาคเอกชน และ/หรือ องค์กรครองส่วนท้องถิ่น (Market Sounding) ครั้งที่ 1 ในวันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2563 เวลา 13.30 – 16.30 น. ณ ห้องสีมาธานี แกรนด์ บอลรูม โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมืองนครราชสีมาจังหวัดนครราชสีมา และครั้งที่ 2 ในวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 08.30 – 12.00 น.ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เพื่อทดสอบความสนใจจากภาคเอกชน นักลงทุน ตัวแทนผู้ผลิต/จำหน่ายรถไฟฟ้าและงานระบบที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนจกสถานทูตประเทศต่างๆ ตลอดจนหน่วยงานราชการส่วนกลาง และสถานบันการเงิน ซึ่งจะนำไปประกอบในการจัดทำแนวทางการร่วมลงทุนของโครงการต่อไป
สำหรับโครงการระบุบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว นับเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายแรกของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 4 ปี โดยเริ่มงานก่อสร้างได้ในปี พ.ศ. 2565 และสมารถเปิดให้บริการ พ.ศ. 2568 ทั้งนี้เมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทางที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐาน รวมถึงมีความสะดวก รวดเร็ว และความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสามารถลดการใช้รถยนต์โดยรวมบนท้องถนนจึงช่วยลดปริมาณมลพิษในอากาศที่เกิดจกการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ได้อีกด้วย

เสริมเขี้ยวเล็บตำรวจภูธรภาค 3

ตำรวจภาค3จัดเสริมเขียวเล็บให้ทัพตำรวจด้านการสืบสวนโดยใช้เทคโนโลยี


วันที่ 23-29 สิงหาคม 2563 เวลา 10.00 น.ณ โรงแรมแคนทารี โดราช อ.เมืองจังหวัด.นครราชสีมาพิธีเปิดการอบรมโครงการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรด้านการสืบสวนโดยใช้เทคโนโลยีของข้าราชการตำรวจสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยพล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบช.ภ.3และผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกนาย

ตำรวจภูธรภาค 3 ได้รับอนุติงบประมาณ โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการสืบสวน โดยใช้เทคโนโลยีของข้าราชการตำรวจ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อจัดฝึกอบรมให้กับข้าราชการตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสายงานสืบสวน โดยมอบหมายให้ ตำรวจภูธรภาค3 ดำเนินการฝึกอบรมตามโครงการฯ ดังกล่าว ในห้วงระหว่างวันที่ 23 – 29 สิงหาคม 2563 ณ โรงแรมแคนทารี โคราช อ.เมืองจังหวัดนครราชสมา รวมผู้เข้ารับการอบรม 150. นาย

ประกอบด้วย ข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรสืบสวน ของตำรวจภูธรจังหวัด กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ถึง ภาค 9 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 1-5กองบังคับการในสังกัด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังตับการตำรวจท่องเที่ยว 1- กองบังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1-4 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1-4 และ ข้าราชการตำรวจระดับสารวัตรผู้รับผิดชอบงานด้านยาเสพติด กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1-4ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้เทคนิค และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงามสืบสรม ให้มีความรู้ความสามารถในการนำเทคโนโลยี อุปกรณ์ที่ทันสมัย มาใช้ในการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งการพัฒนางานสืบสวน จะต้องพัฒนาบุคลากรให้มีองค์ความรู้และมีความรอบรู้ ที่ทันสมัยอยู่เสมอ อีกทั้ง ยังจำเป็นต้องพัฒนาให้เกิดทักษะ เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ทันที รวมไปถึงเพื่อฝึกบทวน แลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิคการสืบสวน และการทำงานเป็นทีม ทำให้สามารถติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว

ด้านพล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3กล่าวจากการรายงาน ท่านทั้งหลายคงทราบแล้วว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนดำเนินการ ยกระดับขีดความสมารถในการปฏิบัติภารกิจหลัก เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลเพื่อลดความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมของประชาชน โดยมีระบบกระบวนงาน ที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังต้องการพัฒนาบุคคลกรขององค์กร ให้มีความรู้ความสามารถและทักษะในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้สนับสนุนการสืบสวนและสามารถติดตามตัว จับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว/กั้งนี้ ก็เพื่อความสงบสุขของ ประชาชนชุมชน สังคม ประเทศชาติ

สพร.5 จัดทบทวนและทำแผนพัฒนากำลังคนระดับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา

ที่ผ่านมา  ว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์  พรหมดำ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมาได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง การทบทวนและจัดทำแผนพัฒนากำลังคนระดับพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา  ปีงบประมาณ  พ.ศ. 2563 โดยได้รับเกียรติจาก  อ.รามณรงค์ นิลกำแหง  อ.อธิต ทิวศะศิธร์  อ.อรรถพงษ์ โภชน์เกาะ  อ.ดร.วันเกษม สัตยานุชิต  เป็นผู้ที่ให้ความรู้  ณ โรงแรมเดอะวินเทจ โฮเทล  ต.หมูสี  อ.ปากช่อง  จ.นครราชสีมา

โดยโครงการนี้อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนากำลังคน การพัฒนาผลิตภาพแรงงาน เพื่อรองรับการเข้าสู่ Thailand 4.0 โดยจังหวัดนครราชสีมาได้มอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการในคณะอนุกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพจังหวัด (กพร.ปจ.) ขับเคลื่อนแผนพัฒนากำลังคนของจังหวัดผ่านกลไกของจังหวัด

ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนากำลังคนในพื้นที่ ตามแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญของจังหวัด โดยนำแผนพัฒนากำลังคนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔ ซึ่งได้จัดทำร่างขึ้นในปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติและเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาจังหวัด ตลอดจนสร้างการรับรู้ข้อมูลแรงงานด้านต่างๆ ให้กับองค์กร หน่วยงานภาครัฐ เอกชนและแรงงานในพื้นที่ได้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและภารกิจการพัฒนากำลังคนในพื้นที่ในรูปแบบประชารัฐ และการบูรณาการความร่วมมือสามารถพัฒนาทักษะความรู้ให้แก่กำลังคนในพื้นที่ได้ตามยุทธศาสตร์ในแต่ละระดับต่อไป

บริษัท คาร์กิลล์มีทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ส่งมอบเงิน 1,390,000 บ. สนับสนุนอาหารกลางวัน

บริษัท คาร์กิลล์มีทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ( ผู้ผลิตและส่งออกไก่ปรุงสุกทั่วโลก สำนักงานตั้งอยู่ที่อำเภอโชคชัย) ส่งมอบเงินจำนวน 1,390,000 บาท เพื่อสนับสนุนโครงการเกษตรอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นโครงการที่ทางบริษัทดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐ เพื่อพัฒนาโภชนาการของน้องๆ ในโรงเรียนที่ขาดแคลนทั้ง 22 แห่งในจังหวัดนครราชสีมา จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 4,500 คน

โครงการเกษตรอาหารกลางวันมี วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโภชนาการของน้อง ๆ ในชุมชนแบบบูรณาการ ปลูกฝังเรื่องโภชนาการที่ดี สร้างกระบวนการเรียนรู้สอดแทรกนวัตกรรมใหม่ ๆ และเป็นการเสริมสร้างทักษะให้กับยุวเกษตรตัวน้อย ๆ โดยมีกิจกรรมภายใต้โครงการ อาทิ เช่น การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ การเพาะเลี้ยงเห็ด การเลี้ยงปลา และการเลี้ยงไก่ไข่ โดยผลผลิตที่ได้จะถูกนำไปประกอบอาหารกลางวันในโรงเรียน และบางส่วนนอกเหนือจากนี้ยังสามารถจำหน่ายให้กับชุมชนโดยรอบ ก่อให้เกิดรายได้หมุนกลับเข้ามาในโครงการ ฯ จึงทำให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน

สสว. จัดสัมมนากระตุ้น SMEs โคราช หลังวิกฤตโควิด-19

สสว. จัดสัมมนากระตุ้น SMEs โคราช หลังวิกฤตโควิด-19

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. จัดสัมมนาพิเศษ  หัวข้อ “การพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs  หลังวิกฤตการณ์ Covid-19” ณ ห้องประชุมตะโกราย 3 อาคารสำนักงานส่งเสริมวิชาการและงานลงทะเบียน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา แนะพัฒนา 4 ด้านภายหลังพ้นวิกฤตโควิด-19

          ดร.เพชรมณี ดาวเวียง รองผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ SMEs ปฏิบัติงานช่วยควบคุม กำกับ ศูนย์ให้บริการ SMEs ครบวงจร(OSS) ได้ให้แนวคิดกับผู้ประกอบการที่กำลังต่อสู้กับความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติจาก โควิด-19 หรือการทำธุรกิจแบบ New Normal ว่า “ผู้ประกอบการต้องเร่งทำ 4 อย่างด้วยกันคือ สร้างทักษะใหม่ๆ หรือ New Skill Set การพัฒนาคนในองค์กร (Retraining) การพัฒนาทักษะเดิม ๆ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น (Reskilling แบบรอบด้าน) และต้องเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างเต็มตัว (Digitalization) รวมทั้งต้องพยายามหาโอกาสในทุกวิกฤต หากผู้ประกอบการ SMEs ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน อาจเข้ามาหาความรู้จากคลังความรู้ที่ สสว.ได้เตรียมไว้ทั้งในแพลตฟอร์มออนไลน์  www.smeknowledgecenter.com และสัมมนาที่น่าสนใจอีกหลากหลาย

          เนื้อหาของหัวข้อการสัมมนาในครั้งนี้ ทางสสว.มุ่งหวังให้ผู้ประกอบการ SMEs ของภาคอีสานเตรียมความพร้อมสำหรับก้าวต่อไปเมื่อผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 บรรยายโดย อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานถึง 4 ท่านในประเด็นต่างๆ ดังนี้ การจัดการภาวะวิกฤตสำหรับ SMEs โดย ดร.อนิรุธ พิพัฒน์ประภา ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย คณะบริหารธุรกิจ, สร้าง Content ดียอดขายปัง โดย ดร.ณพรรณ สินธุศิริ รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา คณะบริหารธุรกิจ, การตลาดออนไลน์ กับ SME ไทย ในยุค 4.0 โดย นายปุริม หนุนนัด อาจารย์ประจำสาขาวิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ และสร้างแบรนด์ง่าย ๆ ด้วย Infographic โดย นางสาวศศิวิมล กอบัว อาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ

          สำหรับวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ ทาง ดร.เพชรมณี ดาวเวียง รองผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ SMEs ปฏิบัติงานช่วยควบคุม กำกับ ศูนย์ให้บริการ SMEs ครบวงจร(OSS) แนะนำผู้ประกอบการ SMEs ว่า “หลังจากวิกฤตครั้งนี้ ผู้ประกอบการ SMEs จะต้องพัฒนาธุรกิจของตัวเองทุกวัน หยุดไม่ได้ ต้องปรับธุรกิจให้เหมาะกับยุค New Normal จัดการแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่ เช่น ปรับลดขนาดองค์กร ค้นหากลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ กระโจนสู่ตลาดออนไลน์อย่างเต็มตัว เพราะจากวิกฤตโควิด-19 เชื่อว่า ผู้ประกอบการ SMEs ได้เห็นศักยภาพของตลาดออนไลน์แล้วว่า สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและรวดเร็ว นอกจากนั้นยังต้องศึกษาเรื่องการสร้าง content ให้แบรนด์มากยิ่งขึ้น เพราะ Content Marketing เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับธุรกิจ เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างสิ่งที่ต้องการนำเสนอไปถึงลูกค้าได้อย่างแนบเนียนโดยลูกค้าจะไม่รู้สึกว่ากำลังถูกขายของ รวมถึงปรับรูปแบบการนำเสนอสินค้าด้วยคลิปวิดีโอหรือภาพที่เข้าใจง่ายและดึงดูดความสนใจอย่างอินโฟกราฟฟิกให้มากยิ่งขึ้น”

          สัมมนาครั้งต่อไปของโครงการ SME Knowledge Center   ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. จะจัดขึ้นช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ที่จังหวัดเชียงราย กับหัวข้อ “อัพเกรดแฟรนไชส์ไทยเปิดตลาดสู่สากล” สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.smeknowledgecenter.com

กระตุ้นสร้าง จรรยาบรรณวิชาชีพสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน

สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กระตุ้นต่อม “จรรยาบรรณวิชาชีพ “ปลุกสำนึก โฆษณาออนไลน์ #ร่วมรับผิดชอบต่อสังคม

สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย รุกเดินสายจัดอบรม กระตุ้นผู้ผลิตสื่อโฆษณาอีสาน ตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ หลังสื่อออนไลน์ขยายตัวก้าวกระโดด ทั้งมีการผลิตสื่อโฆษณาผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ หวังผลประโยชน์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
วันที่ 19 ส.ค.63 ที่ห้องประชุมเสียงแคน ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดการอบรม “โครงการอบรมหลักสูตรการผลิตสื่อโฆษณาที่ตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ” ที่สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน ร่วมกันจัดขึ้น โดยมีคุณอุดมศักดิ์ วงษ์ประเสริฐ รองประธานกิตติมศักดิ์สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมเครือข่ายหนังสือพิมพ์ วิทยุ และสื่อออนไลน์ ภาคอีสาน และผู้ผลิตสื่อโฆษณาในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมอบรมกว่า 40 คน


โดยมีหัวข้อการอบรมเรื่อง แนวทางการผลิตสื่อโฆษณาที่ตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ และกรณีศึกษา โดยคุณธาราวุฒิ สืบเชื้อ รองนายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกฎหมาย และคุณอนุพงษ์ เจริญเวช นักสืบสวนชำนาญการพิเศษ กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านโฆษณา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) การฝึกปฏิบัติการ (Workshop) การกำหนดกลยุทธ์สร้างสรรค์โฆษณาอย่างมีจริยธรรม โดยคุณรชต ไวยอาษา Associate Strategic Planning Director และ ผศ.ดร.บุหงา ชัยสุวรรณ กรรมการสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ฝ่ายมาตรฐานวิชาชีพ อาจารย์คณะคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)
นายอุดมศักดิ์ วงษ์ประเสริฐ รองประธานกิตติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย มุ่งมั่นเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจให้ข้อมูลเกี่ยวกับจรรยาบรรณ ให้แก่บุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิตสื่อโฆษณามาโดยตลอด สื่อโฆษณานับเป็นการสื่อสารที่มีอิทธิพลมากต่อผู้รับชม จะเห็นได้ว่าการผลิตสื่อโฆษณาในปัจจุบันนั้นสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสื่อโฆษณาที่ผ่านช่องทางออนไลน์ มีการเติบโตสูงมาก ตามวิถีการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคปัจจุบันที่บริโภคสื่อออนไลน์มาก ทำให้การโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ได้รับความนิยมมาก มีหลายแบรนด์ที่ได้สื่อสารในช่องทางนี้จำนวนมาก
ขณะที่ระบบการตรวจพิจารณาภาพยนตร์โฆษณา ทำได้จำกัดเฉพาะการโฆษณาทางโทรทัศน์เท่านั้น ทำให้มีทั้งการโฆษณาที่สร้างสรรค์และผิดกฎหมายอยู่เป็นจำนวนมาก วัดจากข้อมูลของ อย.ปี 2561 มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำการโฆษณาฝ่าฝืนกฎหมายมากถึง 523 คดี และปี 2562 มีการเผยสถิติการเฝ้าระวังและตรวจสอบโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อต่างๆ จำนวน 24,482 รายการ พบโฆษณาฝ่าฝืนกฎหมายถึง 1,570 รายการ รวมทั้งมีกระแสสังคม วิพากษ์วิจารณ์การนำเสนอเนื้อหาการโฆษณาอยู่เป็นระยะ
นายอุดมศักดิ์ กล่าวต่อว่าการควบคุมสื่อโฆษณาจะมีหน่วยงานหลักคือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ห อสคบ. และคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์จะมีชมรมตรวจพิจารณาภาพยนตร์โฆษณา ตรวจสอบก่อนออกอากาศ จึงไม่เกิดปัญหา แต่ระยะหลังสื่อโฆษณาที่ผ่านทีวีดาวเทียม และช่องทางออนไลน์ต่างๆ คิดเอง ทำเอง มักโฆษณาผิดกฎหมาย มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลประโยชน์ และต้องการหลีกเลี่ยง ยัดเยียดสื่อโฆษณานั้นให้ผู้บริโภค
ขณะเดียวกันการใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาควบคุมสื่อโฆษณาช่องทางออนไลน์ และดาวเทียวนั้น คงไม่สามารถทำได้เต็มที่ เพราะการผลิตสื่อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์มีจำนวนมาก ทางสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย จึงหันมารณรงค์ให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสื่อโฆษณา ตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ จริยธรรม และข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวกับโฆษณาให้มาก เพื่อให้การผลิตงานโฆษณาเป็นผลงานที่มีคุณภาพ ไม่ผิดกฎหมาย สามารถสื่อสารเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และร่วมรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมด้วย
ผศ.ดร.บุหงา ชัยสุวรรณ กล่าวว่า บทบาทการทำงาน สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดเดินสายสัมมนาในหัวข้อ การผลิตสื่อโฆษณาที่ตระหนักถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ ไปทั่วประเทศไทย มีจุดประสงค์ให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้แนวทาง ความสำคัญในการกำกับดูแลตนเองของนักโฆษณา จรรยาบรรณวิชาชีพ รวมไปถึงข้อกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณา ที่สามารถนำไปต่อยอดสร้างสรรค์ผลงานโฆษณาให้มีประสิทธิภาพ และส่งผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อตัวแบรนด์สินค้าในสื่อโฆษณาเอง และต่อผู้รับชมสื่อโฆษณานั้นๆ โดยได้มีการจัดอบรมจำนวนทั้งหมด 12 ครั้ง ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย เริ่มจากจังหวัดจันทบุรี, ขอนแก่น, กระบี่, เชียงใหม่ และสิ้นสุดที่กรุงเทพฯ
ด้านนายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันที่เป็นยุคดิจิทัล สื่อโฆษณาเข้ามามีบทบาททางออนไลน์เป็นอย่างมาก และยังนับได้ว่าโฆษณาเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้คนในสังคม เป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การเติบโตของอุตสาหกรรมสื่อ และสินค้าอุปโภค บริโภคต่าง ๆ ล้วนมีการนำเสนอโดยใช้สื่อโฆษณา ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสื่อโฆษณาต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย กระนั้นก็อาจจะมีกลุ่มของผู้บริโภคบางกลุ่มที่รู้สึกกังวลกับชิ้นงานโฆษณาที่ออกมาว่าจะเป็นโฆษณาที่มาทำร้ายร้ายจิตใจ หรือเป็นโฆษณาที่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อ การกระทำที่ไม่พึงประสงค์ของกลุ่มต่าง ๆ แต่ทุกปัญหาต้องมีทางออก งานโฆษณาจะยิ่งสร้างสรรค์ถ้ามีกฎกติกามารยาท และการแสดงความ รับผิดชอบต่อสังคมเป็นพื้นฐาน
โครงการอบรมในวันนี้นับว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้สื่อโฆษณาไม่ส่งผลกระทบต่อผู้รับชมคงเป็นการร่วมมือของผู้ผลิตสื่อเองที่ต้องมีความตระหนักถึงจรรยาบรรณในการผลิตสื่อ เพื่อให้สื่อที่จะสื่อสารออกไปนั้นไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อผู้รับชม และเป็นตัวอย่างที่ดีในการผลิตสื่อที่ดี ๆ ต่อไป หวังว่าผู้เข้าอบรมทุกท่านจะได้รับประโยชน์จากการอบรมในครั้งนี้ และสามารถนำไปปรับใช้ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณาให้มีความสร้างสรรค์ถูกต้อง เหมาะสมเป็นประโยชน์ต่อสังคมผู้บริโภคต่อไป ก็จะถือได้ว่าการอบรมครั้งนี้บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว

ททท.โคราชเปิดต้อนรับคณะ DMC ร่วมกิจกรรม Amazing Thailand DMC Road Show เส้นทาง กทม – สระบุรี – นครราชสีมา

เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม2563 เวลา 14.00 น ณ คีรีมายา เขาใหญ่ รีสอร์ท อำเภอปากช่อง จ. นครราชสีมาททท. กองตลาดเอเชีย จัดนำคณะ DMC จาก กทม จำนวน 20 บริษัท ร่วมกิจกรรม Amazing Thailand DMC Road Show เส้นทาง กทม – สระบุรี – นครราชสีมา

ททท.จัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเส้นทางในพื้นที่สระบุรี-โคราชและเขาใหญ่ โดยสนับสนุนด้วยการจัดเตรียมความพร้อมของทั้งผู้ประกอบการบริเวณเขาใหญ่-ปากช่องโดยนำมาคณะผู้ประกอบการฯมาพบปะกับผู้แทนกว่า20บริษัทการท่องเที่ยวจากกทม.ในกิจกรรม Table Top ที่ Kirimaya Resort Khao Yai.

ประธานกล่าวเปิดงานฯ และให้แนวทางการเตรียมความพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลาดเอเชีย โดยคุณฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา
รองผู้ว่าการ ททท.ด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กองตลาดเอเชีย / ททท. สำนักงานนครราชสีมา ร่วมให้ข้อมูลการท่องเที่ยว กับผู้ประกอบการฯและทางด้านสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่มีผู้บริหารที่ไปต้อนรับและส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมงาน Table Top คือ
ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ คุณวิสุทธิ์ โลหิตนาวี ประธานที่ปรึกษาสมาคมฯและทีมงานของผู้ประกอบการในเขาใหญ่-ปากช่อง จ. นครราชสีมา และผู้ประกอบการ จ. สระบุรี จำนวน กว่า 22 ราย หลังจากเสร็จกิจกรรม ทางคณะ DMC สำรวจสินค้าการท่องเที่ยว ในพื้นที่ อำเภอเมือง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ( วันที่ 16-19 สิงหาคม 2563 )เพื่อนำข้อมูลไปทำแพคเก็จเสนอขายรายการนำเที่ยว ให้แก่นักเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาต่อไป