สุดเจ๋ง!!!พัฒนาฝีมือแรงงาน 5 โคราช พลิกวิกฤตโควิต 19 เปิดหลักสูตรออนไลน์

สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา ลุยฝึกครูออนไลน์ต้นแบบ พัฒนาแรงงานยุค Covid – 19

ที่ผ่านมา สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา  ได้จัดให้มีโครงการพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมแบบผสมผสาน (Hybrid Training) โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่  27 – 30 เมษายน 2563

โดย ว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์  พรหมดำ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 5 นครราชสีมา และคณะวิทยากร  เตรียมแผนการฝึกอบรมในรูปแบบผสมผสาน (Hybrid Training) ซึ่งสามารถดำเนินการบน Digital Platform โดยใช้แอปพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องสร้างกระบวนการฝึกอบรมแบบเสมือนจริง ไม่จำเป็นต้องเดินทางมารับการฝึกอบรมที่สถาบัน เพียงมีคอมพิวเตอร์ สัญญาณอินเตอร์เน็ต หรือโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ก็สามารถดำเนินการฝึกอบรมได้ เพื่อเป็นการเตรียมการดำเนินการดังกล่าวให้การกระบวนการฝึกอบรมเป็นไปตามหลักประกันคุณภาพการพัฒนาฝีมือแรงงาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับประโยชน์สูงสุด จึงจัดทำโครงการพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมแบบผสมผสาน (Hybrid Training)  โดยมีวัตถุประสงค์  เพื่อพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมในรูปแบบห้องอบรมออนไลน์

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน เล็งเห็นอุปสรรคและโอกาสในยุคกระแสโลกาภิวัตน์ซึ่งกำลังเปลี่ยนเทคโนโลยีให้เป็นดิจิทัล โดย รองศาสตราจารย์ ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อ้างถึงข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ODECD ปี ๒๐๑๘ และ ILO ปี ๒๐๑๖ ยืนยันว่าแรงงานมนุษย์จะได้รับผลกระทบจากการใช้ AI แน่นอน ทั้งนี้มีทั้งเสริมกันและหักล้างกัน ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงานต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ประกอบกับสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในฐานะหน่วยงานที่ยังคงมีภารกิจให้บริการประชาชน ซึ่งต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อาทิ การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ การรับรองความรู้ความสามารถ การขอรับรองหลักสูตรและค่าใช้จ่ายให้แก่สถานประกอบกิจการที่ฝึกอบรมทักษะฝีมือแรงงานให้กับพนักงานของตนเอง รวมถึงการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน เป็นต้น จึงได้เตรียมช่องทาง การให้บริการประชาชนและสถานประกอบกิจการผ่านระบบออนไลน์ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดป้องกันการแพร่เชื้อตามมาตรการของรัฐบาลโดยมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ จำนวน 28 คน

 

 

นายกเทศบาล ต.โคกสูง โคราช พร้อมคณะ มอบยารักษาโรคปอด (โบราณ) เพื่อให้สาธารณสุขนำไปศึกษาใช้กับ โรคโควิด19

นายกเทศบาล ต.โคกสูง โคราช พร้อมคณะ มอบยารักษาโรคปอด (โบราณ) เพื่อให้สาธารณสุขนำไปศึกษาใช้กับ โรคโควิด19

ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติเทศบาลตำบลโคกสูง จังหวัดนครราชสีมา นำโดยนายกแหลมทอง วัฒนา นายกเทศบาลตำบลโคกสูง จังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วย นายประเดิม ส่างเสน เลขานุการหมอชนเผ่า 7 จังหวัดภาคเหนือร่วมด้วยนายไฟรัตน์ สำเภาทอง ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการมูลนิธิ ร.9นายสกล ไชยฉิมพลี MR.LOR HARLEY เซียนมวย แจกยา รักษาปอด โรคป่วงลงปอดให้ ชาวบ้านตำบลโคกสูง ประมาณกว่า50คนที่มาร่วมประชุมและได้แนะนำตัวชาวคณะของหมอให้ชาวบ้านรู้จักจากนั้นก้อได้อธิบายตัวยาสมุนไพรแต่ละตัวมีสรรพคุณอะไรบ้าง

กลุ่มหมอยาพื้นบ้าน 8 จังหวัดภาคเหนือ เตรียมนำเสนอยาสมุนไพรไทย “จันทรลีลา” ให้ทางสาธารณสุขเอาไปทดลองกับผู้ป่วยเป็นโควิด-19 เพราะเชื้อว่า สามารถต้านและทำลายเซลล์ไวรัสโควิด-19 ได้ เผยยาสมุนไพรนี้ตกทอดมากว่า 11 ชั่วอายุคน ในสมัยโบราณใช้รักษาโรคห่า โรคปวงปอด อย่างได้ผล และเชื่อว่าโรคซ่า โรคเมอร์ส และโรคโควิด-19 ก็น่าจะเอาสมุนไพรตัวนี้รักษาได้ เพราะมีเซียนมวยเคยทดลองใช้มาแล้วได้ผลดีควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบัน แต่ก็ไม่สามารถเอยได้ เพราะเกรงว่าแพทย์สมัยใหม่จะไม่ยอมรับ

ประเดิม ส่างเสน หมอพื้นบ้านไทยใหญ่ ศูนย์การเรียนรู้การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ชนเผ่าสมุนไพรนวลจันทร์เชียงใหม่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตัวยาตัวนี้ผลิตจากสมุนไพรทั้งหมด ประกอบด้วย โกศสอ โกศเขมา โกศจุฬาลัมพา แก่นจันทร์ขาว แก่นจันทร์แดง ลูกกระดอม บอระเพ็ด รากปลาไหลเผือก และพิมเสน จะช่วยในเรื่องการแก้ไข ปวดเมื่อยตามร่างกาย และเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก้ร่างกาย ยาตัวนี้มีมานานแล้ว แต่ยังไม่มีใครออกมาพูดบอกกล่าวให้ประชาชนเข้าใจ กินไปแล้วจะช่วยให้หายใจโล่งขึ้น ไข้ลดลง ขับพิษออกจากทวาร เราไม่ได้ออกมาบอกว่า เป็นยารักษาโควิด-19 แต่อยากให้รัฐบาลเอายาตัวนี้ออกมาวิจัยจริงๆ เพราะเราเชื่อว่า “จันทรลีลา” สามารถช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยเราได้

“จึงอยากฝากถึงกระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล ผมเป็นหมอแพทย์แผนไทยตัวเล็กๆ แต่อยากจะช่วยพี่น้องชาวไทย จึงอยากฝากให้ท่านช่วยเอา “จันทรลีลา” ออกไปวิจัยแบบจริงจัง จะได้ไข้ของสงสัยกันไปเลย”

“จันทรลีลา” เป็นยาสมุนไพรทั้งหมด บดเป็นผงละเอียดบรรจุแคปซูล จะมีสรรพคุณ ช่วยลดไข้ ลดความร้อน ช่วยลดอาการข้างเคียง เช่น ช่วยลดน้ำมูก ลดเสมหะ บรรเทาอาการไอจาม หืดหอบ แก้ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ช่วยให้เจริญอาหารและจิตใจชุ่มชื่นแจ่มใส

ต่อมาได้นำชาวคณะ หมอประเดิม ส่างเสนแลขานุการหมอชนเผ่า 7 จังหวัดภาคเหนือพร้อมด้วยนายสกล ไชยฉิมพลี MR.LOR HARLEY เซียนมวยได้เดินทางไปพบนายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ห้องประชุมนางสางบุญเหลือ เพื่อนำยา รักษาปอด โรคป่วงลงปอด ไปมอบให้ แก่หัวหน้าส่วนราชการในสำนักงานนอกจากนั้นนายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมายังได้มอบพระพุทธรูปหลวงพ่อทวดเป็นที่ระลึกชาวคณะ หมอประเดิม ส่างเสน เลขานุการหมอชนเผ่า 7 จังหวัดภาคเหนืออีกด้วย

นายกรณ์  จาติกวณิช  หัวหน้ากลุ่ม  “กล้า”  พร้อมคณะทีมงาน  ได้ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา   พบปะพี่น้องประชาชน

นายกร  จาติกวณิช  หัวหน้ากลุ่ม  “กล้า”  พร้อมทีมงาน  ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา พบปะพี่น้องประชาชน พร้อมมอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อน


นายกรณ์  จาติกวณิช  หัวหน้ากลุ่ม  “กล้า”  พร้อมคณะทีมงาน  ได้ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา   พบปะพี่น้องประชาชน ให้กำลังใจในการต่อสู้กับสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโควิด 19  พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่เดือดร้อน  โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้ไปเยี่ยมชม บริษัท ณรงค์โลหะกิจ 1995 จำกัด  ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.มะเกลือใหม่  อ.สูงเนิน
จ.นครราชสีมา  ซึ่งเป็นโรงงานรับซื้อ  ขายเศษเหล็ก  โดยเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ให้การสนับสนุนกลุ่มกล้า ในการรับบริจาคสิ่งของจากผู้ใจบุญ  เพื่อนำไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน

จากนั้น  นายกรณ์  จาติกวณิช  พร้อมคณะ  ได้เดินทางไปลงพื้นที่ที่บ้านโนน
สระสามัคคี  ม.15  ต.หนองหญ้าขาว  อ.สีคิ้ว  จ.นครราชสีมา  เพื่อลงพบปะพูดคุยปัญหากับชาวบ้าน  กลุ่ม อสม.  โดยมี  นายอรรถพล  ศรีโสภา  ผู้ใหญ่บ้านบ้านโนนสระสามัคคี ม.15  พูดคุยเสนอแนะถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่  อาทิ  สถานการณ์ของการระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่สร้างความลำบากให้กับชาวบ้านในเรื่องการหากิน  โดยเฉพาะปัญหาการลงทะเบียนเพื่อรับเงินเยียวยาจำนวน 5 พันบาท  จากทางรัฐบาล  ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ได้ลงทะเบียนไปกลับปรากฏว่าไม่ผ่านเกณฑ์ในการได้รับเงินดังกล่าว  รวมไปถึงปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่  และการขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ของทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลในพื้นที่

นายกรณ์  จาติกวณิช  หัวหน้ากลุ่ม “กล้า”  กล่าวว่า  ในการลงพื้นที่ในครั้งนี้
ได้มีโอกาสพบกับผู้นำท้องถิ่น  รวมไปถึงพี่น้องประชาชนในการรับฟังปัญหาความเดือดร้อน  ถึงมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล  ว่าจะมาถึงชาวบ้าน และสามารถช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านได้จริงหรือไม่  ซึ่งวันนี้ก็ต้องสะท้อนข้อเท็จจริงกลับไปว่ามาตรการต่างๆ ยังมาไม่ถึงเต็มรูปแบบ
ซึ่งที่ดีที่สุดตอนนี้คือสถานการณ์ทางด้านรับมือกับไวรัสโควิดที่ถือว่าประสบความสำเร็จ  มาตรการของกระทรวงสาธารณสุขผ่านมายัง รพ.สต. รวมไปถึงการทำงานของ อสม.
มีประสิทธิภาพอย่างมาก  ถึงแม้ว่ามีลูกบ้านที่เป็นผู้ใช้แรงงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร
และเมืองใหญ่อื่นๆ ที่ได้เดินทางกลับมาภูมิลำเนา  ก็มีระบบในการจัดการ การกักตัว
มีวินัยในการดูแลที่ดี  ทำให้ในพื้นที่นี่ ณ วันนี้ ยังไม่มีผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด  ซึ่งหากภาพนี้สะท้อนไปทั่วประเทศเราจะเห็นถึงระบบสาธารณสุขที่มีความเข้มแข็งของไทยในระดับหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ยังขาดอุปกรณ์ในการทำงาน  ขาดงบประมาณในการบริหารจัดการอยู่หลายจุด
ก็เชื่อว่ารัฐบาลก็คงรับรู้  แต่ประเด็นเฉพาะหน้าที่ยังเป็นปัญหา  คือเรื่องความเดือดร้อนจากการขาดรายได้  ซึ่งช่วงนี้ชาวบ้านไม่มีโอกาสในการทำมาหากินซึ่งสร้างความเดือดร้อนอย่างมาก  โดยเฉพาะเรื่องของการลงทะเบียนเพื่อรับเงินเยียวยาจำนวน 5 พันบาท  อยากให้รัฐบาลได้ทบทวนกลั่นกรองด้วยเม็ดเงินที่รัฐบาลกำลังจะมีในมือในการออก พ.ร.ก. ที่จะสามารถดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง  ส่วนปัญหาภัยแล้ง  และแหล่งน้ำ  ซึ่งตรงนี้จะมีปัญหาต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว  ตนก็ได้รับฟังข้อเสนอของทางผู้นำท้องถิ่น รวมไปถึงชาวบ้าน
ที่มีความชัดเจนว่าการแก้ปัญหาน้ำในระยะยาวจะดำเนินการอย่างไร  การเสนอแผนผ่านกรมชลประทานไปก็ได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว  ตนคิดว่าเมื่อพ้นสถานการณ์โควิดไปแล้วรัฐบาลก็ควรจะหันมาให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเรื่องของภัยแล้งอย่างยั่งยืนและถาวรให้กับพี่น้องชาวอีสานต่อไป

 

หลังจากนั้น นายกรณ์ฯ  พร้อมคณะ  ได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 2/3  บ้านโนนสระสามัคคี  ม.15  ต.หนองหญ้าขาว  เพื่อมอบถุงยังชีพ  สิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้กับ
นายอุดม  จันทร์เจริญ  ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง  อาศัยอยู่กับภรรยา  และบิดาที่ชราภาพ  ไม่มีรายได้  มีเพียงเบี้ยผู้พิการกับเบี้ยผู้สูงอายุในการดำรงชีพเท่านั้น

จากนั้นไปต่อที่บ้านเลขที่ 47  ม.6  บ้านหนองหัววัว  ต.กฤษณา  อ.สีคิ้ว  เพื่อมอบถุง
ยังชีพ  สิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้กับ นางสมบัติ  บัวสระ  ผู้ป่วยติดเตียง  ที่อาศัยอยู่กับสามี

หลังจากนั้นได้ลงพื้นที่ไปที่  ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน  ม.1  ต.ตะเคียน  อ.ด่านขุนทด
จ.นครราชสีมา  เพื่อพบปะกับผู้นำท้องถิ่น  ชาวบ้าน  อสม. ในพื้นที่  โดยมี  นางสุนิษา
เทียนขุนทด  ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.เคียน  ให้การต้อนรับ  พร้อมเสนอแนะถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในพื้นที่ถึงปัญหาต่างๆ อาทิ  ผลกระทบจากไวรัสโควิด 19 , สถานการณ์การณ์ภัยแล้ง พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย , ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ  เช่น  ข้าว  อ้อย  และข้าวโพด  รวมไปถึงปัญหาหนี้สินของเกษตรกร  ก่อนที่ทางคณะกลุ่มกล้าจะได้ไปมอบถุงยังชีพ สิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้กับชาวบ้าน  เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนในเบื้องต้นต่อไป

 

ผักสด ปลอดสารพิษ โรงเรียนมีชัยพัฒนา ลำปลายมาศ ปลูกผักคุณภาพสู้โควิด19

ผักสด ปลอดสารพิษ โรงเรียนมีชัยพัฒนา ลำปลายมาศ ปลูกผักคุณภาพสู้โควิด19

ผักสด ๆ ปลอดสารพิษ ปลูกโดยเด็ก ๆจากโรงเรียนมีชัยพัฒนา อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งขณะนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 เนื่องจากร้านอาหารต่างๆ ที่เคยสั่งซื้อหยุดสั่งไป ทำให้ผักมีจำนวนมาก และล้นจากการจำหน่าย หากท่านใดที่มีความประสงค์ จะช่วยอุดหนุนเด็ก ๆ สามารถสั่งซื้อได้ตามช่องทางต่าง ๆ หรือโทร 044-664583

ผอ.ศูนย์ฝึกเขต 3 โคราช จัดโครงการขานรับนโยบายรัฐ ฝึกอบรมวิชาชีพสู้โควิด19

ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต  3  จังหวัดนครราชสีมา ขานรับนโยบายรัฐ คัดกรองเด็ก ฝึกอบรม ให้ความรู้เรื่องการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด 19

ที่ผ่านมา  ดร.รัตนะ  วรบัญฑิต  ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา ได้ขานรับนโยบายจากกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก กระทรวงยุติธรรม ให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมในการร่วมรณรงค์การป้องกันเชื้อไวรัส โควิด19

ทั้งนี้ ทางด้านศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา ยังได้มีการคัดกรองสำหรับเด็กแรกรับ ที่ส่งตัวเข้ามาเพื่อรับการพิจารณาจากศาล  โดยจะมีการกักตัว เป็นเวลา 14 วัน หลังจากนั้น จะทำการกักตัวโดยมีฉากพลาสติกใสกั้นทั้ง 4 ด้าน เป็นเวลาอีก 7 วัน  ก่อนที่จะได้เข้าไปอยู่กับเด็กคนอื่น ๆ เพื่อเป็นการป้องกันการต่อเชื้อไวรัสโควิด 19 สำหรับหอนอนของเด็ก ๆ ภายในศูนย์ฝึก ฯ ทั้งหอชายและหญิง ได้เพิ่มมาตรการป้องกันโดยให้มีระยะห่างของการนอน อย่างน้อย 1-2 เมตร และมีการทำความสะอาดเป็นประจำทุกวันทั้ง เช้าและเย็น

นอกจากนี้ ดร.รัตนะ  วรบัญฑิต  ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า  ทางศูนย์ฝึกฯได้จัดทำโครงการฝึกวิชาชีพให้กับเด็กในสังกัดการควบคุม โดยแบ่งเป็น การจัดทำหน้ากากอนามัย โดยคัดเลือกเด็กหญิงที่มีความสามารถในการเย็บผ้า มาอบรมและฝึกการเย็บหน้ากากอนามัย โดย 1 วัน จะสามารถเย็บได้ถึง 400 ชิ้น เพื่อที่จะนำไปส่งมอบให้กับกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก  ในการส่งต่อให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ต่อไป

และจัดให้มีการฝึกอบรมการทำน้ำยาเอนกประสงค์  และแอลกอฮอล์เจล ทำความสะอาด เพื่อให้เป็นความรู้ และยังได้มีการผลิตเพื่อใช้เองภายในองค์กรและแจกจ่ายไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ให้เป็นสาธารณประโยชน์ต่อสังคม   ทั้งนี้  ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 3 จังหวัดนครราชสีมา มีเด็กในการดูแลทั้งสิ้น    380  คน  เป็นชาย 360 คน และหญิง  20  คน

 

>เสียงสัมภาษณ์<<

กลุ่มแม่บ้านตำบลพุดซา โคราช ระดมกำลังผลิตหน้ากาก 1,000 ชิ้น/วัน ให้จังหวัดแจกฟรี

#ร่วมด้วยช่วยกัน กลุ่มแม่บ้านตำบลพุดซา โคราช ระดมกำลังผลิตหน้ากากอนามัย 1 พันชิ้นต่อวัน แจกฟรี


.
ที่ศาลาหมู่บ้านดอนพัฒนา หมู่ 16 ต.พุดซา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมาเดินทางไปตรวจเยี่ยมการผลิตหน้ากากผ้าอนามัยของกลุ่มแม่บ้านจิตอาสา“พุดซาก้าวหน้า”
. พร้อมนำผ้าจีวรของซึ่งได้รับจากครูบากฤษณะ อินทวัณโณ เกจิอาจารย์ด้านเมตตามหานิยมแห่งสำนักสงฆ์เวฬุวัน ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา รวมทั้งเงินสนับสนุนอาหารกลางวันมามอบให้กับกลุ่มแม่บ้านจิตอาสาฯ ท่ามกลางแม่บ้านฯระดมกำลังใช้จักรเย็บผ้าจำนวน 20 เครื่อง ผลิตหน้ากากกันอย่างประณีต มีกำลังผลิตหน้ากาก 500- 1,000 ชิ้นต่อวัน

นายทัศน์พล ผู้ใหญ่บ้านดอนพัฒนาฯ เผยว่า กลุ่มแม่บ้านจิตอาสา “ พุดซาก้าวหน้า ” เป็นกลุ่มสตรีในพื้นที่ตำบลพุดซา ระดมกำลังกันใช้จักรเย็บผ้าตัดเย็บผลิตหน้ากากอนามัย เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ใช้สวมใส่ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อลดปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน มีราคาสูง สามารถซักทำความสะอาด นำมาใช้ซ้ำ ตามแหล่งชุมชนและสถานที่ที่อาจมีการรวมกลุ่มกัน เช่น ตลาดนัด ร้านสะดวกซื้อ หรือสถานที่ราชการต่างๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และลดการเกิดขยะจากการใช้หน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

เครดิต : https://bit.ly/3bSfyz2
#เมืองที่คุณสร้างได้

ตำรวจภูธรภาค 3 โชว์ผลงานกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ ทำลายเครือข่ายทุกระบบ

ผลงานดี!! ตำรวจภูธรภาค 3 กวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ ทำลายเครือข่ายทุกระบบ

ตำรวจภูธรภาค ๓  โดย พล.ต.ท.พูลทรัพย์  ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์  ตันตินวะชัย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓ (หัวหน้างานป้องกัน ปราบปรามยาเสพติด) , พล.ต.ต.อัคราเดช  พิมลศรี  , พล.ต.ต.จิตรจรูญ  ศรีวนิชย์ , พล.ต.ต.ภาณุ   บุรณศิริ  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓  (ผู้ช่วยงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด) พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร มทภ.2/ผอ.ศอ.ปส.ชอน. พล.ต.เวิน จำปาสา        รอง ผอ.ศอ.ปส.ชอน. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด  เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ  การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน

คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 นายธัชกร หัตถาธยากูล ผวจ.บุรีรัมย์,นายดำรงชัย เนรมิตตกพงศ์ รอง ผวจ.บุรีรัมย์,  พล.ต.ต.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์, พล.ต.ต.    ปวริศ  บุญสุทธิ ผบก.สส.ภ.๓, พล.ต.ต.อิทธิพล  นาคคำ ผบก.ภ.จว.ยโสธร, พ.ต.อ.ประสงค์     เรืองเดช รอง ผบก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.ก้องชาติ  เลี้ยงสมทรัพย์ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์, พ.ต.อ.สุธี  ตะรุโนภาส ผกก.สภ.ชุมพลบุรี, พ.ต.อ.สมยศ พื้นชัยภูมิ ผกก.บ้านใหม่ไชยพจน์, พ.ต.อ.วิษณุ  อาภรณ์พงษ์ ผกก.สภ.กระสัง, พ.ต.อ.ยุทธพงษ์  รอดนวล ผกก.สืบสวน ๑ บก.สส.ภ.๓, พ.ต.อ.มังกร  กวีกรณ์ ผกก.สภ.เมืองยโสธร , พ.ต.ท.สยาม เกียรติบรรจง สวญ.สภ.โคกกระชาย, พ.ต.อ.ปรัชญ์  สุนทรพิมล  ผกก.ตชด.21, พ.ต.ท.ยศพล  โคตา ผบ.ร้อย ตชด.215, พ.ต.ท.วิชาญ กระจ่างโพธิ์  รอง ผกก.กก.สส.ภ.จว.บุรีรัมย์  สั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติมีการ  บูรณาการร่วมกัน ประกอบด้วยชุด ปชข.ตชด.215, ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์, ศอ.ปส.จว.บุรีรัมย์ ,กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.3 , สภ.เมืองยโสธร, กก.สส.สภ.เมืองยโสธร, กก.สส.ภ.จว.มุกดาหาร และเจ้าหน้าที่ทหาร สำนักการข่าว กอ.รมน. จับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นนักบินลำเลียงยาเสพติดมาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ จว.บุรีรัมย์ และพื้นที่ใกล้เคียง คือ

๑) นายพงศกรหรือเจม  แสนจันทร์ อายุ ๒๖ ปี  บ้านเลขที่ ๑๗๐ หมู่ที่ ๖ ต.นาสีนวน

อ.เมืองมุกดาหาร จว.มุกดาหาร

๒) น.ส.เพ็ญนภาหรือแป้ง  ชัยรักษ์ อายุ ๒๘ ปี บ้านเลขที่ ๑๒๔ หมู่ที่ ๗ ต.นิคมน้ำอูน อ.นิคมน้ำอูน จว.สกลนคร

๓) นายประโยธรหรือก้าน  ซาผู อายุ ๒๗ ปี   บ้านเลขที่ ๓๑ หมู่ที่ ๙ ต.เหล่าหมี         อ.นาตาล  จว.มุกดาหาร

๔) นายอภิชาตหรือท๊อป  โคตสะขึง อายุ ๒๕ ปี  บ้านเลขที่ ๑๖๙ หมู่ที่ ๖ ต.นาสีนวน

อ.เมืองมุกดาหาร  จว.มุกดาหาร

๕) นายวีระศักดิ์หรือนัด   พลอยพันธ์ อายุ ๒๗ ปี บ้านเลขที่ ๙๘ หมู่ที่ ๔ ต.บ้านบาก

อ.นาตาล จว.มุกดาหาร

พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) จำนวน 20 มัด (๓๙,๙๗๕ เม็ด) และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 7 เครื่อง โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ ๑  เพิ่มเติมว่าเสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑   (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”

พฤติการณ์ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๓ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชปข.ร้อย ตชด.๒๑๕ , ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ และฝ่ายปกครองได้ร่วมกันจับกุม นายอรชุนหรือแสง กระดานลาด อายุ ๓๔ ปี ที่อยู่ ๕๓ หมู่ที่ ๓ ต.ห้วยหิน อ.หนองหงส์ จว.บุรีรัมย์ พร้อมยาไอซ์น้ำหนัก ๔๘.๓๐ กรัม   และ

ยาบ้า จำนวน ๒,๙๔๒ เม็ด ในฐานความผิด “มียาเสพให้โทษประเภท ๑ (ยาไอซ์และยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” นำส่ง พงส.สภ.หนองหงส์ ดำเนินคดี จากการขยายผลเครือข่าย เจ้าหน้าที่ ชปข.ตดชด.215 ได้อำพรางตัวเป็นลูกน้องนายอรชุน เพื่อรอรับยาบ้าที่ผู้ค้าชาวลาวจะติดต่อมาให้เก็บยาบ้าในครั้งต่อไป ต่อมาวันที่ 14 มี.ค.2563 ได้จับกุมเครือข่ายยาเสพติดและตรวจยึดยาบ้าที่มีผู้วางส่ง พงส.สภ.นางรอง เพื่อดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง และในวันที่   ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ ได้ประชุมวางแผนจัดกำลังเฝ้าสังเกตตามเส้นทางที่เคยตรวจยึดห่อยาบ้า    เชื่อว่าเครือข่ายจะนำมาวางก่อนแล้วโทรบอกให้ไปเก็บ  ต่อมาพบว่ามีรถเก๋งยี่ห้อนิสสันสีขาวขับมาจอดบริเวณหลักกิโลเมตรตามเส้นทางถนนบุรีรัมย์ – นางรอง หลังจากนั้นจะมีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าขับมาจอดและมีคนลงจากรถไปที่หลักกิโลเมตร แล้วรีบขับรถออก เมื่อเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นห่อยาบ้า จึงได้แจ้งกำลังให้สกัดเพื่อจับกุม รถยนต์ทั้งสองคันพร้อมผู้ขับขี่ไว้ ต่อมาสกัดหยุดรถยนต์กระบะโตโยต้า ทะเบียน บต ๖๖๘๖ มุกดาหาร ได้ที่สี่แยกไฟแดงกระสัง ต.บ้านบัว อ.เมือง จว.บุรีรัมย์ และระหว่างไล่ติดตามสกัดคนในรถได้โยนถุงปุ๋ยภายในมียาบ้าที่ยังวางไม่แล้วเสร็จออกจากรถจึงได้ตรวจยึดไว้  ส่วนรถยนต์รุ่นอัลเมร่า สีขาว ทะเบียน กจ ๒๕๓๙ นครพนม ไม่สามารถสกัดจับกุมได้ในทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมพลบุรี พร้อมกำลังได้ขับติดตามไป ต่อมากำลังปฏิบัติได้ประสานศูนย์ 191 ภ.จว.ยโสธร เพื่อแจ้งกำลังตั้งด่านช่วยสกัด และสกัดหยุดรถได้ที่สี่แยกไฟแดงโลตัส  ต.สำราญ  อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร และได้สอบถามขยายผลผู้ต้องหาทั้งหมด ที่จึงได้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานข้างเคียง และนำตัว ผู้ต้องหาไปตรวจค้นที่บ้านพักในพื้นที่         ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร จากการตรวจค้นได้ตรวจยึดอาวุธปืนยาวขนาด .22 พร้อมกระสุน 191 นัด เพื่อดำเนินคดีกับ นายพงศกรฯ ผู้ต้องหาที่ 1 (แยกดำเนินคดีที่ สภ.เมืองมุกดาหาร) และตรวจยึดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 ประกอบด้วย รถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน ทองรูปพรรณ น้ำหนักรวม 28.61 กรัม รวมราคาทรัพย์สินที่ตรวจยึดประมาณ 1,320,000 บาท (หนึ่งล้านสามแสนสองหมื่นบาท)

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.3 ซึ่งเป็นชุดปฏิบัติการ ชป.ปส.ภ.3  ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ศอ.ปส.ชอน.)  ทำการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 30,000 เม็ด ที่บริเวณริมถนนทางหลวงชนบทสาย 4019 บ้านเย้ยปราสาท ไปบ้านหนองหว้า ต.เย้ยปราสาท     อ.หนองกี่ จว.บุรีรัมย์ นำส่ง พงส.สภ.หนองกี่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 2 ได้ทำการขออนุมัติครอบครองยาเสพติด ฯ เพื่อทำการขยายผลเครือข่ายยาเสพติดที่แพร่ระบาดในพื้นที่ ภ.3

ต่อมา วันที่ 30 มี.ค.2563 ชุดปฏิบัติการดังกล่าวได้ร่วมกันทำการสืบสวนขยายผลในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา โดยให้สายลับและเจ้าหน้าที่อำพรางทำการติดต่อกับเครือข่ายยาเสพติดของนายวราวุธ หรือนิว ลำพูน โดยนายวราวุธ ฯ จะให้สายลับและเจ้าหน้าที่อำพราง ทำการนำยาบ้าไปส่งให้กับเครือข่ายของตน ซึ่งต่อมา เวลาประมาณ 13.00 น. ได้มีโทรศัพท์ติดต่อมายังโทรศัพท์ของสายลับและเจ้าหน้าที่ (เป็นชายไม่ทราบชื่อและสกุล) เพื่อให้นำยาบ้าไปส่งให้กับบุคคลดังกล่าว เจ้าหน้าที่อำพราง จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและร่วมกันวางแผนทำการสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำผิด จึงได้วางแผนนัดส่งมอบยาบ้าให้เครือข่ายยาเสพติด ฯ ที่บริเวณด้านหลังลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ นครราชสีมา ต่อมา ได้มีโทรศัพท์จากเครือข่ายยาเสพติด ฯ ติดต่อมาเพื่อขอทราบจุดที่จะไปเอายาบ้า สายลับและเจ้าหน้าที่อำพรางจึงนัดหมายว่าจะนำส่งวางยาบ้าไว้ที่บริเวณถังขยะด้านหลังลานจอดรถห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ นครราชสีมา จนกระทั่ง เวลาประมาณ 19.30 น. ได้มีรถยนต์กระบะยี่ห้อ ไททัน สีเทา หมายเลขทะเบียน 2 ฒง 4429 กรุงเทพมหานคร ขับขี่เข้ามาจอดที่บริเวณด้านหลังลานจอดรถห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ นครราชสีมา ใกล้กับถังขยะ และมีชายวัยรุ่นได้ลงจากรถยนต์กระบะคันดังกล่าว แล้วเดินไปยังบริเวณถังขยะเพื่อหยิบสิ่งของบางอย่าง เมื่อเจ้าหน้าที่ เห็นว่าชายวัยรุ่นดังกล่าวได้หยิบสิ่งของที่เป็นยาบ้า  จึงได้เข้าทำการจับกุม ขอตรวจค้นตัวก่อนตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้บุคคลทั้ง 3 ดูจนเป็นที่พอใจ ผลการตรวจค้นพบ ยาบ้า จำนวน 10 มัด  (20,000 เม็ด) โทรศัพท์ จำนวน 3 เครื่อง สอบถามทราบชื่อ ดังนี้

1) นายทศพร กาญจนานุศล อายุ 32 ปี ที่อยู่ 158 ม.6 ต.ท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ จว.นครราชสีมา

2) นายประทีป ทองไทย อายุ 30 ปี ที่อยู่ 52 ม.16 ต.ท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ จว.นครราชสีมา

3) นายวิฑูรย์ อ่อนทองหลาง อายุ 41 ปี ที่อยู่ 25 ม.16 ต.ท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ จว.นครราชสีมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาให้บุคคลทั้ง 3 ทราบว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” สอบถามบุคคลทั้ง 3 ให้การรับสารภาพว่าได้รับคำสั่งจากนายต๋องฯ  ไม่ทราบชื่อและสกุลจริง อาศัยอยู่ที่  อ.ปากช่อง  จว.นครราชสีมา โดยเมื่อได้รับยาบ้าแล้วจะนำไปส่งให้กับนายต๋องฯ  ที่ อ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ได้ทำการขยายผลทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติด โดยบุคคลทั้ง 3 ยินยอมสมัครใจที่จะให้ความร่วมมือในการทำลายเครือข่ายยาเสพติด โดยจะนำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังบ้านพักของ นายต๋องฯ เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันเดินทางไปยัง ต.หมูสี อ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา เพื่อทำการสืบสวนขยายผลจับกุมนายต๋องฯ

ต่อมา วันที่ 31 มี.ค.2563 เวลาประมาณ 00.30 น. เจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันทำการจับกุมผู้ต้องหา ดังนี้

1) เอกพล หรือต๋อง การพัดชี อายุ 23 ปี 143 ม.1 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา

2) นายอภิสิทธิ์ แซ่โง้ว อายุ 20 ปี ที่อยู่ 143/3 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา

3) นายเพิ่มศักดิ์ จงจิตร อายุ 20 ปี 104 ม.3 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา

4)น.ส.วรวรรณ ศรีหาพรม อายุ 23 ปี ที่อยู่ 53/1 ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง  จว.นครราชสีมา

พร้อมของกลาง

1.ยาบ้า จำนวน 513 เม็ด

2.สารไอซ์ น้ำหนักประมาณ 1.9 กรัม

3.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีดำ 4 ประตู หมายเลขทะเบียน ขท 6073 นครราชสีมา จำนวน 1 คัน

นายเอกพลหรือต๋อง ให้การรับว่า ตนเองได้สั่งการให้นายทศพรหรือแก๊ป กาญจนานุศล กับพวก รวม 3 คน ให้ไปรับยาบ้าที่ตนเองได้สั่งซื้อไว้กับเครือข่ายยาบ้าของนายวราวุธฯ มาส่งให้กับตนที่ห้องเช่าดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการขยายผลคดีต่อ โดยนายเอกพลหรือต๋อง การพัดชี แจ้งว่าตนเองสามารถติดต่อขอซื้อยาเสพติดจากอีกเครือข่ายได้ โดยทราบชื่อว่านายศักดิ์ไม่ทราบชื่อและสกุลจริง อาศัยอยู่ที่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา และสมัครใจยินยอมช่วยเหลือเจ้าหน้าที่  จึงได้ร่วมกันวางแผนขยายผลจับกุมเครือข่าย ยาเสพติด ต่อมาเวลาประมาณ 04.50 น. เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำการเข้าตรวจค้นจับกุม นายกิตติศักดิ์ หรือศักดิ์  คำพรานลาน พร้อมของกลาง

1.ยาบ้า จำนวน 25 มัด (50,000 เม็ด)

2.โทรศัพท์ จำนวน 1 เครื่อง

3.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ นิสสัน สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน 2 ฒฆ 6347 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน

สอบถามนายนายกิตติศักดิ์ หรือศักดิ์ คำพรานลาน รับว่า ยาเสพติดดังกล่าวเป็นของตนเองจริง โดยสั่งซื้อมาจากผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ จว.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”