ขอเชิญร่วมงานปิดทองฝังลูกนิมิต ณ วัดลองตอง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ในวันที่ 28 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 6 มกราคม 2563

ขอเชิญพุทธศานิกชนทุกท่าน ร่วมเป็นเจ้าภาพ ทอดผ้าป่าสามัคคี งานผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต ณ วัดลองตอง  ต.บ้านโพธิ์  อ.เมือง จังหวัดนครราชสีมา

ระหว่างวันที่  28  ธันวาคม 2562  ถึงวันที่ 6 มกราคม 2563  9 วัน  9 คืน

            

มทส. ร่วมกับ กระทรวงเกษตรฯ จัดงานวันเกษตรแห่งชาติ ปี 63 ชูแนวคิด“นวัตกรรมเกษตรไทยยิ่งใหญ่ ด้วยศาสตร์พระราชา” พบความก้าวหน้าทางการเกษตร เพื่อสร้างวิสาหกิจชุมชนที่ยั่งยืน

มทส. ร่วมกับ กระทรวงเกษตรฯ จัดงานวันเกษตรแห่งชาติ ปี 63 ชูแนวคิด“นวัตกรรมเกษตรไทยยิ่งใหญ่ ด้วยศาสตร์พระราชา”พบความก้าวหน้าทางการเกษตร เพื่อสร้างวิสาหกิจชุมชนที่ยั่งยืน

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และจังหวัดนครราชสีมา จัดงานวันเกษตรแห่งชาติ ประจำปี 2563 ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมเกษตรไทย ยิ่งใหญ่ด้วยศาสตร์พระราชา (Sustainable Thai Agriculture Innovation under The King’s Philosophy)” วันที่ 10-19 มกราคม 2563 ณ เทคโนธานี มทส. ระดมภาครัฐและเอกชนร่วมแสดงศักยภาพเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตรครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ การถ่ายทอดศาสตร์แห่งพระราชา การประกวดพืชและสัตว์ การอบรมอาชีพ พร้อมเผยแพร่ความสำเร็จของกลุ่มเกษตรกรต้นแบบหวังต่อยอดการสร้างวิสาหกิจชุมชนที่ยั่งยืน

วันนี้ (26 ธันวาคม 2562) รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดี ร่วมกับ ศาสตราจารย์ ดร.หนึ่ง เตียอำรุง คณบดีสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มทส. นางศศิธร กาหลง ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายกังสดาล สวัสดิ์ชัย เกษตรจังหวัดนครราชสีมา ร่วมแถลงข่าวการจัด “งานวันเกษตรแห่งชาติ ประจําปี 2563” ณ อาคารเกษตรภิวัฒน์ มทส.
รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดี มทส. กล่าวว่า “งานวันเกษตรแห่งชาติ ประจำปี 2563 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมเกษตรไทย ยิ่งใหญ่ด้วยศาสตร์พระราชา (Sustainable Thai Agriculture Innovation under The King’s Philosophy)” ระหว่างวันที่ 10 – 19 มกราคม 2563 ณ เทคโนธานี ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานภาครัฐ พันธมิตรด้านการเกษตรภาคเอกชน ได้ร่วมจัดงานแสดงเทคโนโลยีทางการเกษตรครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งมีรากฐานความมั่นคงด้านเกษตรมาช้านาน การจัดงานครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และเผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านการเกษตรของพระบรมวงศานุวงศ์แห่งราชวงศ์จักรี ให้เป็นที่ประจักษ์ รวมถึงการแสดงศักยภาพของเกษตรกรไทยที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ การแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรมทางการเกษตรของ มทส. ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ นอกจากนี้ ยังเป็นปีที่ตรงกับวาระแห่งการเฉลิมฉลองการสถาปนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ครบ 30 ปี ที่จะถึงนี้ จึงถือเป็นกิจกรรมใหญ่ที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวมหาวิทยาลัย และจังหวัดนครราชสีมาอีกวาระหนึ่ง
มทส. มีการจัดการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยีการเกษตร มีผลงานวิจัยและนวัตกรรม การบริการวิชาการแก่ชุมชน เกษตรกร และผู้ประกอบการด้านการเกษตร ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดใกล้เคียงเสมอมา โดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมานั้นถือว่า มีพื้นที่ทางการเกษตรขนาดใหญ่ ทั้งการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น มันสำปะหลัง ข้าว และอ้อย รวมถึงการเลี้ยงปศุสัตว์ ตั้งแต่ระดับเกษตรกรรายย่อยจนถึงระดับสถานประกอบการด้านอุตสาหกรรมการเกษตร ดังนั้น ในการจัดงานครั้งนี้จึงเป็นการเผยแพร่ความรู้และความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการเกษตรของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้แก่เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และประชาชนผู้สนใจทั่วไป โดยการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างองค์กรวิจัย สถาบันการศึกษา องค์กรด้านการเกษตรของภาครัฐและภาคเอกชน ในรูปแบบบูรณาการทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ ประมง คุณภาพดิน เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร และเทคโนโลยีอาหาร มีการเผยแพร่ผลงานวิจัยด้านเทคโนโลยีการเกษตร ตลอดจนการประกวดพืช สัตว์ ผลิตผลทางการเกษตร และการจำหน่ายปัจจัยการผลิตและผลิตผลทางการเกษตร จากประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสจัดงานมหกรรมใหญ่ทั้งระดับชาติ และนานาชาติของมหาวิทยาลัย มทส. พร้อมต้อนรับผู้เข้าร่วมชมงานจากทั่วทุกภูมิภาค
นอกจากนี้การจัดงานดังกล่าวยังตรงกับช่วงการจัดงานวันเด็กแห่งชาติด้วย ซึ่ง มทส. จัดขึ้นภายใต้แนวคิด เส้นทางแห่งการเรียนรู้…สู่อนาคตของชาติ : STEM Career in Life Science” ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2563 เวลา 08.30 น. ณ อาคารสุรพัฒน์ 2 ซึ่งผู้มาเที่ยวชมงานก็จะได้รับทั้งความรู้ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ชมชิมช้อปสินค้าทางการเกษตร บุตรหลานได้ร่วมกิจกรรมสนุกสนานแฝงสาระความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรียกได้ว่ามาที่เดียวเที่ยวได้ทั้งครอบครัว”
ศาสตราจารย์ ดร.หนึ่ง เตียอำรุง คณบดีสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มทส. เปิดเผยว่า “งานวันเกษตรแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 10 – 19 มกราคม 2563 มหาวิทยาลัยได้จัดสรรใช้พื้นที่บริเวณเทคโนธานี กว่า 600 ไร่ เพื่อการจัดแสดงนิทรรศการภายในและภายนอกอาคาร อาทิ นิทรรศการเทิดพระเกียรติ นิทรรศการ Highlight ผลงานวิจัยและนวัตกรรรมเด่นของมหาวิทยาลัย ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เช่น ระบบน้ำอัจฉริยะ ไก่โคราช เครื่องกำจัดแมลงศัตรูพืชสำหรับเกษตรแม่นยำผ่านระบบไร้สาย ผลิตภัณฑ์ข้าวขึ้นรูปเสริมโภคชนาการ เทคโนโลยีในการแยกเพศอสุจิโคนม เครื่องกำจัดแมลงศัตรูพืชสำหรับเกษตรแม่นยำผ่านระบบสื่อสารไร้สาย เป็นต้น รวมถึงการผลงานวิจัยและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีผลิตพืช สัตว์ และเทคโนโลยีอาหารของมหาวิทยาลัย
การประกวดและแข่งขัน อาทิ การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ทางด้านเทคโนโลยีการเกษตรระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอาชีวศึกษา การจัดประกวดแข่งขัน ทั้งด้านพืชและสัตว์ เช่น ประกวดต้นชวนชม กล้วยไม้ ประกวดโค ไก่แจ้สวยงาม เป็นต้น การอบรมทางด้านการเกษตร ที่สร้างอาชีพ เสริมรายได้ และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่น่าสนใจหลายหัวข้อ อาทิ การผลิตกัญชาเชิงคุณภาพเพื่อประโยชน์เชิงการแพทย์และเชิงธุรกิจ การแสดงบันเทิงบนเวทีกลาง ลานพลาซ่า มีศิลปิน นักร้อง วงดนตรี การแสดงพื้นถิ่นที่มีชื่อเสียงร่วมให้ความบันเทิงตลอดงาน อาทิ เบิ้ล ปทุมราช เอิร์น เดอะสตาร์ หรือ เอิร์น สุรัตน์ติกานต์ และวงดนตรีพื้นบ้านระเบียบวาทะศิลป์ และอื่นๆ อีกมากมาย
พร้อมนี้ มหาวิทยาลัยได้เปิดฟาร์ม ให้เข้าชมโดยรถราง พร้อมสนุกฝึกปฏิบัติตามฐานต่างๆ ที่ให้ความรู้ พร้อมความสนุกสนาน และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์คุณภาพจากฟาร์มมหาวิทยาลัย ชม ชิม ช้อป ผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตร สินค่าอุปโภคบาริโภคหลากหลาย
นางศศิธร กาหลง ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า “ในปีนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชูนิทรรศการศาสตร์แห่งพระราชาซึ่งถือเป็นไฮไลท์ โดยแบ่งเป็นนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 นําเสนอนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย” และ “พระบิดาแห่งฝนหลวง” นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ได้ทรงบําเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อส่งเสริมด้านการเกษตรกรรมอันเป็นอาชีพหลักของปวงชนชาวไทยตลอดมา อันเป็นการสานต่อพระราชดําริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

สำหรับนิทรรศการภาควิชาการ นําเสนอความสําเร็จของกลุ่มเกษตรกร เช่น กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ ที่ชนะเลิศการแข่งขันระดับประเทศ รายการแข่งขันเกมเกษตรกร รวมถึงการนําเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในภาคเกษตร เช่น โดรนพ่นสารชีวภัณฑ์ โดรนสํารวจเพื่อทําแผนที่การบริหารจัดการน้ำ การทําอาชีพเสริมต่าง ๆ อาทิ การเพาะเลี้ยงปลานิลครบวงจร การเลี้ยงปลานิล ปลาตะเพียน และกบในนาข้าว การส่งเสริมการเลี้ยงโคนม นําไปสู่การแสดงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่สามารถ นํามาปรับใช้ในจังหวัดนครราชสีมา และในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น กิจกรรมสาธิตและฝึกอบรม ให้ความรู้ควบคู่การปฏิบัติจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และซุ้มจําหน่ายสินค้าของเกษตรและผลิตภัณฑ์จากภาคต่างๆ อีกมากมาย”
นายกังสดาล สวัสดิ์ชัย เกษตรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวทิ้งท้าย “ถือเป็นโอกาสอันดีที่จังหวัดนครราชสีมาซึ่งมีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีเนื้อที่ทั้งหมด 12.8 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ถือครองเพื่อการเกษตร 8.9ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 69.53 ของพื้นที่จังหวัด ประชากรประกอบอาชีพทางการเกษตร 3 แสนกว่าครัวเรือน ผลิตภัณฑ์มวลรวมทางด้านการเกษตร กว่า 270 ล้านบาทต่อปี การจัดงานเกษตรแห่งชาติ ในปี 2563 ที่จะถึงนี้ ไม่เพียงจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาด้านการเกษตรของพี่น้องเกษตรกรและประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาเท่านั้น ยังเป็นโอกาสให้พี่น้องเกษตรกรในจังหวัดใกล้เคียง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ร่วมงาน ได้มีโอกาสแสดงผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรหลักๆ วิสาหกิจชุมชน เข้ารับการอบรม เพื่อนำไปเสริมทักษะพัฒนาสายอาชีพให้ยั่งยืน ชมความก้าวหน้าทางการเกษตรที่รุดหน้า คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดในช่วงต้นปีได้อย่างดี ทั้งยังเป็นการเชื่อมประสานระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการอย่างกว้างขวาง เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ นวัตกรรม และความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีทางการเกษตรครบวงจร

โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนาโคราช  เปิดบ้านโชว์แหล่งเรียนรู้ด้านพลังงาน ณ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.ลำตะคอง

 

https://www.youtube.com/watch?v=UYMUdbCAC28&feature=youtu.be

 

 

โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนาโคราช  เปิดบ้านโชว์แหล่งเรียนรู้ด้านพลังงาน ณ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.ลำตะคอง

โครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนาโรงไฟฟ้า เครื่องที่ 3-4 โรงไฟฟ้าใต้ดินที่มีระบบกักเก็บพลังงานแบบ pump storage ที่ไม่เหมือนใครของ กฟผ. เตรียมจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 2562 เพื่อรองรับความต้องการด้านพลังงานของประชาชนในภาคอีสาน
นอกจากภารกิจในการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนแล้ว กฟผ.ยังเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ โดยจัดสร้างศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.ลำตะคอง แหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานนอกห้องเรียนและแหล่งท่องเที่ยวให้กับประชาชนใน จ.นครราชสีมา และพื้นที่ใกล้เคียง

1.โรงไฟฟ้าลำตะคองฯ เครื่องที่ 1-2 (ตัวเดิมที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว)

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคที่ใหญ่และมีประชากรมากที่สุดในประเทศไทย มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี กฟผ. จึงพิจารณานำเทคโนโลยีที่ทันสมัย คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ มาสร้างโรงไฟฟ้าในภาคนี้เป็นแห่งแรกของประเทศไทย

โรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตะคองฯ แบบสูบกลับ สร้างอยู่ใกล้กับเขื่อนลำตะคอง ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาประมาณ 70 กิโลเมตร ทำงานโดยการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองของกรมชลประทานไปเก็บไว้ที่อ่างพักน้ำบนเขายายเที่ยง ในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อยหรือช่วงกลางคืนถึงเช้า และเมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงในช่วงกลางวันถึงค่ำ จะปล่อยน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้า และปล่อยลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองเหมือนเดิม
ตัวอาคารโรงไฟฟ้า ถูกสร้างไว้ใต้ระดับผิวดินลึกกว่า 350 เมตร เพื่อเพิ่มระยะทางจากอ่างเก็บน้ำบนเขาถึงอาคารโรงไฟฟ้าให้น้ำที่ไหลลงมามีกำลังแรงขึ้น ทำให้โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา เป็นโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จและนำไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเมื่อปี พ.ศ. 2547

2.โครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา เครื่องที่ 3-4 (เตรียมเข้าระบบ) เน้นหัวข้อนี้***

ที่ตั้งโครงการ ณ บริเวณเส้นแบ่งเขตระหว่างอำเภอสีคิ้วและอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
เป็นโรงไฟฟ้าประเภทสูบกลับ โดยมีกำลังผลิตเครื่องละ 250 เมกะวัตต์ กำลังผลิตรวม 1,000 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บริเวณเส้นแบ่งเขตระหว่าง อ.สีคิ้ว และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

โรงไฟฟ้าโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนามีส่วนช่วยเสริมกำลังผลิตในระบบไฟฟ้า ช่วงที่มีความต้องการไฟฟ้าสูง เพราะสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเข้าระบบได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อพ้นหลังเที่ยงคืนไปแล้วความต้องการใช้ไฟฟ้าจะลดต่ำลง จึงสามารถนำไฟฟ้าที่เหลือในระบบใช้สูบน้ำไปเก็บกักสำรองไว้ที่อ่างพักน้ำบนเขายายเที่ยง และจะทำการปล่อยน้ำลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองเหมือนเดิมเมื่อมีความต้องการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเข้าระบบ ทำให้ระบบไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความเสถียรและมั่นคงมากขึ้น
นับเป็นโรงไฟฟ้าใต้ดินที่มีระบบกักเก็บพลังงานอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้ทรัพยากรน้ำอย่างคุ้มค่า เนื่องจากมีการหมุนเวียนของปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคอง และอ่างพักน้ำตอนบนโดยไม่สูญหายไปไหน
เพิ่มความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และบริเวณใกล้เคียงอันเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็นพลังงานหมุนเวียนสะอาด

โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา เครื่องที่ 3-4 เตรียมพร้อมส่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเดือนธันวาคม 2562
https://www.egat.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=2951&Itemid=244

3.ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ.ลำตะคอง

กฟผ.นอกจากจะมีภารกิจหลักในการผลิต จัดหา และส่งไฟฟ้าแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด โดยเฉพาะการเรียนรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าซึ่งอยู่ใกล้ตัวประชาชนทุกคน
โดยสร้างแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานนอกห้องเรียน และแหล่งท่องเที่ยวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จุดเด่นคือ เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านพลังงานหมุนเวียนที่ได้นำไฟฟ้าจากกังหันลมมาใช้ในศูนย์แห่งนี้

ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง (EGAT Learning Center, Lam Takong)

ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ลำตะคอง ครบเครื่องที่สุดในภาคอีสาน

https://th-th.facebook.com/pages/category/Performance—Event-Venue/%E0%B8%A8%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-%E0%B8%81%E0%B8%9F%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%87-241238739792029/

https://www.youtube.com/watch?v=UYMUdbCAC28&feature=youtu.be

โคราช จัด เดิน -วิ่ง มินิฮาล์ฟมาราธอน เฉลิมพระเกียรติฯ

โคราช จัด เดิน -วิ่ง มินิฮาล์ฟมาราธอน เฉลิมพระเกียรติฯ

วันที่ 14 ธันวาคม 2562 เวลา  05.30 น. ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา พร้อม  ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายก อบจ.นครราชสีมา และผู้แทนภาครัฐ เอกชน ร่วมทำพิธีเปิดโครงการสานพลังท้องถิ่นไทยถวายพ่อของแผ่นดิน “เดิน-วิ่ง มินิ ฮาล์ฟมาราธอน เฉลิมพระเกียรติ” เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยมีนักวิ่งกว่า 1 หมื่นคน เข้าร่วมเดิน –วิ่ง FUN RUN ระยะทาง 5 กม. และ Mini Marathon ระยะทาง 10.5 กม. ผู้ที่วิ่งเข้าเส้นชัยได้รับเหรียญที่ระลึกด้านหน้าประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ด้านหลังประดับตราประจำจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และนำรายได้จากค่าสมัครโดยไม่หักค่าใช้จ่าย ไปจัดตั้งกองทุนการศึกษาบรมราชาภิเษก 4 พฤษภาคม 2562 ในมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนทุกคนสนใจการออกกำลังกายและมีสุขภาพที่ดี  โดยได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนชาวโคราชนับหมื่นคนร่วมกิจกรรม

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดพิธีลงนามความร่วมมือ และการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท. ชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2563

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดพิธีลงนามความร่วมมือ และการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท. ชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2563 

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2562 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม ดร.เศาวนิตเศาณานนท์โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อดิศร เนาวนนท์อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี พร้อมลงนามร่วมกับ รองศาสตราจารย์ ดร.มังกร โรจน์ประภากร ผู้อำนวยการสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) และมีคณะผู้บริหารคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดพิธีลงนามความร่วมมือ และการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ ส.ส.ท. ชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2563


มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาจะจัดขึ้นในวันที่ 27-28 เมษายน 2563 ณ หอประชุมใหม่ เพื่อเฟ้นหาตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 30-31 พฤษภาคม 2563 ณ ศูนย์การค้าเซียร์ รังสิต จังหวัดปทุมธานี ซึ่งวัตถุประสงค์และบทบาทหน้าที่ร่วมมือกัน คือ ส่งเสริมความรู้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การสร้างทักษะความเชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติให้แก่เยาวชน สนับสนุนการใช้ทรัพยากรการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ร่วมกัน เช่น อาคารสถานที่ ห้องประชุม และสถานที่จอดรถ ซึ่งบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ มีระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามเป็นต้นไป


โดยจะ จัดขึ้นในวันที่ 27-28 เมษายน 2563ในรอบคัดเลือก ณ หอประชุมใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาเพื่อเฟ้นหาตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 30-31 พฤษภาคม 2563 ณ ศูนย์การค้าเซียร์ รังสิต จังหวัดปทุมธานี ซึ่งวัตถุประสงค์และบทบาทหน้าที่ร่วมมือกัน คือ ส่งเสริมความรู้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การสร้างทักษะความเชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติให้แก่เยาวชน สนับสนุนการใช้ทรัพยากรการจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ร่วมกัน เช่น อาคารสถานที่ ห้องประชุม และสถานที่จอดรถ ซึ่งบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ มีระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามอีกด้วย

19 ปี แห่งการให้ MHeart สายโลหิต สายใจ “หนึ่งคนให้ หลายคนรับ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2562”

MHeart สายโลหิต สายใจ “หนึ่งคนให้ หลายคนรับ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2562”  เพื่อสำรองโลหิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563

 

เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จ.นครราชสีมา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ร่วมกับห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช จัดงานบริจาคโลหิตและอวัยวะ ภายใต้โครงการ MHeart สายโลหิต สายใจ หนึ่งคนให้ หลายคนรับ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2562” 11-12 ธันวาคม พ.ศ.2562  ณ วาไรตี้ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช เชิญชวนชาวโคราชร่วมบริจาคโลหิต อวัยวะและดวงตา ตลอดเดือนธันวาคมนี้ เพื่อสำรองโลหิตให้กับสภากาชาดไทยและโรงพยาบาลประจำจังหวัดใช้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2563

โดยได้รับเกียรติจาก นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทยเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย


นางปิยะฉัตร อินสว่าง
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ,พันตำรวจเอกสนธยา  แต่แดงเพชร  รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา,นางณัฎฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมาและนายชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ร่วมงาน ในโอกาสนี้ประธานในพิธีได้มอบโล่แก่ผู้บริจาคโลหิตจำนวน 150 ครั้งขึ้นไปและมอบโล่ขอบคุณผู้สนับสนุนโครงการฯ 30 หน่วยงานอีกด้วย

นายแผน วรรณเมธี เผยว่า “ในนามสภากาชาดไทย ผมต้องขอขอบคุณและชื่นชมในความร่วมใจจากทุกท่านที่มีจิตศรัทธาบริจาคโลหิต ส่งกำลังคน ร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์และสนับสนุนงาน ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นงานนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน โรงพยาบาล สถานศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา โดยสภากาชาดไทยนั้นมีหน่วยงานหลักที่ทำงานประสานกัน   คือ  1.การจัดหาและส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่งสภากาชาดไทย 2.รณรงค์เพิ่มผู้บริจาคและการประชาสัมพันธ์ 3.การจัดหาทุน  4.การฝ่ายเจาะเก็บโลหิต
5.การประสานงานหน่วยเคลื่อนที่ ซึ่งปริมาณโลหิตที่จัดหาในต่างจังหวัด  โดยเหล่ากาชาดจังหวัดร่วมกับโรงพยาบาลซึ่งมีความประสงค์ที่จะเพิ่มยอดผู้บริจาคโลหิต จึงได้จัดโครงการเพิ่มขึ้นทุกปี อีกทั้งการเปิดให้บริการห้องบริจาคโลหิตภายในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ โคราช  ซึ่งทุกคนสามารถมาบริจาคโลหิตได้ทุกวัน เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริจาคโลหิตและเป็นภาพลักษณ์แห่งความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา เป็นอย่างยิ่งครับ“

คุณศิริลักษณ์ เพียกขุนทด หัวหน้าภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 5 จังหวัดนครราชสีมา กล่าวเสริมว่า “เดอะมอลล์โคราชเป็นองค์กรเอกชนที่มีเครือข่ายแข็งแรงในการรับบริจาคโลหิตมาอย่างยาวนานตลอด 19 ปี ซึ่งโลหิตที่ได้จากงานนี้ถูกนำเข้าคลังโลหิตเพื่อนำไปใช้ในทุก ๆ วันตามรพ.ต่าง ๆ รวมถึงช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลอื่น ๆ ตลอดมา งาน MHeart สายโลหิต สายใจ หนึ่งคนให้หลายคนรับครั้งที่ 5 เรามีความคาดหวังที่จะสำรองโลหิตในทุกหมู่เลือดเพื่อสำรองใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2563 ช่วง 7 วันอันตรายนี้ด้วย โดยพี่น้องประชาชนสามารถบริจาคโลหิตทุกกรุ๊ปได้ตลอดเพราะยังมีความต้องการใช้อยู่อย่างต่อเนื่องค่ะ  ”

คุณณัฎฐินีภรณ์  จันทรโณทัย  เผยว่า “เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นศูนย์กลางของการประสานงานระหว่างสภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัด กิ่งกาชาดอำเภอและองค์กรภายนอกให้สามารถสนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทย งานด้านการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบสาธารณภัยหรืองานด้านสังคมสงเคราะห์                 และส่งเสริมคุณภาพชีวิตแก่ประชาชนในจังหวัดที่ได้รับความเดือดร้อนและด้อยโอกาส อีกบทบาทสำคัญอีกประการของเหล่ากาชาดจังหวัด คือ งานรับบริจาคโลหิต ดวงตา และอวัยวะ ด้วยการกำหนดยุทธศาสตร์และรณรงค์อย่างต่อเนื่องเพื่อสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสภากาชาดไทยในการดำเนินโครงการงานบริจาคโลหิตและอวัยวะ โครงการ MHeart สายโลหิต สายใจ “ หนึ่งคนให้   หลายคนรับ” เหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการกำหนดการดำเนินการรับบริจาคโลหิต เพื่อให้เข้าถึงกลุ่ม ผู้มีจิตศรัทธาให้สามารถบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอ คือ การออกหน่วยเพื่อรับบริจาคโลหิตไปยังสถานศึกษา,บริษัท,เขตอุตสาหกรรม,โรงพยาบาล, องค์กรภาครัฐและเอกชนมาโดยตลอดและในปีนี้ยังได้ร่วมในโครงการงานบริจาคโลหิตและอวัยวะงานบริจาคโลหิตและอวัยวะ โครงการ MHeart สายโลหิต สายใจ“หนึ่งคนให้ หลายคนรับ” โดยเดอะมอลล์โคราชและผู้สนับสนุนการจัดงานเพื่อบรรเทาการใช้โลหิตของจังหวัดนครราชสีมาและจัดหาโลหิตสำรองใช้รักษาพยาบาลผู้ป่วยในกรณีฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงทีต่อไป”

นายชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว  เผยว่า “สำหรับโครงการฯบริจาคโลหิต ประจำปี 2562  ได้กำหนดการรณรงค์และเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้ร่วมบริจาคโลหิต อวัยวะ และดวงตา ทั้งหมดจำนวน 5  ครั้ง  ซึ่งโครงการ MHeart สายโลหิต สายใจ ” เป็นโครงการบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือสังคมจัดหาโลหิตสำรอง บรรเทาการจัดหาโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ  มาอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 19 ปี  นับตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งการดำเนินโครงการในแต่ละปีนั้นจะสำเร็จลุล่วงมิได้หากขาดความร่วมมือ  ร่วมใจ จากผู้มีจิตศรัทธาทุกหน่วยงาน  องค์กรภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมบันทึกให้ความร่วมมือสนับสนุนโครงการ “ MHeart สายโลหิต สายใจ ” รณรงค์จัดหาโลหิต  ช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนครับ”

นอกจากนี้ ภายในงานได้จัดแถลงข่าวการจัดตั้งโรงพยาบาลในห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช เพื่อหวังให้เป็นศูนย์อำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยด้วยจุดยุทธศาสตร์ทำเลที่ตั้งของห้างฯอยู่ใจกลางเมืองนครราชสีมา ให้การรักษาตรวจสุขภาพเบื้องต้นรวมถึงให้การรักษาและบริการผ่าตัดเล็ก โดยจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ ที่บริเวณชั้น 2 อาคารโอเอซิส เดอะมอลล์โคราช

**********************************************************************************

มิติใหม่ แห่งแรกในไทย ยก รพ.มาไว้ในห้างดัง กลางเมืองโคราช

เดอะมอลล์ส่งมอบความสุข สุขภาพดีส่งท้ายปีให้ชาวโคราช  นำโรงพยาบาลขึ้นห้างฯแห่งแรกในประเทศไทย

11 ธ.ค.2562 เวลา 10.00น. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราชร่วมกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จัดงานแถลงข่าว “การเปิดโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีสาขาเดอะมอลล์โคราช ”

โดยมี อาจารย์นายแพทย์ ดร.นิวัฒน์ชัย นามวิชัยศิริกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พร้อมด้วย คุณชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด และ คุณจีราวรรณ รินทะรฤก รักษาการแทนประกันสังคม จังหวัดนครราชสีมา ร่วมแถลงข่าว

อาจารย์นายแพทย์ ดร.นิวัฒน์ชัย นามวิชัยศิริกุล เผยว่า “ที่มาที่ไปของการจัดตั้งโรงพยาบาลนอกสถานที่ เกิดจากที่ตั้งของรพ.มทส.มีความห่างไกลจากตัวเมืองนครราชสีมาพอสมควร และทางรพ.ฯต้องการให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการรักษาโดยง่าย จึงเกิดความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราชขึ้น เนื่องด้วยทางห้างฯตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุด ใจกลางเมืองโคราช ซึ่งตอบโจทย์ในความต้องการตรงนี้มากที่สุดครับ โดยรพ.มทส.ได้ใช้งบลงทุนทั้งการตกแต่งและคุรุภัณฑ์ทางการแพทย์กว่า 10 ล้านบาท ในการจัดตั้งรพ.มทส.สาขาเดอะมอลล์โคราช


ในส่วนของการให้บริการทางการแพทย์ของรพ.มทส.สาขาเดอะมอลล์โคราชนั้น จะให้บริการในด้านของแผนกผู้ป่วยนอก (OPD) บริการตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจรักษาโรคทั่วไป คลินิกเฉพาะทาง เวชปปฏิบัติทั่วไป, เวชศาสตร์ครอบครัว, จักษุ, หู ,คอ, จมูก ,ศัลยกรรมทั่วไป, กุมารเวชกรรม, สูตินรีเวชกรรม, ศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ โดยเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00น. ไม่เว้นวันหยุดราชการและนักขัตฤกษ์

โดยจะมีแพทย์ประจำสาขาวันละ 2 คน หรือในอนาคตหากมีผู้ใช้บริการมากขึ้นก็จะปรับตามอัตราที่เหมาะสม ตั้งเป้ารองรับผู้ป่วยได้สูงสูดวันละ 150 คน ซึ่งในแต่ละวันจะมีแพทย์ตรวจทั่วไปและแพทย์เฉพาะทาง แพทย์ทางด้านศัลยกรรมกระดูกมาให้คำแนะนำให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไปและการผ่าตัดเล็กก็สามารถทำได้ แต่ในส่วนของการผ่าตัดใหญ่ เราจะส่งต่อไปที่รพ.มทส.ทันที หรือหากมีเคสฉุกเฉิน ทีมแพทย์จะประเมินอาการและส่งต่อให้รพ.มทส. หรือหากฉุกเฉินมากก็จะส่งต่อรพ.ที่ใกล้เคียงที่สุด

นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้ง “คลินิกเด็กดี” ให้บริการด้านกุมารเวช ให้คำปรึกษาเรื่องโภชนาการเด็ก การพัฒนาการของเด็กและอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ผู้ปกครองสามารถพาบุตรหลานมารับบริการที่คลินิกนี้ได้ครับ เพราะเราตั้งเป้าให้ที่นี่เป็น Edutainment ทางการแพทย์ มาจาก Education ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และให้ความรู้ทางการแพทย์ และ Entertainment คือให้ความสุขในบรรยากาศของรพ.ในห้างฯ

คุณชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว เผยต่อว่า “เดอะมอลล์กรุ๊ป ต้องการส่งต่อความสุข ความห่วงใย มอบสุขภาพดีให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ และจะมีการเปิดตัวโรงพยาบาลขึ้นห้างฯแห่งแรกในประเทศไทยนี้ ในวันที่ 25 ธ.ค.2562 ซึ่งตรงกับวันคริสต์มาสเสมือนเป็นของขวัญที่ดีเยี่ยมให้กับชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียง โดยการมอบพื้นที่ 174 ตารางเมตร บริเวณชั้น 2 ฝั่งอาคารโอเอซิส ในการให้รพ.มทส.มาจัดตั้ง รพ.มทส.สาขาเดอะมอลล์โคราช โดยเราสนับสนุนพื้นที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายตลอด 3 ปี เพื่อดูแลสุขภาพที่ดีให้กับชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียงได้มาใช้บริการ และเราส่งเสริมให้ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เรียนรู้ทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพที่ดี รวมทั้งทางรพ.มทส.ก็จะนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้รับบริการอีกด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องราวดีๆ

ที่เดอะมอลล์โคราชได้ตอบแทนคืนสู่สังคมครับ”

คุณจีราวรรณ รินทะรฤก กล่าวเสริมว่า “ทางสำนักงานประกันสังคมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ให้ผู้ประกันตนได้ใช้สิทธิประโยชน์เหมือนกับที่ผู้ประกันตนได้ใช้สิทธิ์ตามรพ.อื่นๆที่มีรายชื่อขึ้นกับสนง.ประกันสังคม เหมือนกันทุกประการตามเงื่อนไขการใช้สิทธิ์ที่ผู้ประกันตนได้เลือกไว้ หากจะกล่าวโดยง่ายคือ หากผู้ประกันตนอยู่ภายใต้นายจ้างตามมาตรา 33 ก็จะใช้สิทธิ์รักษาที่รพ.มทส.สาขาเดอะมอลล์โคราชได้โดยไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม ทั้งนี้ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบสิทธิประโยชน์ได้ก่อนรับการรักษา หรือโทรสายด่วนประกันสังคมที่เบอร์โทร.1506 และหากผู้ประกันตนมีความประสงค์ที่ต้องการย้ายรพ.ที่ตนเข้ารับการรักษาอยู่เดิม มาเป็นรพ.มทส.สาขาเดอะมอลล์โคราช ก็สามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2562-31 ม.ค.2563

————-  ภาพบรรยากาศการแถลงข่าว——————–

มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี จัดกอล์ฟการกุศล ระดมทุนช่วยค่าผ่าตัดผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี

มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี จัดกอล์ฟการกุศล ระดมทุนช่วยค่าผ่าตัดผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี

มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี จัดแข่งขันกอล์ฟการกุศล เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งท่อน้ำดี และขอเชิญร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัด ให้หายขาดจากโรคมะเร็งท่อน้ำดี รายละ 5 หมื่นบาท

รศ.นพ.ณรงค์ ขันตีแก้ว รองประธานมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีบทบาทสำคัญในการตรวจวินิจฉัยและให้บริการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีอย่างครบวงจร และทำงานวิจัยเรื่องโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยภาคอีสานมีอัตราการติดพยาธิใบไม้ตับและเป็นมะเร็งท่อน้ำดีสูงที่สุด ในแต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีมากกว่า 20,000 คน ผู้ป่วยที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งระบบเศรษฐกิจและโครงสร้างทางสังคมของประเทศ

โดยผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี ส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านที่ยากจนและเข้าไม่ถึงการรักษา ซึ่งมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง การดูแลสภาพความเป็นอยู่ของผู้ป่วย การให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อลดการเกิดมะเร็งท่อน้ำดี รวมทั้งสนับสนุนทุนการศึกษาพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี

รศ.นพ.ณรงค์ ขันตีแก้ว กล่าวต่อว่า เรามีผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี ปีละประมาณกว่า 2 หมื่นราย แต่ผู้ป่วยมีโอกาสเข้าถึงการผ่าตัดน้อย เนื่องจากขาดทุนทรัพย์เพื่อเดินทางเข้าสู่กระบวนการการรักษา เช่นการเดินทางไปโรงพยาบาล การเข้ารับการผ่าตัด การเดินทางไปตรวจตามนัด การเข้ารับยาเคมีบำบัด และอื่นๆ ทำให้ผู้ป่วยที่มีโอกาสหายขาดจากโรคและมีคุณภาพชีวิตที่ดีไม่ได้รับโอกาสเหล่านี้ มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีที่เข้ารับการผ่าตัดตับเพื่อการหายขาดจากโรคมะเร็งท่อน้ำดี รายละ 5 หมื่นบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว

ทางมูลนิธิฯ จะดำเนินการเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับเงินบริจาคอย่างทั่วถึง เป็นธรรมและให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ครอบครัวของผู้ป่วย เงินจำนวนนี้จะช่วยครอบครัวของผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน สามารถที่จะยืนหยัดเคียงคู่ เป็นกำลังใจให้ผู้ป่วย ช่วยลดความเครียดและความกังวล และสามารถผ่านพ้นการรักษาจนร่างกายแข็งแรงพอ อย่างน้อยก็สามารถพักฟื้นได้ถึง 6 เดือน มากพอที่จะค่อยๆ กลับเข้าสู่อาชีพและช่วยเหลือครอบครัวได้ในที่สุด

“ในโอกาสที่มูลนิธิฯ ได้จัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศล “มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ครั้งที่ 4” เพื่อหารายได้ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ณ สนามกอล์ฟเขื่อนอุบลรัตน์ คุณสุรพล ทวีแสงสกุลไทย ประธานการจัดการแข่งขันกอล์ฟในครั้งนี้ มีจิตกุศลบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี จำนวน 200,000 บาท ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือดูแลครอบครัวผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีได้ถึง 4 ครอบครัว ต้องขออนุโมทนากับคุณสุรพล ทวีแสงสกุลไทย ที่มีจิตกุศลยิ่งในครั้งนี้” ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวในตอนท้าย

เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการดูแลรักษา และพัฒนาการดูแลรักษาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี จึงขอเรียนเชิญท่านผู้มีจิตกุศลมาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี โดยร่วมการแข่งขัน “กอล์ฟการกุศล มูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ครั้งที่ 4” เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งท่อน้ำดี เพื่อหารายได้สมทบทุนสนับสนุนค่าผ่าตัดให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีและเพื่อสนับสนุนกิจกรรมสำคัญต่างๆ ของมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ในวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562 Shot Gun Start เวลา 10.00 น. ณ สนามกอล์ฟเขื่อนอุบลรัตน์ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และสามารถร่วมบริจาคสมทบทุนผ่านบัญชีมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี ได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีออมทรัพย์ สาขา มหาวิทยาลัยขอนแก่น เลขที่บัญชี 551-427863-2 ธนาคารกสิกรไทย บัญชีออมทรัพย์ สาขา มหาวิทยาลัยขอนแก่น เลขที่บัญชี 549-2-13194-8

 

 

เปิดคลิปวงจรปิด “คนร้ายบุกเดี่ยว” งัดตู้บริจาค วัดดังโคราช มูลค่ากว่า 20,000 บาท

เปิดคลิปวงจรปิด “คนร้ายบุกเดี่ยว” งัดตู้บริจาค วัดดังโคราช มูลค่ากว่า 20,000 บาท

เมื่อวันที่  5  ธันวาคม 2562 เวลาประมาณ  02.10  น. ณ วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี ต.ปรุใหญ่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา  ได้ถูกคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาภายในวัด และงัดตู้บริจาค จำนวน 8  ตู้ คาดว่าได้เงินไปกว่า  20,000  บาท

ด้าน พระครูปลัดภูมิปัญญา ญาณสัมปันโน  เจ้าอาวาส วัดป่าแสงธรรมพรหมรังสี ได้ให้สัมภาษณ์ กับผู้สื่อข่าวว่า มีคนร้าย 1 คน ขี่มอเตอร์ไซค์มาที่วัดในเวลา 2:10 น.คืนวันที่ 5 ธันวาคม 2562 งัดตู้บริจาค รวมทั้งสิ้น 8 ตู้ คาดว่าได้เงินไปกว่าจำนวนเงิน 20,000 บาท ซึ่งวัดแห่งนี้เคยถูกคนร้ายงัดมาแล้ว  ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง จนถึงปัจจุบันวัดสร้าง 24 ปี ยังไม่เคยจับคนร้ายได้เลย เหตุเกิด สน.โพธิ์กลางอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมา

>คลิป<<

โคราช บันทึกลงนามความร่วมมือ ( MOU )ระหว่าง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนายอำเภอทุกอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   ในจังหวัดนครราชสีมา

บันทึกลงนามความร่วมมือ ( MOU )

โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดชมรมTO BE NUMBER ONE กำนัน ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา

ระหว่าง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนายอำเภอทุกอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   ในจังหวัดนครราชสีมา

วันที่ ๒๘เดือน พฤศจิกายนพ.ศ. ๒๕๖๒

บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ ร่วมเป็นเครือข่าย โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดTO BE NUMBER ONE จังหวัดนครราชสีมาผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการได้มีนโยบายการจัดตั้งชมรมTO BE NUMBER ONE กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา เป็นนวัตกรรมและเป็นแห่งแรกในประเทศไทยซึ่งได้ดำเนินการตั้งแต่ ปี ๒๕๕๙ เพื่อสร้างมาตรการทางสังคมในการช่วยกันป้องกันปัญหายาเสพติดในชุมชน โดยมีชมรมTO BE NUMBER ONE กำนัน ผู้ใหญ่บ้านช่วยขับเคลื่อนดูแลเยาวชนและกลุ่มเสี่ยงให้ห่างไกลยาเสพติดเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนในการไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ส่งเสริมเยาวชนมีภูมิคุ้มทางจิตใจ จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เป็นคนเก่งและดี และเผยแพร่ความรู้โทษภัยของยาเสพติด สนับสนุนงบประมาณแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มเยาวชนและคนในชุมชนไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดการให้โอกาสกลับมาเป็นคนดีของสังคม จึงต้องมีการบูรณาการทุกภาคส่วนในการดำเนินโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดชมรม TO BE NUMBER ONE กำนันผู้ใหญ่บ้านในชุมชนร่วมกับชุมชนที่ดำเนินกองทุนแม่ชุมชนที่มีการปักกลดของตำรวจเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริงตลอดทั้งสามารถเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วนในการร่วมป้องกันไม่ให้เยาวชนและคนในชุมชนข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งในสถานศึกษา ในสถานประกอบการ ตลอดจนมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การดำเนินงานอย่างต่อเนื่องโดยทีมงานประชาสัมพันธ์ ในจังหวัดอำเภอ และตำบล มีข้อตกลงร่วมกันกับนายอำเภอทุกอำเภอและทุกภาคส่วนดังนี้

 

  • จัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกตำบลและระดับอำเภอ โดยเน้นหนัก ตำบลที่มีปัญหายาเสพติดระบาดรุนแรง และสร้างความเข้มแข็ง ในหมู่บ้านที่ดำเนินโครงการกองทุนแม่และหมู่บ้านที่หน่วยงานตำรวจ ร่วมดำเนินโครงการปักกลด
  • สนับสนุนให้เกิดกิจกรรมชมรมTO BE NUMBER ONE กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยดำเนินกิจกรรม ๓ยุทธศาสตร์ยุทธศาสตร์ที่๑รณรงค์ปลุกจิตสำนึกและสร้างกระแสนิยมที่เอื้อต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ยุทธศาสตร์ที่๒ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้แก่สมาชิกและเยาวชน ยุทธศาสตร์ที่๓การสร้างและพัฒนาเครือข่ายเพื่อป้องกันปัญหายาเสพติดส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมของสมาชิกชมรมTO BE NUMBER ONE กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จัดกิจกรรมประกวดชมรมTO BE NUMBER ONE ในหมู่บ้าน/ตำบล และนำเสนอผลงานระดับจังหวัด
  • ป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติด ช่วยเหลือสมาชิกที่พบปัญหาการเสพ/ติดยาเสพติดอย่างครบวงจร ทั้งด้านการเฝ้าระวังป้องกัน การบำบัดและการติดตาม
  • จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์โครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดชมรมTO BE NUMBER ONEกำนันผู้ใหญ่บ้าน อำเภอติดตั้งหน้าอำเภอขนาดที่เหมาะสม เห็นชัด
  • หน่วยงานศึกษาธิการให้ทุกสถานศึกษาทุกแห่งดำเนินการจัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONEและเป็นสถานศึกษาปลอดบุหรี่ และสุราทุกแห่ง
  • หน่วยงานแรงงานจังหวัดและสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสนับสนุนให้ทุกสถานประกอบการในระดับดำเนินการจัดตั้งชมรมTO BE NUMBER ONEทุกแห่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 50
  • หน่วยงานสาธารณสุข ทุกระดับสนับสนุนวิชาการ และร่วมเป็นเครือข่ายพี่เลี้ยงในการดำเนินงาน
  • หน่วยงาน ปปส.ภาค ๓ร่วมสนับสนุนงบประมาณเรื่องสื่อ และวิชาการ
  • นายอำเภอทุกอำเภอ และหน่วยงานปกครองและหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรมทุกแห่งเป็นหน่วยงานหลักในการผลักดันนโยบายให้เกิดการดำเนินงานอย่าเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
  • มีการรายงานผลการดำเนินงานในที่ประชุมหัวหน้าส่วนทุกเดือนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของชมรม TO BE NUMBER ONE กำนันผู้ใหญ่บ้าน ของแต่ละอำเภอ
  • มีการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานโดยหน่วยงานประชาสัมพันธ์ ทุกระดับ ผ่านสื่อทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง