“สมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา” ออกแถลงการณ์ งดจัดงาน-ขอสปอนเซอร์ ‘วันนักข่าว’ 5 มีนาคม 2562

“สมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา” ออกแถลงการณ์ งดจัดงาน-ขอสปอนเซอร์ ‘วันนักข่าว’ 5 มีนาคม 2562

สมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดประชุม ครั้งที่ 12/2561  วันที่ 4 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ได้มีการเสนอ งดจัดงานวันนักข่าวในปี 2562 ในวันที่ 5 มีนาคม ของทุกปี เนื่องมาจากได้มีการจัดตั้งกลุ่มนักข่าวขึ้นในปี 2561 เพียงปีเดียว กว่า 3 แห่ง รวมถึงปัจจุบันมีทั้งมูลนิธิ สมาคมฯ และสมาพันธ์ฯ ที่จัดตั้งแล้วกว่า 4-5 แห่ง  ทำให้ทุกๆ องค์กรสื่อจะต้องมุ่งหาการสนับสนุนถึงสปอนเซอร์ เพื่อมาจัดงานวันนักข่าว 5 มีนาคม ของทุกปี  จึงทำให้ทั้งหน่วยงานของภาครัฐ ภาคเอกชน ธุรกิจ ห้างร้านต่างๆ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงกลุ่มสื่อต่างๆ ว่ามีมากเกินไป ทำให้หลายคนต่างอึดอัด และไม่รู้ว่าจะไปร่วมงานกลุ่มไหนดี เมื่อไม่ได้ไปร่วมงาน  ก็มีการตำหนิตามหลังมา จึงทำให้ทุกๆ คนในโคราชรู้สึกไม่ดีกับสื่อมวลชนโคราชเป็นอย่างยิ่ง

จากกรณีที่กล่าวมานั้น ทางสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา นำโดยนายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์   นายกสมาคมฯ ได้หารือกับคณะกรรมการ สมาคมฯ เพื่อขอมติเรื่อง “งดจัดงานหาสปอนเซอร์และรับการสนับสนุนใดๆ”  ที่จะนำไปจัดในวันนักข่าว 5 มีนาคม ปี 2562 นี้เด็ดขาด เพื่อลดกระแสการต่อต้านสื่อมวลชน ทางสมาคมนักข่าวฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ งดจัดงานวันนักข่าว 5 มีนาคม ปี 2562 แต่ไม่งดจัดงานภายใน คือสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี การทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้สื่อข่าวที่ล่วงลับไปแล้ว และรับประทานอาหารร่วมกันในช่วงเย็น ทางสมาคมฯ จึงเรียนมายังทุกๆ หน่วยงาน ภายในจังหวัดนครราชสีมา ให้ได้รับทราบโดยทั่วกัน

อนึ่ง สมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา ได้จัดตั้งจดทะเบียนสมาคมฯ นี้มาตั้งแต่ ปี 2528 โดยนายไพฑูรย์ มนุญพงศ์พันธุ์ เป็นผู้ก่อตั้ง อีกทั้งเป็นนายกฯ คนแรกและรักษาการนายกสมาคมฯ  มา จนถึงปี 2559 และปัจจุบันได้มีการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ใหม่ โดยนายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา

พร้อมกันนี้  คณะกรรมการสมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา ยังได้ร่วมอวยพร  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในวาระ ส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ด้วยเช่นกัน

 

สโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมารับรางวัลเนื่องในวันกีฬาแห่งชาติประจำปี 2561

สโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมารับรางวัลเนื่องในวันกีฬาแห่งชาติประจำปี 2561

เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ สโมสรกีฬาจักยาน จังหวัดนครราชสีมา นำบุคลากรคว้ารางวัลโล่ประกาศเกียรติคุณ และเสื้อเบลเซอร์ ประจำปี พ.ศ.2561
วันที่ 27 ธันวาคม 2561 ที่หอประชุมเปรมติณสูลานนท์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ได้จัดให้มีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ พร้อมเสื้อเบลเซอร์ เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2561
วันกีฬาแห่งชาติ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงเป็นนักกีฬาตัวแทนของชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 ที่กรุงเทพฯ และทรงชนะเลิศได้รับเหรียญทองในการแข่งขันเรือใบประเภท โอ.เค. ซึ่งถือได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ทางการกีฬาของประเทศไทย นอกเหนือจากกีฬาเรือใบแล้ว แบดบินตันก็เป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโปรดปรานมากเช่นกัน ในหอประชุมวังจิตรลดาฯ ได้ปรับแต่งเป็นสนามแบดมินตันมาตรฐาน ส่วนมากพระองค์จะทรงแบดมินตันในตอนเย็นและวันศุกร์ และเช้าวันอาทิตย์ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทางการกีฬานี้ เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลกว่า พระองค์ทรงเป็นนักกีฬาอย่างแท้จริงและทรงสนับสนุนกีฬาจนเป็นที่ปรากฏชัด ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งวีกีฬาแห่ชาตินี้ ก็เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศได้ระลึกถึงพระปรีชาสามารถและเพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนชาวไทยเห็นคุณค่าความสำคัญของการกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย จึงได้มีมตินำเสนอคณะรัฐมนตรีลงความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2529 กำหนดให้วันที่ 16 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวัน “วันกีฬาแห่งชาติ”
ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครราชสีมา กำหนดจัดงานวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2561 โดยได้มีการประชุมพิจารณาคัดเลือกผู้ที่ทำชื่อเสียงด้านกีฬาให้กับจังหวัดนครราชสีมา จำนวนทั้งสิ้น 20 รางวัลโดยแบ่งออกเป็น
1. ผู้ให้การสนับสนุนพัฒนากีฬาดีเด่น จำนวน 6 รางวัล
2. นักกีฬาดีเด่น (ชาย) จำนวน 1 รางวัล
3. นักกีฬาดีเด่น (หญิง) จำนวน 1 รางวัล
4. นักกีฬาเยาวชนดีเด่น (ชาย) จำนวน 1 รางวัล
5. นักกีฬาเยาวชนดีเด่น (หญิง) จำนวน 1 รางวัล
6. นักกีฬาคนพิการดีเด่น จำนวน 1 รางวัล
7. ผู้ฝึกสอนนักกีฬาดีเด่น จำนวน 1 รางวัล
8. ผู้ตัดสินดีเด่น จำนวน 1 รางวัล
9. สโมสรกีฬาจังหวัดดีเด่น จำนวน 7 รางวัล
ทั้งนี้สโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมา นำโดย นายชาญชัย บัวสรวง ประธานสโมสรฯ ก็ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัล สโมสรกีฬาจังหวัดดีเด่น ที่ได้สร้างผลงานอย่างโดดเด่นมาอย่างต่อเนื่อง จากผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับสโมสร ได้แก่ การส่งนักกีฬา นายสืบสกุล สุขจรรยา แชมป์ประเทศไทยถ้วยรางวัลพระราชทาน”สมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ บดินทรเทพวรางกูร” ปี 2560 และนายชินพัฒน์ สุขจรรยา แชมป์ประเทศไทย ถ้วยพระราชทาน “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ บดินทรเทพวรางกูร” รุ่น 17 ปีชาย รุ่นจูเนียร์ รายการชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศฟิลิปินส์ เป็นต้น โดยได้รับการคัดเลือกจาก 40 กว่าสโมสรฯ


นอกจากนี้ นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา และเป็นรองประธานสโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับรางวัล “ผู้ให้การสนับสนุนพัฒนากีฬาดีเด่น” จากการเป็นผู้ควบคุมดูแล สนับสนุนจัดหางบประมาณร่วมกับสโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมา ให้นักกีฬาและนักกีฬาเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา อาทิ สนับสนุนนักกีฬาไปแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 45 ที่จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดสงขลา สนับสนุนนักกีฬาไปแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 34 ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดบุรีรัมย์ จัดหางบประมาณให้นักกีฬา นายสืบสกุล สุขจรรยา แชมป์ประเทศไทยถ้วยรางวัลพระราชทาน”สมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ บดินทรเทพวรางกูร” ปี 2560 และนายชินพัฒน์ สุขจรรยา แชมป์ประเทศไทย ถ้วยพระราชทาน “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ บดินทรเทพวรางกูร” รุ่น 17 ปีชาย รุ่นจูเนียร์ รายการชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศฟิลิปินส์

                  สโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับรางวัลนักกีฬาเยาวชนดีเด่น (ชาย) จาก นายชินพัฒน์ สุขจรรยา ด้วยการทำผลงานดีเด่น คว้าแชมป์ประเทศไทย ถ้วยพระราชทาน “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ บดินทรเทพวรางกูร” รุ่น 17 ปีชาย รุ่นจูเนียร์ รายการชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศฟิลิปินส์ อีกด้วย


ในการนี้ จังหวัดนครราชสีมา โดยได้คัดเลือกผู้ทำชื่อเสียงด้านกีฬาให้กับจังหวัดนครราชสีมา เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติประจำปี 2561 และได้รับโล่และเสื้อเบลเชอร์ จากนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้แทนสำนักงานการกีฬา แห่งประเทศไทย จังหวัดนครราชสีมา

ทั้งนี้ ดร.มารุต  ลิ้มเจริญ  ในนามนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครราชสีมา ได้มาร่วมแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัล พร้อมด้วย  คณะกรรมการสมาคมนักข่าว  จังหวัดนครราชสีมา  และร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอีกด้วย

>=ชมภาพบรรยากาศ<<

ชาวโคราช หลายพันคนแห่จองสิทธิ์โครงการบ้านล้านหลังกันคึกคัก รายแรกต้องมาตีห้า

ชาวโคราช หลายพันคนแห่จองสิทธิ์โครงการบ้านล้านหลังกันคึกคัก รายแรกต้องมาตีห้า อวยรัฐบาลสานฝันให้คนจนมีบ้านเป็นของตนเอง

ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สาขาถนนจอมพล เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 23 ธันวาคม ประชาชนหลายร้อยคนประสงค์เข้าร่วมโครงการที่รัฐทำให้ประชาชน “ บ้านล้านหลัง ” พากันมายืนต่อแถวรอคิวใช้สิทธิยื่นเอกสารหลักฐานกับพนักงาน ธอส. โดยมีนางวัชราภรณ์  เทศศรีเมือง ผู้จัดการ ธอส.สาขาถนนจอมพล คอยให้บริการอำนวยความสะดวกตั้งโต๊ะให้คำปรึกษาพร้อม แจกบัตรคิวให้กับประชาชนที่มารอคอยตามลำดับ ซึ่งคิวแรกได้มารอตั้งแต่เวลา 05.00 น. เพื่อความสะดวกรวดเร็วและไม่เสียโอกาสในการใช้สิทธิ์ เมื่อได้บัตรคิวจะต้องผ่านขั้นตอนให้คำปรึกษาและตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องก่อนใช้สิทธิผ่านระบบคอมพิวเตอร์ แม้นล่าช้ากับการดำเนินการตามขั้นตอน แต่ประชาชนมิได้ปริปากบ่น แต่อย่างใด ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้าง จึงมีปัญหาเกี่ยวกับหลักฐานประกอบการขอสินเชื่อ จำนวนผู้มายื่นสิทธิมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริเวณด้านหน้าทางเข้าอาคาร ฯ แออัดยัดเยียด ประชาชนส่วนหนึ่งต้องนั่งรอเรียกลำดับคิวตามทางเดินเท้าและใต้ร่มเงา พนักงานได้จัดระเบียบการเข้าออกภายในอาคาร ซึ่งทางออกมีบรรดานายหน้าได้มาแจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์โครงการบ้านจัดสรรที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท

นางสาวพรมวิสา  บำรุงกุล อายุ 42 ปี ชาวตำบลในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า มีอาชีพรับจ้างทั่วไป แต่การมีบ้านเป็นเรื่องฝันเกินเอื้อม วันนี้รู้สึกดีใจมาก รอโครงการนี้มานานแล้ว ขอขอบคุณรัฐบาลที่ช่วยให้ประชาชนได้มีโอกาสมีบ้านอาศัยเป็นของตนเอง

นายธนกานภพ  แซ่ชิง อายุ 30 ปี ประกอวอาชีพรับจ้างในเขต ทน. กล่าว รู้สึกดีใจที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้านเป็นของตนเอง หลังจากเช่าที่พักอาศัยของคนอื่นมานาน วันนี้ได้ลืมตาอ้าปาก ขอขอบคุณรัฐบาลมอบโครงการฯ ดีๆให้กับพวกเรา

นายศักดิ์ชาย จิตตนูนท์ ผู้จัดการเขต ธอส. ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้ประชาชนจองสิทธิ์ เพื่อขออนุมัติกู้เงินซื้อบ้านในราคาหลังละไม่เกิน 1 ล้านบาท จากนั้นในวันที่ 2 ม.ค. 62 ผู้ที่จองสิทธิ์ ฯ ต้องแสวงหาบ้านที่ต้องการหรือแสวงหาที่ดินเพื่อปลูกสร้างหรืองบประมาณสร้างบ้าน แต่มูลค่าต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท ขณะนี้มีประชาชนในพื้นที่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จุดบริการ ธอส. ใน จ.นครราชสีมา มีจำนวน 4 สาขา ประกอบด้วย สาขา ถ.จอมพล สาขานครราชสีมา สาขา อ.ปากช่อง และ สาขา อ.บัวใหญ่ พร้อมให้บริการอย่างเต็มที่ตลอดทั้งวัน คาดมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิมากกว่า 4 พันคน

“ผาสามเกลอ” จุดเช็คอินใหม่โคราช ชมวิวแสงสุดท้ายหน้าหนาว แสนโรแมนติก

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่อำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา ได้มีการค้นพบจุดชมวิวแห่งใหม่ ซึ่งอยู่บนยอดเขามะค่า เขตรอยต่อระหว่างพื้นที่ตำบลบ้านใหม่และตำบลโคกกระชาย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าครบุรี  ชาวบ้านในพื้นที่เรียกกันว่าเขาแม่ปลอด หรือ ผาสามเกลอ เนื่องจากบนยอดเขาแห่งนี้สามารถมองเห็นยอดเขาใกล้เคียงกันอีก 2 ยอด ด้านล่างมองเห็นเขื่อนลำแชะและทิวเขาสลับซับซ้อนของอุทยานแห่งชาติทับลานได้อย่างชัดเจน  นอกจากนี้ยังสามารถเห็นวิถีชีวิตการเกษตรและการทำประมง ของชาวบ้านในพื้นที่โดยรอบเขื่อนอีกด้วย  อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา

และจุดแลนมาร์คที่สำคัญของผาแม่ปลอด หรือผาสามเกลอแห่งนี้ ก็คือหน้าผาที่เป็นก้อนหินขนาดใหญ่มีลักษณะเป็นแหลมยื่นออกไปจากตัวผาประมาณ 4 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่ใครได้ไปเที่ยวมาแล้วต้องเก็บภาพนี้ไว้เป็นที่ระลึกอย่างแน่นอน ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวที่หลงใหลในการถ่ายภาพและต้องการสัมผัสกับธรรมชาติดิบๆ ไม่ควรพลาด และในยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาว อากาศบนยอดเขากำลังเย็นสบายเหมาะแก่การเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

          นายสมชัย หยุดกระโทก กำนันตำบลโคกกระชาย กล่าวว่า ขณะนี้ทางชุมชนกำลังมีแผนที่จะพัฒนาผาแม่ปลอดหรือผาสามเกลอแห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมต่อกับแหล่งท่องเที่ยวในโครงการชุมชนท่องเที่ยวOTOP นวัตวิถีของตำบลโคกกระชายอีก 2 แห่ง คือสะพานไม้ร้อยปี และน้ำตกวังเต่า เพื่อเพิ่มอรรถรถในการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวในพื้นที่อำเภอครบุรี ในอนาคตอันใกล้นี้ แต่หากท่านใดสนใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงนี้ควรเดินทางด้วยรถกระยะสูง เพราะเส้นทางยังเป็นทางเข้าไร่เข้าสวนของชาวบ้าน อาจจะเป็นหลุมเป็นบ่อมีก้อนหินเป็นช่วงๆ รถเล็กผ่านได้ยาก แต่ก็ถือเป็นความท้าทายเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสายลุย ที่รับรองว่าจุดหมายคุ้มค่าแก่การเดินทางอย่างแน่นอน

        สำหรับเส้นทางการเดินทาง ต้องเดินทางออกจากตัวเมืองนครราชสีมา โดยใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 224 มุ่งหน้าเข้าตัวอำเภอครบุรี จากนั้นเดินทางผ่านองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางร่วมทางหลวงชนบท 3115 ไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาวิ่งไปบนถนนลูกรังอีกประมาณ 7 กิโลเมตรก็จะถึงจุดหมาย หรือสามารถค้นหาเส้นทางได้ตามแอปพลิเคชั่นบนมือถือได้แล้ว

ชมภาพ

 

รพ.มหาราช นครราชสีมา เผย พร้อมรับมือปีใหม่ ให้บริการประชาชน

   รพ.มหาราช นครราชสีมา เผย พร้อมรับมือปีใหม่ ให้บริการประชาชน

นายแพทย์ชุติเดช ตาบ-องครักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา  เปิดเผยว่า ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๒ นี้ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาพร้อมบริการประชาชน กรณีเจ็บป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉิน ได้จัดทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ยา เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ เวชภัณฑ์การแพทย์ ห้องผ่าตัด   และหอผู้ป่วย สำรองโลหิต ศูนย์กู้ชีพ จัดระบบส่งต่อผู้ป่วย โดยทุกระบบงานสามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายสาธารณสุขและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งในจังหวัดนครราชสีมาและทั่วประเทศ เพื่อให้การบริหารจัดการร่วมกันดูแลรักษาพยาบาลได้รวดเร็วมีประสิทธิภาพ ขณะนี้ทุกระบบพร้อมบริการต่อเนื่อง ๒๔ ชั่วโมง ติดต่อศูนย์กู้ชีพ โทร.๑๖๖๙ พร้อมนี้ ขอความร่วมมือประชาชนใช้บริการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เฉพาะกรณีอุบัติเหตุและเจ็บป่วยฉุกเฉิน และขอเน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชนไม่ก่อกวนการปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์สั่งการระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ในการโทรแจ้ง ๑๖๖๙ ในเรื่องที่ไม่จริง   ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะทำให้ผู้ป่วยบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจริง เสียโอกาสรอดชีวิตได้ สำหรับกรณีเจ็บป่วยทั่วไป มีบริการตรวจรักษาโรคทั่วไป ที่ชั้น ๑ อาคารผู้ป่วยนอกและอำนวยการ ให้บริการตั้งแต่ เวลา ๘.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมากล่าวว่า เทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๒ มีวันหยุดต่อเนื่อง ๔ วัน คือ   ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ – ๑ มกราคม ๒๕๖๒ คาดว่าประชาชนจำนวนมากจะใช้เส้นทางผ่านนครราชสีมาเหมือนทุกปี โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาเตรียมสำรองโลหิตไว้เพียงพอต่อการให้บริการ แต่หากประชาชนประสงค์จะทำบุญบริจาคโลหิต ติดต่อได้ที่     ห้องรับบริจาคโลหิต โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เปิดบริการทุกวัน ไม่พักเที่ยง โทรศัพท์ ๐๔๔-๒๓๕๙๑๕ หรือที่ห้องรับ  บริจาคโลหิต ชั้น ๒ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์นครราชสีมา เปิดบริการทุกวัน ไม่พักเที่ยง โทรศัพท์ ๐๔๔-๒๓๑๕๕๕   การบริจาคโลหิตได้ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ “ 1 คนให้ ๓ คนรับ” และยังได้ทำบุญด้วย

นายแพทย์ชุติเดช ตาบ-องครักษ์ กล่าวฝากถึงประชาชนให้ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร จะเดินทางเพื่อกลับภูมิลำเนาหรือไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ผู้ขับขี่รถทุกชนิดต้องเตรียมร่างกายพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มสุราหรือใช้สารเสพติด มีสติ  ไม่ประมาท ไม่หุนหันใจร้อน ทะเลาะวิวาทต่อกัน หากผู้ขับขี่ง่วงเพลียให้หยุดรถ เพื่อพักผ่อนให้ร่างกายพร้อมที่จุดพักรถ   ที่ปลอดภัยไม่จอดรถนอนริมข้างทาง ตรวจสอบสภาพยานพาหนะก่อนใช้งาน ศึกษาเส้นทางเดินทางให้ดี หากทั้งผู้ใช้รถและ   ผู้ใช้ถนน ประชาชน ร่วมมือกันก็จะมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมากล่าวเสริมว่า สถิติผู้บาดเจ็บที่มารับบริการที่หน่วยบริการอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ระหว่าง  ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ถึง ๓ มกราคม ๒๕๖๑ มี ดังนี้ จำนวนผู้มารับบริการรวมทั้งหมด ๒๑๘๘ ราย จำแนกเป็น  ผู้ป่วยฉุกเฉินทั่วไป ๑๕๒๗ ราย ผู้ป่วยบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ๖๖๑ ราย ทั้งนี้ ผู้ป่วยบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ จำแนกเป็น  ๑. ผู้ป่วยอุบัติเหตุขนส่ง รวม ๒๙๐ ราย ส่วนใหญ่เป็นเหตุที่เกิดจากรถจักรยานยนต์ รถปิกอัพ รถเก๋ง รถบรรทุก และรถโดยสาร ตามลำดับ สำหรับผู้ป่วยบาดเจ็บจากอุบัติเหตุขนส่ง ที่เกิดเหตุในอำเภอเมือง มี ๑๐๒ ราย รับไว้รักษา  ๒๕ ราย เสียชีวิต ๑ ราย    ๒. ผู้ป่วยอุบัติเหตุอื่นๆ รวม ๓๗๑ ราย ส่วนใหญ่เป็นเหตุที่เกิดจากทำร้ายตนเองและถูกทำร้าย

สีสันแข่งปลูกมันสำปะหลังที่โคราช

ในงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริการการเกษตรและรณรงค์ป้องกันกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลังในพื้นที่ระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่

           ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวประจำจังหวีดนครราชีมา  รายงานว่า ภายในกิจกรรมงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริการการเกษตรและรณรงค์ป้องกันกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลังในพื้นที่ระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ที่บ้านรุ่งเรือง ต.หนองบุญนาก อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา ที่ทางกรมส่งเสริมการเกษตรโดยสำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา จัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการผลิตมันสำปะหลังให้มีคุณภาพและมีผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น  นอกจากจะจัดให้มีการอบรมให้ความรู้ และนำเทคโนโลยีต่างๆมาถ่ายทอดให้กับเกษตรกรแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆที่สร้างสีสันให้กับงานในวันนี้ร่วมด้วย

        โดยทางผู้จัดงานได้จัดรถไถนาพ่วง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่ารถอีแต็ก ไปรับนายศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เข้าไปสู่บริเวณสถานที่จัดงานเพื่อทำการเปิดงานอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งมีกิจกรรมการแข่งขันปลูกมันสำปะหลัง เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลเพาะปลูกมันสำปะหลังของชาวบ้านในพื้นที่ โดยมีตัวแทนเกษตรกรจาก 8 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา ส่งตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งทุกคนต้องแข่งกันปลูกมันทุกกระบวนการขั้นตอน ตั้งแต่การยกท่อนมันสำปะหลัง สับท่อนมัน และนำท่อนมันไปเสียบตามแปลงที่กำหนดไว้ โดยให้ระยะห่างระหว่างท่อนไม่เกิน 80 เซนติเมตร หากใครทำได้ตามกติกาที่กำหนดและเสร็จเร็วที่สุดจะเป็นผู้ชนะ

       ซึ่งผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างก็แข่งขันกันอย่างเต็มที่ ท่ามกลางบรรยากาศกองเชียร์ที่ส่งเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน สร้างความบันเทิงให้กับงานนี้อย่างมาก  โดยผลการแข่งขัน เป็นตัวแทนเกษตรกรจากอำเภอปักธงชัย เป็นผู้ทำได้ตามกติกาและรวดเร็วที่สุด ได้รับรางวัลเป็นเครื่องพ่นยาและปุ๋ยไป 1 เครื่อง

 

โคราชระดมจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ กำจัดผักตบชวา

โคราชระดมจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ กำจัดผักตบชวา

ที่ผ่านมา จ.นครราชสีมา นำโดยนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา หน่วยงานเกี่ยวข้อง นำจิตอาสาจากชุมชน ประชาชนกว่า 2000 คน สวมเสื้อเหลืองเปิดกิจกรรมระดมจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ รณรงค์ “คน รัก คลอง”… “ไม่ทิ้ง ไม่เท ทุ่มทำความดี” ลงปฏิบัติงานรอบบึงหนองมโนรมย์ เนื้อที่กว่า 1000 ไร่ ต.ทองหลาง อ.จักราช เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ อุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสืบสานพระราชดำริสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญกับลำน้ำ ลำคลอง และเป็นการพัฒนาคลองเพื่อสุขอนามัยที่ดีของประชาชนที่อยู่ริมคลอง

ได้นำจิตอาสาจากชุมชน และ ประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันจัดเก็บขยะมูลฝอย ผักตบชวาและวัชพืช โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ อุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสืบสานพระราชดำริของสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนเพื่อสร้างการตระหนักรู้และจิตสำนึกในการดูแล รักษา พัฒนาคลอง เพื่อสุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ดีแก่ชุมชน.

ชมคลิปเพิ่มเติม

โคราชยอดผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.43 เร่งประชาสัมพันธ์บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

โคราชยอดผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.43  เร่งประชาสัมพันธ์บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ หวังช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย

นครราชสีมา –  ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่านครราชสีมา นางไพวรรณ พลวัน อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ได้เป็นประธาน ในกิจกรรมคาราวาน ประชาสัมพันธ์การบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ ภายใต้แนวคิด ให้..เพื่อชีวิตที่ดีกว่า และรณรงค์การบริจาคประชาสัมพันธ์การจ่ายเบี้ยใน 4 ภาค พร้อมทั้งมอบเหรียญเชิดชูเกียรติบัตรแก่ผู้สูงอายุที่บริจาคเบี้ยเข้ากองทุนผู้สูงอายุ โดยมีนางปิยฉัตร อินสว่าง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้การต้อนรับในครั้งนี้

            นางไพวรรณ พลวัน อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ โดยเร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560 เพื่อนำมาจ่ายเป็นเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพิ่มขึ้นในการดำรงชีพ นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งขณะนี้มีผู้แจ้งความจำนงบริจาคเบี้ย เข้ากองทุนจำนวน 799 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,952,998,889.44 บาท

            ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 2,641,715 คนเป็นผู้สูงอายุ 441,028 คน คิดเป็นร้อยละ 16.69 ของประชากรทั้งหมด โดยในปี 2561 มีผู้สูงอายุขึ้นทะเบียนรับเบี้ยผู้สูงอายุ จำนวน 347,368 คน คิดเป็นเงิน2,763,382,800 บาท และในปี 2562 มีผู้สูงอายุขึ้นทะเบียนรับเบี้ยผู้สูงอายุ จำนวน 387,089 คน คิดเป็นเงิน 3,123,859,200 บาท คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ร้อยละ 11.43 จากสถิตดังกล่าวพบว่า มีผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากผู้สูงอายุท่านใดสนใจจะบริจาคเบี้ยยังชีพเข้ากองทุนสามารถโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 023546100 หรือสายด่วน 1300 บริการฟรี 24 ชั่วโมง

ชมภาพ

 

ลมหนาวมาวังน้ำเขียวโคราชบูมนักท่องเที่ยวแห่ชมธรรมชาติ ผารักษ์สลัดได ผาเก็บตะวัน สวนดอกไม้คึกคักทั้งวัน

ลมหนาวมาวังน้ำเขียวโคราชบูมนักท่องเที่ยวแห่ชมธรรมชาติ ผารักษ์สลัดได ผาเก็บตะวัน สวนดอกไม้คึกคักทั้งวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่อากาศเริ่มเย็น พบว่าบรรยากาศในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เริ่มคึกคัก ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดเข้าเที่ยวชมจำนวนมาก

โดยที่บริเวณผารักษ์สลัดได จุดชุมวิวที่สูงที่สุด ใน อ.วังน้ำเขียว พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปยืนชมวิวถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ถึงบริเวณดังกล่าวถึงแม้จะไม่ได้มีสถานที่จำหน่ายอาหารหรือร้านค้าขายของฝากแต่ด้วยที่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามพบว่ามีประชาชนเดินทางขึ้นไปชมวิวถ่ายภาพเป็นที่ระลึกไม่ขาดสาย

ขณะเดียวกันที่บริเวณผาเก็บตะวัน อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม พบว่า มีประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวกันตลอดทั้งวัน เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นอีกจุดเช็คอินที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาวังน้ำเขียวแล้วจะไม่พลาดที่จะเดินทางมาเช็คอินในสถานที่แห่งนี้จึงทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดทั้งวันที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ผลจากที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าวังน้ำเขียวเยอะขึ้น ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการที่จัดสวนดอกไม้ถามเส้นทางหลักในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น มีนักท่องเที่ยวแวะชมสวนถ่ายภาพที่ระลึกบันทึกความทรงจำกันเป็นจำนวนมากทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน คาดวาจากนี้ไปจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปวังนำเขียวมากขึ้นเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงไฮท์ซีชั่น จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาขึ้นในช่วงวันหยุด จึงขอฝากถึงนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาวังน้ำเขียว ควรประสานหาที่พักล่วงหน้าเพราะหาจองล่าช้าอาจะไม่ได้ที่พักที่ถูกใจตามที่ต้องการได้.

ชมภาพบรรยากาศ

 

โคราช…สำรวจแก่งวังไทร เชื่อมท่องเที่ยวนวัตวิถี พากินปลาต้นน้ำมูล

สำรวจแก่งวังไทร เชื่อมท่องเที่ยวนวัตวิถี พากินปลาต้นน้ำมูล เมนูพิเศษรสเด็ด “ปลาหลาม”

 

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมา  รายงานว่า นายจำเนียน ดายครบุรี ผู้ใหญ่บ้านใหม่จอมทอง ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ออกสำรวจลำมูลซึ่งอยู่ท้ายชุมชนบ้านใหม่จอมทอง – ตลิ่งชัน ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนมูลบน เพื่อเตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์แห่งใหม่ของอำเภอครบุรี และจังหวัดนครราชสีมา  โดยจากการสำรวจในเบื้องต้นระยะทางห่างจากชุมชนประมาณ 3 – 5 กิโลเมตร ภายในลำน้ำมีแก่งหินที่น้ำไหลผ่านก้อนหินตกเป็นชั้นๆกระจายอยู่หลายจุด ซึ่งมีจุดที่น่าสนใจที่ชาวบ้านเรียกกันว่าแก่งวังไทร ที่มีน้ำใสไหลผ่านชั้นหินกลายเป็นน้ำตกขนาดย่อม สวยงามและร่มรื่นเนื่องจากแวดล้อมด้วยป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างมาก

 

นอกจากแก่งวังไทรแล้ว ภายในลำมูล ยังมีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของพันธุ์ปลาน้ำจืดนานาชนิด ที่ชาวบ้านจะยังคงประกอบวิถีชีวิตพื้นบ้านด้วยการจับปลาไปประกอบอาหารและสร้างรายได้เสริม ซึ่งทางคณะสำรวจได้ทำการจำลองวิถีชีวิตชาวบ้านด้วยการตกปลา ทอดแห ซึ่งก็ได้ปลาธรรมชาติขึ้นมาหลากหลายชนิด อาทิ ปลากด ปลาน้ำพอง ปลาตะเพียน ปลาตะโกก ปลาคลั่ง เป็นต้น  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งต้นน้ำได้เป็นอย่างดี

และในวันนี้ทางคณะสำรวจมีเมนูพิเศษจากการเดินทางมาฝาก คือ เมนู “ปลาหลาม” ซึ่งเป็นการต้มปลาด้วยกระบอกไม้ไผ่ จำลองวิถีชีวิตชาวบ้านที่ใช้ไม้ไผ่มาเป็นภาชนะในการประกอบอาหาร เนื่องจากเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในพื้นที่และไม่ต้องขนข้าวของจำนวนมากในการเดินทางไปหาปลาห่างจากแหล่งชุมชน

ซึ่งวิธีการเตรียมการหลังจากจับปลาได้ สิ่งที่ต้องเตรียมก็คือการตัดเอากระบอกไม้ไผ่อ่อน ซึ่งมีขนาดประมาณลำแข้ง มาเจาะกระบอกเพื่อใส่น้ำ เตรียมเครื่องปรุงอาทิ พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะขามเปียก ใส่ลงไป ตั้งบนกองไฟให้น้ำเดือด จากนั้นใส่ปลา ลงไปต้มให้สุกแล้วปรุงรสจนได้ที่ ก็สามารถนำมารับประทานได้คล้ายกับการต้มปลาแบบปกติ แต่จะได้กลิ่นหอมของกระบอกไม้ไผ่อ่อนๆ ให้รสชาติดีกว่าการต้มปลาทั่วไป  ยิ่งหากได้ปลากด หรือปลาน้ำพอง ซึ่งเป็นปลาเนื้ออ่อนแล้วจะให้รสชาติดียิ่งขึ้นไปอีก  นอกจากนี้ก็ยังมีปลาย่างไม้ไผ่ เป็นที่ย่างกันสดๆมาเป็นเครื่องเคียงกินกับปลาปลามแทนข้าวด้วย

โดยหลังจากนี้ทางคณะสำรวจจะนำข้อมูลที่ได้ไปเสนอกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณาและประสานงานหน่วยงานต่างๆ ให้มาผลักดันลำมูลให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และเชิงอนุรักษ์  เพื่อเชื่อมต่อโครงการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ของอำเภอครบุรีต่อไป