“หลวงปู่ทวด” เนื้อทองเหลือง (ใหญ่ที่สุดในโลก) อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

บารมีหลวงปู่ทวด “ปากเป็นเงินเป็นทอง” ขอพรทำการค้าร่ำรวยที่ “วัดป่าคำหัวช้าง”
ความเลื่อมใสศรัทธาในองค์ “หลวงปู่ทวด” ที่หลายคนเข้าใจคือ “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” แต่แท้ที่จริงแล้วหลวงปู่ทวดท่านมีพุทธคุณครอบจักวาล หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มีพุทธคุณครบทุกด้าน ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวดจึงเป็นที่เล่าขานกันมาอย่างยาวนาน ก่อให้เกิดความเคารพศรัทธาหลวงปู่ทวดกันอย่างกว้างขวาง


พระอาจารย์ศิริวัฒน์ ถาวรธมโม หรือ “หลวงพ่อศิริ” เจ้าอาวาสวัดป่าคำหัวช้าง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า “ศาลเจ้าปู่คำหัวช้าง” ซึ่งได้รับแรงศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนทั่วสารทิศที่มากราบไหว้ บนบานต่อพ่อปู่คำหัวช้างและประสบความสำเร็จ โดยนำเอาช้าง-ม้ามาถวายเพื่อเป็นการแก้บน จากช่วงแรกๆ ที่มีการแก้บนไม่กี่ตัว แต่ด้วยแรงศรัทธาที่ส่งผลให้ผู้มากราบไหว้พบกับความสำเร็จสมหวัง จึงเชื่อว่าศาลเจ้าปู่คำหัวช้างมีความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอาจมาจากหลายปัจจัย อาทิ บางคนขายที่ดินหรือทรัพย์สินได้ บางคนได้ตำแหน่งสูงขึ้น บางคนถูกหวยมีโชค หรือขอเรื่องทำมาค้า-ขายแล้วประสบความสำเร็จดังที่หวังไว้ จึงนำรูปปั้นช้าง-ม้ามาถวายเป็นการแก้บน จากปากต่อปากที่สมหวังเมื่อมาขอพรจากศาลแห่งนี้ ทำให้มีรูปปั้นช้าง-ม้านำมาถวายพ่อปู่คำหัวช้างนับแสนตัว และกลายเป็นสัญลักษณ์ของ “วัดป่าคำหัวช้าง


ที่มาของการ “นำช้างมาถวายเพื่อแก้บน” หลวงพ่อศิริ เล่าว่า มีญาติโยมที่นำสังฆทานมาถวาย ในขณะที่กราบไหว้ศาลปู่-ย่า เกิดมีอาการชักกระตุกพร้อมพูดว่า ณ บึงท้ายวัดแห่งนี้ มีช้างศึกซึ่งเป็นน้องสาวย่าโมจากเมืองโคราช ลงมากินน้ำและล้มตาย ขอให้หลวงพ่อปั้นรูปช้างพร้อมตั้งชื่อให้ด้วย ดังนั้น ผู้ที่ประสบความสำเร็จสมหวังจึงได้นำช้างมาถวาย ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่เท่าช้างจริงมากมากมายภายในวัดฯ และขณะนี้ หลวงพ่อได้เตรียมปรับพื้นที่ภายในวัดป่าคำหัวช้างเพื่อสร้างจุดเช็คอิน “ช้างพลายแก้วกระดิ่งทอง” โดยช้างพลายแก้วกระดิ่งทองจะมีความสูง 5 เมตร และยังนำวัตถุมงคลร้อยแปดบรรจุเข้าไปไว้ภายในตัวช้าง ดังนั้น ผู้ที่เข้ามาเช็คอินสามารถลอดท้องช้างขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเอง นอกจากนี้ บริเวณพื้นที่โดยรอบจุดเช็คอิน “ช้างพลายแก้วกระดิ่งทอง” ยังตบแต่งภูมิทัศน์อย่างสวยงามตามแบบวัฒนธรรมท้องถิ่นอีกด้วย


หลวงพ่อศิริ กล่าวต่อไปว่า รูปปั้นช้าง-ม้าที่นำมาถวายด้วยแรงศรัทธา แม้จะเป็นของดีมีคุณค่าต่อจิตใจ แต่หากปล่อยทิ้งร้างนานวันก็จะชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เครื่องหมายแห่งความเลื่อมใสศรัทธาเหล่านี้จะกลายเป็นขยะที่ทับถม หากจะปล่อยปละละเลยให้สิ่งที่ผู้เคารพศรัทธานำมาถวายด้วยความเลื่อมใสถูกเหยียบย่ำจากผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้นเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง หลวงพ่อศิริ จึงให้ลูกศิษย์นำช้าง-ม้าตัวที่ชำรุดทรุดโทรมมาทุบทำลายแล้วถมลงบ่อ พร้อมปรับพื้นที่เพื่อสร้างองค์ “หลวงปู่ทวด” เนื้อทองเหลือง (ใหญ่ที่สุดในโลก) ขนาดหน้าตักกว้าง 19.99 เมตร สูง 39.99 เมตร (รวมฐาน) ประดิษฐานคร่อมพื้นที่นี้ไว้เบื้องบนเพื่อให้สาธุชนคนรุ่นหลังได้กราบไหว้บูชา


ณ วัดป่าคำหัวช้าง ซึ่งมี “ศาลเจ้าปู่คำหัวช้าง” ตั้งอยู่ด้านหน้าติดถนนตรงหัวโค้งพอดี ปัจจุบัน ได้ปรับพื้นที่จากหน้าผาสูงชันให้เป็นพื้นที่ลาด และกั้นแนวรั้วถนนเพื่อให้จอดรถยนต์บริเวณด้านหน้าได้ ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เคารพศรัทธาได้เข้ามากราบไหว้อย่างปลอดภัย นอกจากศาลพ่อปู่คำหัวช้างที่อยู่บริเวณด้านหน้าติดถนนใหญ่แล้ว ภายในพื้นที่วัดป่าคำหัวช้างแห่งนี้ ยังมีพื้นที่สวนสนุกและเครื่องเล่นสำหรับเด็กเล็ก มีกรงนกนานาชนิดขนาดใหญ่อยู่ในพื้นที่บริเวณศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง มีศาลปู่-ย่า และจุดเช็คอิน “พลายแก้วกระดิ่งทอง” ที่ทุกท่านสามารถลอดท้องช้างเพื่อความเป็นสิริมงคล และก่อนเดินทางกลับ ทุกท่านสามารถแวะรับประทานอาหารที่โรงทานบริเวณด้านหน้าวัดฟรีอีกด้วย


สำหรับท่านที่ต้องการร่วมบริจาคปัจจัยเพื่อสมทบสร้างองค์ “หลวงปู่ทวด ปากเป็นเงินเป็นทอง” ที่สร้างจากทองเหลืองแท้ทั้งองค์ หรือบูชาทองเหลืองเพื่อหล่อองค์หลวงปู่ทวด สามารถบริจาคได้ตามกำลังศรัทธาที่วัดฯ หรือโอนเข้าบัญชี วัดป่าคำหัวช้าง ธนาคารกสิกรไทย บัญชีเลขที่ 491-224-888-2 เพื่อสร้างทานบารมีให้ปากเป็นเงินเป็นทอง ทำมาค้า-ขายเจริญรุ่งเรือง ซึ่งขณะนี้ได้ทำการก่อสร้างไปแล้วกว่า 30 % โดยจะมีการทำพิธีเททองหล่ออีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งในการทำพิธีเททองหล่อหลวงปู่ทวดในครั้งนี้ ยังมีการหล่อรูปเหมือน “ไอ้ไข่ หรือ (คุณตาไข่)” ซึ่งเป็นลูกศิษย์คู่บารมีของของหลวงปู่ทวดอีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้สาธุชนที่เคารพศรัทธาให้องค์หลวงปู่ทวด และ ไอ้ไข่ ได้กราบไหว้ขอพรในคราวเดียว ณ วัดป่าคำหัวช้างแห่งนี้ หลวงพ่อศิริ กล่าว

ผู้ว่าโคราชเผย!!มาตรการคุมเข้ม โควิด19>>มีสัมภาษณ์<<

นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงมาตรการ การคุมเข้มโควิด 19 ของจังหวัดนครราชสีมาว่า สำหรับประชาชนที่มาจาก 5 จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง ทางจังหวัดก็ได้มีการคุมเข้มแต่ ไม่ถึงกับต้องกักตัว แต่จะต้องรายงานตัวให้กับ อสม.หรือสาธารณสุข แต่ต้องมีข้อจำกัดในการเดินทาง การพบปะผู้คน ห้ามเข้าเขตชุมชน เช่น ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

พร้อมกันนี้ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ยังได้กล่าวย้ำอีกว่า พี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา สามารถเดินทาง และท่องเที่ยวได้ตามปกติ (ยกเว้นใน 5 จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง) พร้อมปลดล็อกการจัดกิจกรรมอื่น ๆ เช่น งานบวช งานแต่ง งานสัมมนาต่าง ๆ แต่ขอความร่วมมือ ให้จัดโดยจะต้องมีผู้ร่วมกิจกรรมไม่เกิน 300 คน และจะต้องแจ้งไปยังผู้นำชุมชน หรือสาธารณสุขเพื่อขอการจัดกิจกรรม แต่หากเกิน 300 คน ให้ทำเรื่องแจ้งมายังจังหวัด เพื่อขออนุญาต ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อควบคุม และป้องกันการระบาดของโควิด 19

สมาคมนักข่าว จ.นครราชสีมา เข้าสวัสดีปีใหม่พ่อเมืองพร้อมแสดงความยินดีกับนายก อบจ.คนใหม่

วันที่ 27 มกราคม 2564 สมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา ได้เข้าพบพ่อเมืองโคราช นำโดย นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคม ฯ พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ มนุญพงศ์พันธุ์ ผู้สื่อข่าวอวุโส พร้อมด้วยคณะกรรม เข้าพบ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัด เนื่องในโอกาศเริ่มศักราชใหม่ ปี 2564

พร้อมมอบของที่ระลึกเพื่อให้เป็นศิริมงคล จากนั้น ได้เดินทางไปร่วมแสดงความยินดี กับ คุณยลดา หวังศุภกิจโกศล ในโอกาสรับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาท่านใหม่

#สมาคมนักข่าวจังหวัดนครราชสีมา#เคเซเว่นออนไลน์#สวัสดีปีใหม่2564

สถานการณ์โควิด-19 จ.นครราชสีมา

โคราชพบผู้ป่วยติดโควิด-19 จำนวน 3 ราย หลังจากการแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดย 2 ราย เป็นพ่อค้าแม่ค้า ขายอาหารทะเลสดในพื้นที่ อ.พิมาย และ อ.สีคิ้ว ส่วนรายที่ 3 เป็นข้าราชการ อบต.ในพื้นที่ อ.บัวใหญ่ ซึ่งผู้ป่วยทั้ง 3 รายเดินทางกลับมาจากจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ผู้ป่วยและผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด ได้กักตัวในสถานที่ ที่ทางจังหวัดกำหนดแล้วที่ห้องประชุมมูลนิธิท้าวสุรนารี ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนายแพทย์นรินทร์รัชย์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันแถลงสถานการณ์การแพ่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา หลังการแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา พบผู้ป่วยแล้ว 3 ราย รายแรกพบที่ อ.พิมาย เป็นชายไทย อายุ 57 ปี อาชีพค้าขายอาหารทะเล สาเหตุที่ติดเชื้อเนื่องจากเดินทางไปจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อซื้ออาหารทะเลมาจำหน่ายในพื้นที่อำเภอพิมาย จำนวนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นคนในครอบครัว จำนวน 8 คน สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 9 คน ในจำนวน 9 คนนี้เป็นเจ้าหน้าที่อำเภอพิมาย 8 คน ผู้ใหญ่บ้าน 1 คน รายที่ 2 เป็นผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 47 ปี อาชีพ ค้าขายอาหารทะเล ที่ อ.สีคิ้ว โดยผู้ป่วยมีอาการเมื่อวันที่ 17 ธค .63 เข้ารักษาตัวที่ รพ.เอกชน ในพื้นที่ กทม. วันที่ 21 ธค.63 ก่อนเดินทางมาที่ อ.สีคิ้ว วันที่ 22 ธค.63 ซึ่งจากการตรวจพบติดเชื้อ โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในครอบครัว จำนวน 6 คน รายที่ 3 เป็นชายไทย อายุ 43 ปี อาชีพรับข้าราชการ อบต.ในพื้นที่ อ.บัวใหญ่ เดินทางไปเยี่ยมมารดาที่ จ.สมุทรสาคร วันที่ 18 ธค.63 มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ก่อนวันที่ 22 ค.63 เข้าตรวจที่ รพ. ปรากฏว่าพบเชื้อ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 9 คน โดยผู้สัมผัสเสี่ยงทุกรายได้ให้ทำการกักตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามที่จังหวัดกำหนด นอกจากนี้การการค้นกลุ่มเสี่ยงแบบเชิงรุกพบว่ามีกลุ่มเดินทางไปส่งข้าราชการย้าย ที่ จ.สมุทรสาคร 43 ราย กลุ่มคนเดินทางกลับ 4 ราย ร้านรับอาหารทะเลขายเอง 1 ราย (จำนวน8คน) การขนส่งอาหารทะเลเข้าตลาดในพื้นที่ จ.นครราชสีมา 88 ราย และกลุ่มเดินทางจาก จ.สมุทรสาคร เป็น นศ.มทส. จำนวน 32 ราย อ.เมือง 3 ราย อ.พิมาย 6 ราย และ อ.โชคชัย 1 ราย โดยทั้งผลได้ทำการตรวจหาเชื้อแล้วไม่พบแต่ให้มีการกักตัวเป็นเวลา 14 วันขอบคุณข้อมูล : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา

วิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมาจัดการประชุมทางวิชาการองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย ประจำปีการศึกษา 2563

วิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมาจัดการประชุมทางวิชาการองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย ประจำปีการศึกษา 2563

วันที่ 23 ธันวาคม 2563 วิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมา ได้จัดการประชุมทางวิชาการองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย ประจำปีการศึกษา 2563 โดยมีนายสุดชาย บุตรแสนลี ผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างนครราชสีมา เป็นประธานเปิดการประชุมครั้งนี้ พร้อมด้วย ดร.รัตนะ วรบัญฑิต ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จังหวัดนครราชสีมา  นายคมกฤษณ์  แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา  นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา และผู้แทนจากสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครราชสีมา ร่วมเป็นเกียรติ

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ได้เข้าใจกระบวนการดำเนินงาน ขององค์การนักวิชาชีพในอนาคต

แห่งประเทศไทยที่บริหารจัดการภารกิจ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม  เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนการสอนด้านวิชาชีพในทุกสาขาวิชาที่เปิดสอนในสถานศึกษาให้ได้ผลดียิ่งขึ้น เพื่อการประชาสัมพันธ์ เผยแพร่วิชาชีพให้แพร่หลายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพตามสาขาวิชาชีพที่ได้ศึกษามาเพื่อสร้างความสามัคคี ความสัมพันธ์ ระหว่างนักเรียน นักศึกษา ทั้งในสถานศึกษาเดียวกันและต่างสถานศึกษา เพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และพัฒนาความเจริญงอกงามทางด้านร่างกายจิตใจ  อารมณ์  สังคม และสติปัญญา ของนักเรียน นักศึกษา และ เพื่อส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษามีความสนใจ มีส่วนร่วม ในการพัฒนาสถานศึกษาโดยใช้ความรู้ ความสามารถของตน ให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

ทั้งนี้กิจกรรมภายใน ยังมีการแข่งขันทักษะความรู้ความสามารถของนักเรียน นักศึกษา  อาทิ  การแข่งขันทักษะการตัดแต่งทรงผมสุภาพบุรุต ทักษะการนวดเพื่อสุขภาพ  และการแข่งขันทักษะวิชาชีพระดับสถานศึกษา อาทิ ทักษะการตะไบ (ระดับ ปวช.) ทักษะการออกแบบพัฒนาโปรแกรมควบคุมอุปกรณ์ และทักษะงานเครื่องยนต์เล็กแก๊สโซลีน เป็นต้น

งานบุญประจำปี มหามงคล “เททองหล่อพระ” หลวงพ่อมหาลาภ และเป่ายันต์เกราะเพชร วัดบัลลังก์

งานบุญประจำปี มหามงคล “เททองหล่อพระ” หลวงพ่อมหาลาภ และเป่ายันต์เกราะเพชร  วัดบัลลังก์

วันที่ 19 ธันวาคม 2563 เวลา 09.00 น. ณ วัดบัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา พลตรีคีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และคณะ ประธานพิธีเททองหล่อพระหลวงพ่อมหาลาภ หน้าตัก 60 นิ้ว ( เนื้อทองทิพย์ ) พร้อมพิธีมหามงคลเทวาพุทธาภิเษกพระขุนแผนชมตลาด และพระพิมพ์ขี่สัตว์ ตามตำราหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และเป่ายันต์เกราะเพชร โดยเกจิชื่อดัง  หลวงพ่อคูณ วัดบัลลังก์ ได้ฤกษ์งามยามดี วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม คือ เสาร์ห้า วันแข็ง วันมงคล พุทธาภิเษกร่วมกับเกจิดัง  โดยได้รับเมตตาจากครูบากฤษณะ อินทวัณโณ  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร ประธานจุดธูปเทียนชัยนำฤกษ์ 

ร่วมเกจิดัง 5 รูป หลวงพ่อคูณ วัดบัลลังก์ , ครูบาสมไพรวัลย์ วัดบ้านไร่โคกสูง , หลวงพ่ออุดมทรัพย์  สำนักสงฆ์เวฬุวัน ,อาจารย์เทวฤทธิ พร้อมคณะพระสงฆ์สวดมหานาค 4 รูป ในพิธีอันเข้มขลัง วัตถุมงคลและจัดงานมหามงคลนี้ เพื่อหารายได้ขุดสระถมดิน 38 ไร่ สร้างพระมหาเจดีย์ถวายพุทธบูชา ตั้งงบประมาณ 30 ล้านบาท ณ วัดบัลลังก์  และหลังเวลา 13.00 น.เริ่มพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร อธิฐานจิตอิติปิโส 108 โดยหลวงพ่อคูณ วัดบัลลังก์ประธาน คณะศิษยานุศิษย์ที่ร่วมงานจำนวนมาก เสริมชะตาบารมีท่านและครอบครัวในโอกาสนี้  และเวลา 14.00 น. พิธีเททองหล่อพระประธาน “หลวงพ่อมหาลาภ”

ในครั้งนี้ ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ ได้มอบปัจจัยร่วมสร้าง มหาเจดีย์ 100,000 บาท และพุทธศาสนิกชน สามารถร่วมทำบุญบริจาค ติดต่อวัตถุมงคลได้ที่ วัดบัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา

เด็กและเยาวชน สถานพินิจฯโคราช เข้ารับมอบทุนจากมูลนิธิพัฒนาเครือข่ายสุขภาพ สำนักงานภาคอีสาน

วันที่ 14 ธันวาคม 2563 ณ โรงพยาบาล ป.แพทย์ 1 ชั้น 12 นายคมกฤษ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา เป็นผู้แทนนำเด็กและเยาวชน ภายในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จ.นครราชสีมา และ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.นครราชสีมา เข้ารับทุนเพื่อการศึกษา และใช้ในชีวิตประจำวัน

ในโครงการ มอบทุนการศึกษาและทุนยังชีพช่วยเหลือเด็กและเยาวชนด้อยโอกาส และมีความเปราะบางในการดำเนินชีวิต ประจำปี 2563 จากมูลนิธิพัฒนาเครื่องข่ายสุขภาพ (Health Net) สำนักงานภาคอีสาน โดยเงินทุนทั้งหมดได้มาจากการตั้งกล่องบริจาค รวมทั้งสิ้น 11 จังหวัดในภาคอีสาน และภาคีเครือข่ายที่ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาในครั้งนี้

บ.คาร์กิลล์มีทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เดินหน้าช่วยเหลือสังคม ด้านการเยียวยาน้ำท่วม และการส่งเสริมสุขภาพของเด็กและเยาวชน

บ.คาร์กิลล์มีทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เดินหน้าช่วยเหลือสังคม ด้านการเยียวยาน้ำท่วม และการส่งเสริมสุขภาพของเด็กและเยาวชน โดยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คณะผู้บริหาร บริษัท คาร์กิลล์มีทส์ (ไทยแลนด์)จำกัด นำโดยคุณกัญญา บุญศรี ผู้อำนวยการฝ่ายผลิต คุณอดุลย์ สังข์บุญลือ ผู้อำนวยการสนับสนุนและบริการพนักงาน ร่วมกับส่วนราชการนำโดยนายธงชัย โอฬารพัฒนะชัย นายอำเภอโชคชัย และทีมผู้นำชุมชน ได้ลงพื้นที่มอบผลิตภัณฑ์ไก่และไข่จำนวน 3,000 กิโลกรัม เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลกระโทก ตำบลพลับพลา ตำบลท่าลาดขาว ตำบลโชคชัย อำเภอโชคชัย และเขตอำเภอปักธงชัย ร่วมไปถึงจุดบริการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ เพื่อใช้สำหรับปรุงอาหารช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ รวมกว่า 950 ครัวเรือนที่ได้รับการช่วยเหลือครั้งนี้

นอกจากนี้ยังสนับสนุนถุงยังชีพจำนวน 300 ชุด ให้กับพนักงานและชุมชนโดยรอบโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้อีกด้วย นอกจากนี้ เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท คาร์กิลล์มีทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมมือกับองค์กรช่วยเหลือเด็ก (Save the Children) จัดการประชุมเปิดตัวโครงการหนูน้อยสดใส ใส่ใจสุขภาพ (50 Healthy School Project) โดยได้รับเกียรติจากนายสง่า จันทร์วิเศษ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมาเขต 2 เป็นประธานในพิธีเปิดการจัดประชุมเพื่อเริ่มขยายโครงการไปยัง 19 โรงเรียน จำนวนน้องๆ 1,900 คนในจังหวัดนคราชสีมา โดยเชิญผู้อำนวยการ 6 โรงเรียนต้นแบบ (Model School) ที่ได้ดำเนินการโครงการมาก่อนหน้า มาพูดถึงเกี่ยวกับความสำเร็จและผลที่ได้รับจากโครงการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมถึงการบรรยายเรื่องกิจกรรมในโครงการ ชุดเครื่องมือและสื่อการเรียนการสอนของโครงการ โดยโครงการหนูน้อยสดใส ใส่ใจสุขภาพ ดำเนินกิจกรรมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 จนถึง กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมโภชนาการแก่เด็กวัยเรียนอายุ 7-14 ปี ใน 50 โรงเรียนในจังหวัดสระบุรีและจังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งสิ้นกว่า 5,000 คน

อพท. ต่อยอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม นำร่องเปิดตัว 10 กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ใน 3 จังหวัดแดนอีสานใต้

อพท. ต่อยอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม นำร่องเปิดตัว 10 กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ใน 3 จังหวัดแดนอีสานใต้

วันที่ 9 ธันวาคม 2563 ที่ โรงแรมสีมาธานี จังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดตัวกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์จากฐานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โดยมี ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ  รักษาการแทนผู้อำนวยการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมด้วย นายพลากร บุปผาธนากร ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และรักษาการผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 2 อพท. ให้การต้อนรับ โดยมีกลุ่มภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอีสานใต้ร่วมออกบูทและแสดงผลงานกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์อีกด้วย

ทั้งนี้  ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ รักษาการแทนผู้อำนวยการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษฯ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายที่มอบหมายให้ สำนักงานพื้นที่พิเศษ 2 ไปดำเนินการสำรวจศักยภาพและความโดดเด่นทางวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของแต่ละพื้นที่ เพื่อนำมายกระดับเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่เน้นการมีส่วนร่วม 

ทางด้าน นายพลากร บุปผาธนากร ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์ (อพท.2) ได้กล่าวถึงกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ที่จัดขึ้นในพื้นที่ อีสานใต้ 3 จังหวัดแรก ประกอบด้วย  นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ โดยที 10 กิจกรรม คือ 1.) เพลงโคราช 2.) รำโทนพันปี 3.)เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน 4.)ผ้าภูอัคนี 5.)ผ้าไหมหางกระรองคู่ตีนแดง 6.)นวดไทยคลายเส้น 7.)วิถีคนเลี้ยงช้าง 8.)เรียนรู้วัฒนธรรมชาวกูย 9.)ศิลปะการแสดงกะโน้บติงตอง 10.)การแสดงกันตรึม

โดยกิจกรรมทั้งหมดนี้ จะถูกคัดเลือกเพื่อมาต่อยอดเข้าสู่กระบวนการของโครงการต่อไป

“ศรัทธาสร้างบารมีหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน”เพื่อมอบทุนช่วยเด็กและเยาชน


พระครูนิวิฐ ปุญญากร (หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม) วัดธารทหาร (ห้วยด้วน) เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2465 ที่บ้านสระทะเล เป็นบุตรของพ่อพุด แม่แก้ว ก้อนจันทร์เทศ มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน โดยหลวงพ่อพัฒน์เป็นบุตรคนที่ 2 และมีศักดิ์เป็นหลานหลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล
เมื่ออายุได้ 9 ขวบ หลวงพ่อพัฒน์ได้ติดตามบิดา ไปช่วยหลวงพ่อเดิมสร้างวัดหนองหลวง อยู่จนอายุ 13 ขวบ ได้กลับมาอยู่วัดสระทะเลกับหลวงลุงหมึก ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติหลวงพ่ออีกองค์ ในระหว่างที่อยู่วัดหนองหลวงและวัดสระทะเล ท่านได้ร่ำเรียนวิชาจากหลวงพ่อเดิมและหลวงพ่อเทศน์วัดสระทะเล เมื่อครั้งได้เกณฑ์ทหาร หลวงพ่อได้เป็นทหารช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา เมื่อพ้นการเกณฑ์ทหาร หลวงพ่อได้บวชเมื่อปี พ.ศ.2488 ที่วัดสระทะเล โดยมีพระอุปัชฌาย์ พระธรรไตรโลกาจารย์ (เจ้าคุณยอด วัดเขาแก้ว) พระคู่สวดหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว และอธิการชั้ววัดสระทะเล ในช่วงเวลานี้หลวงพ่อก็ได้ไปกราบขอคำชี้แนะจากหลวงพ่อเดิมเสมอเพราะไม่ไกลกัน เมื่อบวชได้ 5 พรรษา หลวงพ่อได้เดินทางไปหาหลวงพ่อซวงวัดชีปะขาว จังหวัดสิงห์บุรี และได้ไปเรียนทางธรรมบางพลีเพิ่มเติมที่วัดพระบาททุ่งยั้ง จังหวัดอุตรดิตถ์ หลวงพ่อได้ใฝ่เรียนรู้วิชา และได้มาอยู่ที่วัดห้วยด้วน เมื่อปี พ.ศ.2510 โดยการนิมนต์ของกำนันผล ซึ่งเป็นกำนันในสมัยนั้น และได้อยู่ที่วัดจนถึงทุกวันนี้ เป็นมิ่งขวัญของชาวหนองบัว และพื้นที่ใกล้เคียง


ด้วยดำริของหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม ให้จัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อนำรายได้มาช่วยเหลือสังคม เด็ก และเยาวชน ดังนั้น คณะศิษย์ กรรมการวัด นำโดย ส.อ.คิมหันต์ ตลับนาค ได้รับการปรึกษาและร่วมกับ นายฐิติรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ นายกสมาคมนักข่าว จังหวัดนครราชสีมา และรองประธานสงเคราะห์เด็กและเยาวชนสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา เพื่อความต้องการ การสนับสนุนสงเคราะห์เด็กขาดโอกาสทางการศึกษาและเปิดโอกาสทางสังคม จึงมีแนวทางจัดสร้างวัตถุมงคล เรียกว่า “รุ่นสร้างบารมี” หรือที่หลายคนเรียกว่าพระขุนแผน (พระพุทธในซุ้มเรือนแก้ว) เป็นพระขุนแผนน้ำหมากที่มีคราบน้ำหมากแท้ ๆ ของหลวงพ่อทาที่หน้าพระทุกองค์ ซึ่งคำหมากของหลวงพ่อ เป็นที่ต้องการของประชาชนมาก บางท่านเข้าไม่ถึง บางท่านไม่มีโอกาสแม้กระทั้งจะได้คำหมากของหลวงพ่อ และให้การจัดสร้างครั้งนี้ เราใช้มวลสารที่เป็นธรรมชาติ เพื่อให้รู้ว่าหลวงพ่อคือพระธรรมดา แต่ท่านมีเจตนาที่จะทำให้สังคมดีขึ้น อยากช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะเรื่องทุนการศึกษา”
โดยการจัดสร้างวัตถุมงคล “รุ่นสร้างบารมี” นี้ มีวัตถุประสงค์

  1. เพื่อมอบเงินทุนฝึกอาชีพและพัฒนาการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนภายในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาชนเขต 3 ( นครราชสีมา – บุรีรัมย์ – สุรินทร์ – ชัยภูมิ – สระบุรี)
  2. เพื่อมอบทุนการศึกษาให้เด็กและเยาวชนภายในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา
  3. เพื่อจัดหารายได้ส่วนหนึ่งถวายแด่หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม เพื่อทำนุบำรุงวัดธารทหาร (ห้วยด้วน) จังหวัดนครสวรรค์
    ทั้งนี้ นายคมกฤษณ์ แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา ได้กล่าวว่า “ปัจจุบันปัญหาเด็กและเยาชน ไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของสังคม และชุมชน ฉะนั้นจึงอยากเรียนเชิญผู้ที่มีจิตใจที่เป็นกุศลมาช่วยเหลือกันเพียงคนละเล็กคนละน้อย เพื่อหางบประมาณส่วนนี้มาแก้ไข บำบัด ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่อยู่ภายในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จังหวัดนครราชสีมาแห่งนี้
    โดยในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 ได้รับเมตตาจากสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (เจ้าคุณธงชัย)เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ประธานพิธีพุทธาภิเษกร่วมกับหลวงพ่อพัฒน์ และคณะเกจิรวม 21 รูป พุทธาภิเษกพระขุนแผน “รุ่นสร้างบารมี”พิมพ์นำฤกษ์ และวัตถุมงคลผ้ายันต์ รอยมือ และผ้าหมื่นยันต์ร่วมมหาพิธีมงคลพุทธาภิเษกที่ผ่านมา และพระขุนแผนพุทธาภิเษกอีกวาระในวันที่ 15 ธันวาคม 2563
    โดยรูปแบบการดำเนินการ
  • จัดกองทุนผ้าป่าการศึกษาจัดสร้างวัตถุมงคล
    ** “พระขุนแผน รุ่น สร้างบารมี” หลวงพ่อพัฒน์ (เนื้อผงทาน้ำหมาก + แปะจีวร ,ชาญ
    หมากหลวงปู่ บูชาทั่วไป องค์ละ 100 บาท) จำนวน 9,999 องค์
    ** ชุดกรรมการสร้าง 199 ชุด ชุดละ 999 บาท (ลงยา + แปะทองคำแท้ + ฝังตะกรุดทอง)
  • ผ้าหมื่นยันต์ “รุ่น พรหลวงพ่อพัฒน์” (ผ้าแคนวาสและกระดาษ) จำนวน 999 ผืน
  • ผ้ายันต์รอยมือหลวงพ่อพัฒน์ จำนวน 9,999 ผืน

จัดสร้างตามดำริหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม วัดธารทหาร (ห้วยด้วน) จังหวัดนครสวรรค์ โดยคณะศิษย์วัดจัดสร้าง เพื่อสร้างบารมีหลวงพ่อพัฒน์ โดยกำหนดพระขุนแผน จัดออกให้บูชา วันที่ 15 ธันวาคม 2563 นี้ เปิดจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0863604625 และ 0947849877