Appropriate Technology Matching Day 2024

กระทรวง อว. หนุน บพท. ร่วมกับเครือข่าย มรภ.และ มทร.ทั่วประเทศ จัดแสดงผลงานเทคโนโลยีพร้อมใช้ เกือบ 2,300 ผลงาน จากภูมิปัญญานักวิจัยไทย ในงาน“Appropriate Technology Matching Day 2024” 4 ภูมิภาค ปูรากฐานสำคัญของการพึ่งพาตัวเองด้านเทคโนโลยี และขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวข้ามกับดักความยากจน ไปสู่ความมั่นคง-มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน 

       กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย น.ส. ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีกระทรวง อว. มีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดนำเทคโนโลยีพร้อมใช้ จำนวน 2,289 ผลงาน ไปช่วยชุมชน โดยให้หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ขับเคลื่อนงานดังกล่าว โดยมีเป้าหมายในระยะถัดไปที่จะเปิดตัว Technology and Innovation Library ซึ่งจะเป็นระบบรวบรวมข้อมูลฝั่งชุมชนกับข้อมูลเทคโนโลยีพร้อมใช้ รวมทั้งข้อมูลนวัตกรชุมชนให้เกิดการขยายผลไปทั่วประเทศ

     ดร.กิตติ  สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 9-24 พฤษภาคมนี้ บพท.จะร่วมกับเครือข่าย มรภ. 38 แห่งและเครือข่าย มทร. 9 แห่งทั่วประเทศ จัดแสดงผลงานการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพร้อมใช้ ใน 4 ภูมิภาค ภายใต้ชื่องาน “เทคโนโลยีพร้อมใช้ เพื่อชุมชนไทยยั่งยืน” หรือ “Appropriate Technology Matching Day 2024” ครอบคลุมทั้งภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง เพื่อให้ผู้สนใจทุกภาคส่วนได้รับชมและนำไปต่อยอดขยายผลการใช้ประโยชน์ในวงกว้าง

       โดยกำหนดจัดขึ้นครั้งแรกที่ภาคใต้ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำหรับครั้งที่ 2 โซนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดขึ้นที่โรงแรมดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ มุ่งเน้นการถ่ายทอดและจับคู่นวัตกรรมพร้อมใช้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นผลงานวิจัยคัดสรรมาจัดแสดงและเปิดพื้นที่การเรียนรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มคนจนฐานราก เกษตรกร กลุ่มอาชีพ และผู้ประกอบในพื้นที่ ได้พบปะกับนักวิจัยของ 2 เครือข่ายมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย มรภ.ในภาคอีสาน ทั้ง 11 แห่ง ได้แก่  มรภ.มหาสารคาม สุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ นครราชสีมา สกลนคร อุบลราชธานี  เลย อุดรธานี ศรีษะเกษ ร้อยเอ็ด และเครือข่าย มทร. 5 แห่ง ได้แก่        วิทยาเขต นครราชสีมา ขอนแก่น สุรินทร์ สกลนคร และร้อยเอ็ด

        ภายในงานมีการแสดงเทคโนโลยีพร้อมใช้ 70 ผลงาน จากเครือข่ายมหาวิทยาลัยมทร.และมรภ. ซึ่งมีการเชื่อมโยงการใช้งานจริงกับ 13 กลุ่มวิสาหกิจชุมชมและผู้ประกอบการในชุมชน ขณะที่มีผู้เข้าร่วมงานในวันนี้ที่มีส่วนร่วมกันคิดค้นและประมวลองค์ความรู้ให้ตรงกับโจทย์ปัญหาและความต้องการที่เหมาะสมกับภูมิสังคมเศรษฐกิจของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมจำนวนกว่า 400 คน  โดยประเภทของเทคโนโลยีพร้อมใช้ มีด้วยกันหลายประเภท อาทิ นวัตกรรมอาหารสัตว์ชุมชน จากเศษวัสดุการเกษตรที่เป็นฐานทรัพยากรในท้องถิ่น ระบบการนึ่งข้าวฮางประสิทธิภาพสูงด้วยไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวมวลเครื่องคัดแยกเมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกคุณภาพสูง เทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการผลิตเส้นไหมและการเตรียมเส้นไหม เครื่องผลิตเส้นไหมพุ่งแบบครบวงจร ระบบการบริหารจัดการน้ำแบบอัตโนมัติ ตู้ควบคุมอัตโนมัติสำหรับเกษตรแปลงใหญ่ รวมไปถึงกระบวนการบริหารจัดการเกษตรแปลงใหญ่ ที่ประสบความสำเร็จในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ฯลฯ ซึ่งจะกระตุ้นและจุดประกายความคิดให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ รวมทั้งเกิดการจับคู่นำเทคโนโลยีพร้อมใช้กว่า 200 คู่นวัตกรรม ที่สามารถนำไปต่อยอด ตอบสนองความต้องการของชุมชน นำมาใช้จัดการปัญหาสำคัญในชุมชน หรือการสร้างโอกาสใหม่ในชุมชนหรือพื้นที่

         “งานเทคโนโลยีพร้อมใช้ เพื่อชุมชนไทยยั่งยืน นอกเหนือจะมีขึ้นที่ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ยังจะมีขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 21 พฤษภาคม และในพื้นที่ภาคกลาง ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ กรุงเทพฯ ในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้” 

          ผู้อำนวยการ บพท.กล่าวว่า งานแสดงเทคโนโลยีพร้อมใช้ เพื่อชุมชนไทยยั่งยืน จะเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และพึ่งพาตัวเองด้านเทคโนโลยีของประเทศไทย จากภูมิปัญญาการศึกษา ค้นคว้า วิจัยและพัฒนาของนักวิจัยในสถาบันอุดมศึกษา โดยมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมพร้อมใช้ที่เหมาะสมเป็นเครื่องมือ และมีกลไกกระบวนการความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายในพื้นที่เป็นพลังขับเคลื่อน เพื่อนำสู่เป้าหมายการพัฒนาคน พัฒนาพื้นที่ ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างความอยู่ดีกินดีแก่ประชาชน และสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชนในแต่ละพื้นที่ ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ

งานแถลงข่าวเศรษฐกิจอีสานสัญจร ณ จ.นครราชสีมา ปี 2567

      วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมโคราช 2 โรงแรมเซ็นทารา จังหวัดนครราชสีมา ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) ได้จัดงานแถลงข่าวเศรษฐกิจภาคอีสาน ประจำไตรมาส 1 ปี 2567 หัวข้อ เหลียวหลัง…แลหน้า…เศรษฐกิจการเงินอีสาน

โดยเป็นการแถลงข่าวสัญจรครั้งแรก สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ บทบาทหน้าที่ของ ธปท. ภาคอีสาน ได้แก่

1) จับชีพจรเศรษฐกิจการเงินในพื้นที่ รับฟังและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน 

2) สร้างองค์ความรู้วิชาการเพื่อตอบโจทย์ในพื้นที่

3) ผลักดันนโยบาย ธปท. ให้กับพื้นที่

4) เป็นตัวกลางความร่วมมือกับทุกภาคส่วน

5) สนับสนุนให้คนอีสานมีความรู้ทางด้านการเงินและเท่าทันภัยการเงิน โครงสร้างเศรษฐกิจภาคอีสาน

 

1) ภาคเกษตรเป็นเส้นเลือดหลักของคนอีสาน มีแรงงานในภาคนี้ถึงร้อยละ 53 ของผู้มีงานทำในภาคอีสาน ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมีแรงงานเพียงร้อยละ 7

2) ภาคเกษตรส่วนใหญ่พึ่งฟ้าพึ่งฝน และความสามารถในการทำเกษตรลดลง 

3) รายได้ไม่เพียงพอรายจ่ายในภาคครัวเรือน นำไปสู่ปัญหาหนี้ จากโครงสร้างดังกล่าวจึงทำให้เศรษฐกิจภาคอีสานต่างจากประเทศ 

 

         ปี 2566 เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวจากการบริโภคและท่องเที่ยว ขณะที่เศรษฐกิจภาคอีสานหดตัว ตามการบริโภคจากรายได้ที่ลดลงทั้งในและนอกภาคเกษตร หมดมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ และค่าครองชีพยังอยู่ในระดับสูง แม้การท่องเที่ยวฟื้นตัวแต่ช่วยสนับสนุนได้น้อยเพราะมีเพียงไม่เกินร้อยละ 3 ของเศรษฐกิจ เศรษฐกิจภาคอีสาน โดยภาพรวมเศรษฐกิจ ไตรมาส 1 ปี 2567 อ่อนแรงต่อเนื่องจากปี 2566 จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐลดลง ค่าครองชีพในสินค้าหมวดอุปโภคบริโภคยังอยู่ในระดับสูง และตลาดแรงงานอ่อนแอลงจากผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรลดลง 

         นอกจากนี้ ยังเห็นสัญญาณเปราะบางต่อเนื่องจากปี 2566 และกำลังซื้อมีความเปราะบางมากขึ้น ในหมวดสินค้าคงทนโดยเฉพาะรถกระบะหดตัวสูง และยอดขายบ้านในระดับกลางและล่างลดลงต่อเนื่อง จากรายได้ที่ลดลง รวมทั้งความระมัดระวังในการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน อย่างไรก็ดี มีปัจจัยช่วยพยุงการบริโภคได้บ้างจากผลของราคาผลผลิตเกษตรที่ดี และการท่องเที่ยวที่มีผู้เยี่ยมเยือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2566

         ระยะถัดไป เศรษฐกิจภาคอีสานคาดว่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัว จากงบประมาณภาครัฐปี 2567 ที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งคาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้หลังไตรมาส 2 ทำให้ภาคการค้า การก่อสร้างตามการลงทุนของรัฐเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 รายได้เกษตรกระจายตัวมากขึ้นจากผลดีของภัยแล้งที่คลี่คลายในช่วงหลังของปี 2567 คาดว่าจะส่งผลดีต่อผลผลิตข้าว การผลิตเพื่อการส่งออกในหมวดอาหารแปรรูปและเครื่องแต่งกายมีแนวโน้มฟื้นตัวดี และการท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหม่ ๆ เข้ามากระจายหลายจังหวัดเพิ่มมากขึ้น

โคราชบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน 73 รูป เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

โคราชบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน 73 รูป   เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  6  รอบ  28  กรกฏาคม  2567

วันนี้(22เมย67) ที่วัดดอนขวาง  ตำบลหัวทะเล  อำเภอเมือง  จังหวัดนครราชสีมา  นายชัยวัฒน์  ชื่นโกสุม  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา  พร้อมด้วยนางยลดา  หวังศุภกิจโกศล  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา  ร่วมกันเป็นประธานฝ่ายฆราวาส  ในพิธีบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน  เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  6  รอบ  28  กรกฏาคม  2567

โดยมีพระครูปริยัติธรรมภาณี  รองเจ้าคณะอำเภอเมืองนครราชสีมาและเจ้าอาวาสวัดดอนขวาง  เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  และมีส่วนราชการ ประชาชนร่วมในพิธี

สำหรับโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 73 คน ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่  20 เมษายน – 6 พฤษภาคม 2567  รวมทั้งสิ้น 17 วัน

เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  รวมถึงเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความจงรักภักดี ความกตัญญูกตเวที สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และได้รับความรู้ในเรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อเป็นการพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีมีคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรม ตลอดจนบิดามารดา ผู้ปกครองและพุทธศาสนิกชน ได้มีโอกาสร่วมบำเพ็ญกุศล เกิดความรัก ความผูกพัน ความใกล้ชิดกับวัดและศาสนา รวมถึงการสร้างความรักและความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

คว้าแชมป์ไทยลีก2​ สวาทแคท นครราชสีมา

#คว้าแชมป์ไทยลีก2 #สวาทแคท  #กลับขึ้นสู่ลีกสูงสุด “สวาทแคท” นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เปิดบ้านชนะ หนองบัว พิชญ พร้อมคว้าแชมป์ไทยลีก 2 และกลับสู่ลีกสูงสุดโดยใช้เวลาเพียงซีซั่นเดียว

วันที่ 20 เมษายน 2567 เวลา 18.30 น. ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 2 ฤดูกาล 2023/24 นัดรองสุดท้ายของฤดูกาล  “สวาทแคท” นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ทำศึกอีสานดาร์บี้ เปิดบ้านพบ “พญาไก่ชน”หนองบัว พิชญ เอฟซี 

ท่ามกลางแฟนบอลที่มาเชียร์เต็มความจุสนามกว่า 24,500 คน ซึ่งคู่นี้นั้นจับมือกันเลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติสู่ไทยลีกไปแล้ว โดยเป็นการแย่งแชมป์ ปรากฏว่า นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี โชว์ฟอร์มได้เหนือกว่า ชนะไป 3-0  โดยได้ประตูจาก เดย์วิสัน เฟอร์นานเดส 2 ประตู และณัฐวุธ เจริญบุตร 

ส่งผลให้คว้าแชมป์ไทยลีก 2 ฤดูกาลนี้ไปครองแม้จะเหลือการแข่งขันนัดสุดท้ายในการไปเยือน จันทบุรี เอฟซี ก็ตามเนื่องจาก นครราชสีมา มีผล Head To Head ที่ดีกว่า หนองบัว พิชญ และถือเป็นแชมป์แรกในรอบ 10 ปี สำหรับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และหนองบัว พิชญ เอฟซี  เพิ่งตกชั้นจากไทยลีก 1 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

โดยหลังจบเกม “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นผู้มอบถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล 5 ล้านบาท.

แห่พระคันธารราฐ​ ลอดซุ้มประตูชุมพล​ ลานอนุสาวรีย์​ท้าว​สุ​ร​นารี​ กลับวัดพระนารายณ์​มหาราช​วรวิหาร​ เนื่องในงาน “มหาสงกรานต์โคราช” ประจำปี ๒๕๖๗

วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

เปิดงานโดยนายสุวัจน์  ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา กล่าวรายงาน  นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวอวยพรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ไทย  นายไชยนันท์ แสงทอง วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา อ่านประกาศสงกรานต์ ปีพุทธศักราช ๒๕๖๗ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ

พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา เข้าร่วมขบวนแห่ จับผ้าเงิน ผ้าทอง ความยาว  ๕๕๖ เมตร ลอดประตูชุมพล  กลับไปยังวัดพระนารายณ์มหาราช

 

แถลงข่าวการจัดงานแห่พระลอดซุ้มประตูเมือง “ มหาสงกรานต์โคราช ” ประจำปี 2567

วันพุธที่ 10 เมษายน 2567 โดยมี นายชัยวัฒน์  ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานในพิธี ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร อ.เมือง จ.นครราชสีมา 

ขอเชิญชวนประชาชน และพี่น้องชาวโคราชทุกท่านร่วมงานแห่พระลอดซุ้มประตูเมือง ตั้งแต่เวลา  16.00 น.เป็นต้นไป 

วันที่ 12 เมษายน 2567 

– เวลา 09.00 น. ณ วัดพระนารายณ์มหาราช วรวิหาร กิจกรรมการประกวดก่อเจดีย์ทราย

– เวลา 17.00 น. พิธีอัญเชิญพระคันธารราฐออกจากพระเจดีย์ และแห่อัญเชิญพระอันธาราฐเคลื่อนตามเส้นทางถนนจอมพลเลี้ยวซ้ายเข้าถนนชุมพล เลี้ยวขวาเข้าถนนมหาดไทย ถึงแยกถนนราชดำเนิน ไปลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี 

– เวลา 18.00 น.ณ ลานอนุสาวรีย์ท้านสุรนารี พิธีสมโภชพระคันธารราฐ สวดมนต์เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ สรงน้ำพระคันธารราฐ และเขียนคำอธิษฐานบนผ้าทองผ้าเงิน ฯลฯ

 15 เมษายน 2567

ชมกิจกรรมการประกวดรำวงย้อนยุค อุโมงค์น้ำพุ การแสดงดนตรีจากรายการชิงช้าสวรรค์ วงลำตะคอง และโรงเรียนมัธยมด่านขุนทด  

ณ  บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

โคราชประกอบพิธีตักบาตรพระสงฆ์10,000 รูป ทำบุญเมืองครบรอบ 556 ปี

โคราชประกอบพิธีตักบาตรพระสงฆ์10,000 รูป ทำบุญเมืองครบรอบ 556 ปี

วันนี้ (2 มี.ค.67) เวลา 06.00 น. ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา  พระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสบึง พระอารามหลวง ประธานสงฆ์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานฝ่ายฆราวาสและพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา นับหมื่นคน  ร่วมกันตักบาตรพระสงฆ์ 10,000 รูป สมโภชเมืองนครราชสีมา 556 ปี

ถวายเป็นพุทธบูชา น้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผู้สถาปนาเมืองนครราชสีมา และอุทิศส่วนกุศลแด่ท้าวสุรนารี วีรสตรีเมืองโคราช 

ภายในงานพุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันกล่าวคำแสดงตนเป็นพุทธมามกะ อาราธนาศีล 5 บำเพ็ญทักษิณานุปทาน ทอดผ้าบังสุกุล คณะสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์สมโภชเมืองนครราชสีมา จากนั้นเป็นพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 10,000 รูป

เพื่อนำข้าวสารอาหารแห้งที่ได้จากการบิณฑบาตในครั้งนี้ไปบรรเทาความเดือดร้อนของคณะสงฆ์ 323 วัดใน 4 จังหวัดภาคใต้ พร้อมทั้งช่วยเหลือครูและทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้ และมอบช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาที่ประสบความเดือดร้อนจากภัยต่างๆ เป็นสาธารณะสงเคราะห์ 

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเปิดเผยว่า งานตักบาตรพระหมื่นรูป ทำบุญเมืองนครราชสีมา เป็นการปลูกฝังคุณธรรม ความกตัญญูแก่เยาวชนลูกหลานชาวโคราช เป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา รักษาประเพณีอันดีงามของชาวพุทธ

อีกทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมา ผมขอกราบขอบพระคุณคณะสงฆ์ทุกรูปที่เมตตามาเป็นเนื้อนาบุญ ขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคีเครือข่าย เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครทุกฝ่ายที่ให้การสนับสนุนในการจัดงานครั้งนี้ ขออนุโมทนาบุญกับผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ทำให้เกิดภาพประวัติศาสตร์ที่งดงามของจังหวัดนครราชสีมาในวันนี้

งานแถลงข่าว เดิน วิ่ง ปั่น ฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี TOUR OF KORAT # 9

งานแถลงข่าว เดิน วิ่ง ปั่น ฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารีTOUR OF KORAT # 9

วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 14.00 น. ณ บริเวณ Mall Parc ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช ได้มีการจัดให้มี การแถลงข่าว งานเดิน วิ่ง ปั่น ฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี หรือ TOUR OF KORAT ครั้งที่ 9 ประจำปี 2567 จะจัดขึ้น ในวันอาทิตย์ ที่ 31 มีนาคม 2567

 

โดยได้รับเกียรติจาก นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย นายชนม์บันลือ  วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา  นายวีระชาติ  ทุ่งไผ่แหลม นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครราชสีมา  นายชาญชัย  บัวสรวง  ประธานสโมสรกีฬาจักรยาน จังหวัดนครราชสีมา นายมนตรี จงวิเศษ นายกสมาคมศิษย์เก่าศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา นายปรีชา ลิ้มอั่ว  ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด และนายเอกภพ โตมรศักดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวทะเล

 งานเดิน วิ่ง ปั่น ฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี หรือ TOUR OF KORAT ครั้งที่ 9 ประจำปี 2567 จัดขึ้นเพื่อร่วมฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นระยะเวลากว่า 9 ปี ในห้วงระหว่างวันที่ 23 มีนาคม ถึง 3 เมษายน ของทุกปี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬากระตุ้นการท่องเที่ยวรวมทั้งเศรษฐกิจของจังหวัดนครราชสีมา  และเนื่องด้วย TOUR OF KORAT พิเศษปีนี้คณะทำงานได้ขยายโอกาสให้กลุ่มผู้รักสุขภาพได้ร่วมกิจกรรมการแข่งขันประเภทต่าง ๆ แล้วยังมีกิจกรรมส่งเสริมกีฬาเชิงท่องเที่ยวเมืองอีกด้วย โดยเฉพาะเส้นทางจักรยานเที่ยวชมแหล่งโบราณอนุรักษ์ระยะทาง 14 ก.ม. ชมวัด 2 แห่ง ( วัดดอนขวาง , วัดตะคองเก่า ) ให้คนต่างจังหวัดและคนในจังหวัดได้ร่วมอนุรักษ์ส่งเสริมท่องเที่ยวกันต่อไป  

 จังหวัดนครราชสีมายินดีร่วมส่งเสริมทางผู้จัดจึงได้ร่วมกับเทศบาลตำบลหัวทะเล ใช้สถานที่ ตลาดน้ำบึงหัวทะเลเป็นสถานที่จัดงาน และเพิ่มกิจกรรม เดิน วิ่ง เข้ามาเพื่อเป็นการขยายโอกาสให้กับนักกีฬาที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยรูปแบบกิจกรรมการแข่งขันประกอบด้วย การเดิน วิ่ง 2 ระยะทาง 6 กิโลเมตร และ10 กิโลเมตร ปั่นจักรยานใจเกินร้อย 2 ระยะทาง 14 กิโลเมตร และ 60 กิโลเมตร  โดยมีค่าสมัคร รุ่นทั่วไป 499 บาท และ VIP 900 บาท ผู้สมัครจะได้รับเสื้อ เหรียญรางวัลและชิงถ้วยรางวัลจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นอกจากนี้ ยังมีรางวัลประเภทประกวดแฟนตาซีงานเดิน-วิ่งประเภทบุคคล 10 รางวัล และประเภททีม 2 คนขึ้นไป 10 รางวัล  รางวัลประเภททีมจักรยานอีก 30 รางวัล

  ผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 5 มีนาคม 2567 ที่ สโมสรกีฬาจักรยานจังหวัดนครราชสีมา เทศบาลตำบลหัวทะเล และเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ชั้น 1 เดอะมอลล์โคราช หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  หมายเลขโทรศัพท์ 082-7987891 และ 044-266667

เดิน วิ่ง ปั่น ฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี 2567 TOUR OF KORAT #9
เดิน วิ่ง ปั่น ฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี 2567 TOUR OF KORAT #9

เดิน วิ่ง ปั่น ฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี 2567 TOUR OF KORAT #9

เดิน วิ่ง ปั่น ฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี 2567 TOUR OF KORAT #9

                             เดิน วิ่ง ปั่น ฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี 2567 TOUR OF KORAT #9  

                                          วัน อาทิตย์ ที่ 31 มีนาคม 2567

ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาร่วมกิจกรรมงานฉลองชัยชนะท้าวสุรนารีประจำปี 2567 ด้วยกีฬาเดิน วิ่ง ปั่น รำลึกวีรสตรีอันยิ่งใหญ่ของคนโคราช เตรียมพบกับเส้นทางวิ่ง – จักรยานสร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมแข่งขันจากทั่วประเทศ พบกับการบริการจากบูธส่งเสริมสุขภาพกว่า 40 บูธ จากภาครัฐและภาคเอกชน

                 ณ ตลาดน้ำบึงหัวทะเล ( เทศบาลตำบลหัวทะเล ) ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา

                      🚩 ประเภทที่เปิดรับสมัคร
🧡 ระยะทาง 5 กิโลเมตร 499 บาท / ปล่อยตัว 05.00 น. / คัตออฟ 2 ชั่วโมง
🧡 ระยะทาง 10 กิโลเมตร 499 บาท / ปล่อยตัว 05.00 น. / คัตออฟ 2 ชั่วโมง

💚 จักรยานใจเกินร้อย ระยะทาง 14 กิโลเมตร 499 บาท / ปล่อยตัว 07.30 น.
💚 จักรยานใจเกินร้อย ระยะทาง 60 กิโลเมตร 499 บาท / ปล่อยตัว 07.15 น.

🚩สมัครออนไลน์ได้ที่ : เพจเดินวิ่งปั่นฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี2567
Line ID : 064-5905878
< ปิดรับสมัคร : วันที่ 5 มีนาคม 2567 หรือจนกว่าจะครบ 1,000 คนแรก >เดินวิ่งปั่นฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี2567

        🏆 รางวัล
กลุ่มอายุ แบ่งประเภทชาย/หญิง
– Over All ไม่จำกัดอายุ , ไม่เกิน 19 ปี , 20-29 ปี , 30-39 ปี , 40-49 ปี , 50-59 ปี , อายุ 60 ปี ขึ้นไป.
ผู้ชนะในกลุ่มอายุ อันดับ 1-3 ชายและหญิง จะได้รับถ้วยรางวัล , เหรียญรางวัลชนะเลิศ 1-5 และเงินรางวัล 500,300,200 บาท 3 อันดับแรกตามลำดับรุ่นทุกรุ่น
– ผู้ชนะในรุ่น Over All ( ไม่จำกัดอายุ ) ชาย/หญิง อย่างละ 1 รางวัล

🏆 ถ้วยรางวัลประเภททีมปั่นอันดับ 1 – 30 ( ประเภททีม 10 คนขึ้นไป )
สโมสรกีฬาจักรยานจังหวัดนครราชสีมา โทร : 082-7987891

🏆 ถ้วยรางวัล แฟนซีประเภทบุคคล อันดับที่ 1 – 10 และประเภททีม อันดับที่ 1 – 10
***ผู้ที่ได้รับรางวัลประเภททั่วไปแล้ว จะไม่ได้รับสิทธิ์ในการรับรางวัลของประเภทรุ่นอายุ

   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
☎️ เบอร์โทร : 064-5905878 , 044-266667

เพจFACEBOOK : เดินวิ่งปั่นฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี2567

พิธีการถวายทุนการศึกษาพระภิกษุ สามเณร ผู้สอบได้ประโยคบาลีสนามหลวง ประจำปี ๒๕๖๖ ของคณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา มหานิกายและธรรมยุต

พิธีการถวายทุนการศึกษาพระภิกษุ สามเณร ผู้สอบได้ประโยคบาลีสนามหลวง ประจำปี ๒๕๖๖ของคณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา มหานิกายและธรรมยุต

วันจันทร์ที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๐๐ น ณ ศูนย์การค้า เทอร์มินอล 21 โคราช อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณ พระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าคณะพระสังฆาธิการเคารพอย่างสูง ทุกรูป และดร.พรพนา แสนการุณ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา นายกพุทธสมาคมอำเภอฯ และผู้นำองค์กรเครือข่าย ตลอดถึงผู้มีเกียรติ   โดยครั้งนี้ พันเอกนเรศ พิลาวรรณ นายกพุทธสมาคมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวรายงานขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูง ที่ให้ความเมตตามาเป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษา ในวันนี้

ทั่วโลกได้ยกย่องประเทศไทยว่า เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก รวมถึงการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่สู่การปฏิบัติของประชาชน สิ่งสำคัญที่จะทำให้การเผยแผ่มีคุณภาพ คือพระภิกษุ สามณร  หากศาสนทายาทเหล่านี้ ไม่มีความรู้ที่ถูกต้องตามหลักคำสอนแล้ว ย่อมจะเกิดความคลอนแคลนแก่พระพุทธศาสนา ก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพระขาดอาจาระที่สมควร หรือพุทธศาสนิกชน ขาดศีลธรรมในจิตใจ

การศึกษาของพระสงฆ์จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยหนุนนำให้พระภิกษุ สามเณร มีคุณภาพ ซึ่งการศึกษาที่มีส่วนสำคัญที่สุดคือ การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ถือเป็นหัวใจของการเป็นพระภิกษุ สามเณร เพราะการศึกษาพระไตรปีฎก พระภิกษุ สามเณร จะต้องมีความรู้ด้านภาษาบาลี โดยคณะสงฆ์ได้สนับสนุนส่งเสริมให้มีการเรียนและการสอน บาลีสนามหลวง ตั้งแต่ ประโยค ๑ – ๒ จนถึงประโยคเปรียญธรรม ๙ ประโยค ในการสร้างคุณภาพของพระภิกษุ สามเณรนั้น พุทธสมาคมจังหวัดนครราชสีมา มีความปรารถนาให้พระภิกษุ สามเณร ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการศึกษาภาษาบาลี เพื่อศึกษาพระไตรปิฎกที่เป็นความรู้ทางธรรมควบคู่กันไป จึงจะเป็นพระดีที่สมบูรณ์ มีความรู้นำไปสั่งสอนพุทธศาสนิกชนได้

พุทธสมาคมจังหวัดนครราชสีมา จึงได้ให้การสนับสนุนส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยการสนับสนุนทุนการศึกษา ถวายแด่พระภิกษุ สามเณร ผู้สอบได้ประโยคบาลี สนามหลวง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นมา เว้นในห้วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด – ๑๙ จำเป็นต้องหยุดไปตามมาตรการของรัฐบาลในปีนี้ ๒๕๖๖ นี้ พุทธสมาคมจังหวัดนครราชสีมา พุทธสมาคมอำเภอฯ ร่วมกับยุวพุทธิกสมาคมจังหวัดนครราชสีมา, มูลนิธิพุทธศาสนาจังหวัดนครราชสีมา , เปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ฯ สาขา จังหวัดนครราชสีมา , สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย สาขานครราชสีมา , ชมรมนักบิณฑ์ภูธรนครราชสีมา สหมิตรเจริญธรรม 19 ตลอดทั้งองค์กรเครือข่ายอื่นๆ จึงได้ร่วมกันจัดการถวายทุนการศึกษาฯ ขึ้น จำนวน ๘๕ ทุน และบาลีศึกษา จำนวน ๖ ทุน การดำเนินการในครั้งนี้ ได้รับความเมตตาเป็นอย่างสูงจาก คณะสงฆ์จังหวัดนครราชสีมา ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช เอื้อเฟื้อสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆตลอดถึง องค์กรเครือข่าย ชมรมฯ สมาชิกฯและประชาชนทั่วไปอย่างดียิ่ง ขออนุโมทนาสาธุในมหากุศลครั้งนี้

บัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว กระผมขอกราบนิมนต์พระเดชคุณท่านได้เมตตากล่าวสัมโมทนียกถา แด่ผู้ถวายทุนการศึกษา และผู้รับทุนการในครั้งนี้ จากนั้นจะได้รับมอบปัจจัย, มอบเกียรติคุณแด่ผู้ถวายทุน และมอบทุนการศึกษาแด่ผู้สอบได้ ประจำปี ๒๕๖๖ ในลำดับต่อไป