“มวลน้ำทะลัก 4 อำเภอ รอบนอกโคราช”

#น้ำท่วมโคราช #มวลน้ำทะลัก 4 อำเภอ รอบนอกโคราช

      วันนี้ (25 ต.ค.2564) ปภ.สาขาชุมพวง จ.นครราชสีมา รายงานสถานการณ์อุทกภัย เนื่องจากลำน้ำมาศล้นตลิ่ง

ได้แก่

    – อ.พิมาย มวลน้ำได้เอ่อล้นเข้าไร่นาและบ้านเรือนประชาชน วัด โรงเรียน

พื้นที่ ม.8 บ้านตะคร้อ

และเข้าท่วมพื้นที่นาข้าว บ้านโนนทะยอม ม.26 ต.โบสถ์

   – อ.ห้วยแถลง มวลน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมถนน บ้านเรือนประชาชน ไร่นา พื้นที่ ม.10 บ้านโนนเพ็ด ต.หลุ่งตะเคียน

   – อ.ชุมพวง มวลน้ำได้ล้นตลิ่ง เข้าท่วมไร่นา ถนน

วัด และบ้านเรือนประชาชน จำนวน 3 หลังคาเรือน พื้นที่บ้านสาหร่าย ม.1 ต.โนนตูม

   ศบก.พิมาย จ.นครราชสีมา รายงานสถานการณ์ น้ำท่วมตำบลชีวาน อำเภอพิมาย ว่า ระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวานอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้

    -บริเวณบ้านดอนเขว้า หมู่ที่ 2 ระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวาน ประมาณ 20 ซม.น้ำลำสะแทด เอ่อเข้าชุมชนถนนในชุมชน

     -บริเวณ ฝายบ้านดอนน้ำซับ หมู่ที่ 8 ระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวาน 20 ซม. น้ำลำสะแทดเอ่อเข้าชุมชน ทางเข้าหมู่บ้านระดับน้ำสูงจากถนน 30-50 ซม.

ถนนระหว่าง ดอนน้ำซับ – คุ้มโนนทอง ระดับน้ำสูงจากถนน 40-60 ซม. ระดับใกล้เคียงกับการท่วมครั้งแรก สัญจรทางเรือและรถทางการเกษตร

     -ลำสะแทดเอ่อล้นโอบล้อมพื้นที่และดันเข้าสู่พื้นที่การเกษตร ระดับน้ำพื้นที่การเกษตรโดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

     -ระดับน้ำบริเวณ คลอง เหมือง สูงขึ้นทุกแห่ง

“แม่ทัพภาคที่2และผู้ว่าโคราช ลงติดตามสถานการณ์น้ำที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา”

…วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ช่วงค่ำที่ผ่านมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พล.ท.สวราชย์  แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 เเละ นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา อีกทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณรอบโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และการเร่งระบายน้ำภายในโรงพยาบาลมหาราช

…ทั้งนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามระดับน้ำภายในโรงพยาบาลและบริเวณรอบอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันน้ำท่วมโรงพยาบาลฯ

“กู้วัดธรรมจักรเสมาราม หรือวัดพระนอนคลองขวาง จากสถานการณ์น้ำท่วมเข้าพื้นที่เขต”

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560 4 เวลา 8:30 น กองพันทหารช่างที่ 3 กองพลทหารราบที่ 3 สังกัดกองทัพภาค 2 ปฏิบัติภารกิจช่วยเร่งด่วนสนับสนุน กู้วัดธรรมจักรเสมาราม หรือวัดพระนอนคลองขวาง จากสถานการณ์น้ำท่วมเข้าพื้นที่เขต ตำบลเสมาอำเภอสูงเนินจังหวัดนครราชสีมา วัดพระนอน กองพัน ทหารช่างที่ 3 กองพลทหารราบที่ 3 จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์จำนวน 4 ชุด เข้ากู้ พื้นที่น้ำท่วม ช่วยเหลือวัดธรรมจักรเสมาราม ได้รับผลกระทบน้ำท่วมสูงซึ่งทำให้เสี่ยงต่อความเสียหายโบราณสถาน ที่มีอายุกว่า 1,300 ปี และเป็นพระนอนที่มีขนาดความยาวที่สุดในประเทศไทย โดยทหารได้ทำการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 12 นิ้วเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่วัดจากเสมารามและได้ จัดกำลังพลเข้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเพื่อเฝ้าระวังและให้ความช่วยเหลือทันทีหากเกิดภัยพิบัติขึ้นจากสถานการณ์ น้ำท่วมได้ดำเนินการแล้วเสร็จ พื้นที่บริเวณวัดและใกล้เคียงโบราณสถาน เข้าสู่สภาพปกติ

ด่วน! โคราช น้ำสูงท่วมรางรถไฟ กุดจิก-โคกกรวด อ.เมือง


ด่วน! โคราช น้ำสูงท่วมรางรถไฟ น้ำไหลแรงพัดหินหายบางช่วงยาวหนึ่งกิโลเมตร รฟท.ประกาศปิดเส้นทาง

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 18 ตุลาคม นายวีระชัย สารรัมย์ นายสถานีรถไฟกุดจิกเปิดเผยว่า ได้รายงานจากสถานีรถไฟกุดจิก อ.สูงเนิน ที่หลักเสาโทรเลขรถไฟ (สทล.) 244/1-245/1 เส้นทางระหว่าง กุดจิก-โคกกรวด อ.เมือง มีปริมาณน้ำท่วมสูงสันรางประมาณ 7 เซนติเมตร และหินทางรถไฟบางช่วงได้ขาดหายไป โดยมีแนวโน้มจะสูงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สาเหตุจากมีน้ำฝนสะสมตกและกระแสน้ำไหลเชี่ยว จึงปิดทางรถไฟดังกล่าวตั้งแต่เวลา 07.18 น.
ทั้งนี้การบรรเทาปัญหาได้จัดรถบัสโดยสารจอดรอรับผู้โดยสารขาขึ้นที่ต้องการเดินทางไปปลายทางสถานีกรุงเทพ ที่บริเวณหน้าสถานีนครราชสีมา เพื่อนำผู้โดยสารไปส่งสถานีสูงเนินและบางขบวนนำไปส่งปลายทาง ส่วนผู้โดยสารขาล่องมุ่งหน้าปลายทางสถานีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดรถบัสจอดรอรับที่บริเวณหน้าสถานีสูงเนิน เพื่อนำมาส่งที่สถานีนครราชสีมา โดยมีขบวนรถไฟรอรับไปส่งสถานีปลายทางต่อไป จึงประกาศแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารทราบถึงอุปสรรคในการเดินทาง

และในช่วง 16.30 น ทางเจ้าหน้าที่ การรถไฟได้ออกสำรวจ รางรถไฟ เพื่อดูระดับน้ำที่ท่วมรางรถไฟเสียหาย ยังมีน้ำท่วมสูงและ ไหลแรงอยู่ยังไม่สามารถซ่อมแซมได้ต้องรอระดับน้ำลดลงเพื่อทำการซ่อมแซม ให้สามารถใช้งานในการเดินรถไฟได้ปกติ

สถานีรถไฟกุดจิก

หนังสือพิมพ์อรัญนิวส์โพสต์

ชมรมข่าวเฉพาะกิจเพื่องานสาธารณภัย
ธวัชชัย เครือบสูงเนิน (ป้องกัน1) บก.ข่าวภาคอีสาน รายงาน

ตำรวจภูธรภาค 3 แถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดของกลาง ยาบ้า 2 ล้านเม็ด ไอซ์ 60 กก. อี 9,000 เม็ด

ตำรวจภูธรภาค ๓ โดย พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ.3 (หน.กม) /รับผิดชอบ ศอ.ปส.(ยาเสพติด), พล.ต.ต.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบช.ภ.3 (หน.สส) และ นายณรงค์ วรหาญ ผอ.สำนักงาน ปปส.ภาค ๓ ,นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งรัดสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ระดมกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนและพื้นที่ชั้นใน และดำเนินการปิดล้อมตรวจค้น และการทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ ดำเนินการสืบสวนจับกุม ขยายผล เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดให้ได้ผลอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง
เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.๓, พ.ต.อ.สมบัติ หงษ์ทอง, พ.ต.อ.ชลาสินธุ์ ชลาลัย, พ.ต.อ.เดชพล เปรมศิริ รอง ผบก.สส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ยุทธพงษ์ รอดนวล ผกก.สืบสวน๑ บก.สส.ภ.๓, พ.ต.ท.ภูมิ ทองโพธิ์ รอง ผกก.สืบสวน ๑ บก.อก.ภ.3 พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กก.สืบสวน ๑ บก.สส.ภ.๓

ร่วมกันจับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา 2 คน ดังนี้
๑) นางประการ หรือ เตี้ย ช่วยแสง อายุ๔๑ ปี ภูมิลำเนา อ.บ้านผือ จว.อุดรธานี
๒) ด.ช.ป้อม (นามสมมติ) อายุ ๑๔ ปี ภูมิลำเนา อ.โขงเจียม จว.อุบลราชธานี
พร้อมด้วยของกลาง
๑) ยาบ้า บรรจุใส่ถุง รวมเป็นมัด ในกระสอบพลาสติก สีขาว จำนวน ๕ กระสอบ รวมจำนวนประมาณ ๑,๙๘๐,๐๐๐ เม็ด
๒) ยาอี ( Ecstasy) ชนิดเม็ดสีส้ม ปั้มรูปอุ้งตีนหมี จำนวนประมาณ ๙,๐๐๐ เม็ด
๓) สารไอซ์ บรรจุในถุงใส่ชาสีเขียวลายผลไม้ จำนวน ๖๐ ถุง น้ำหนักรวมประมาณ ๖๐ กิโลกรัม
๔) รถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สีเทา หมายเลขทะเบียน ผธ ๔๔๓๐ อุบลราชธานี จำนวน ๑ คัน
๕) โทรศัพท์มือถือ จำนวน ๒ เครื่อง

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า สารไอซ์และยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันพยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า สารไอซ์ และยาอี) โดยผิดกฎหมาย”
สถานที่เกิดเหตุ บริเวณจุดกลับรถหน้าร้านธงฟ้ายายฉาตาคิด ถนนมิตรภาพ (ขาขึ้น) ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จว.นครราชสีมา เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ เวลาประมาณ ๐๖.๒๐ น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้สืบสวนทราบว่ามีเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด จะนำยาเสพติดข้ามฝั่งโขงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลำเลียงเข้าสู่กรุงเทพฯ และกระจายยาเสพติดไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยจะลำเลียงผ่านพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ในคืนวันที่ ๓ ตุลาคม 2564 จึงได้นำกำลังเฝ้าจุด และวางแผนเข้าจับกุม ต่อมาสามารถตรวจยึดยาเสพติดได้ที่บริเวณปากซอยไม่มีชื่อริมถนนมิตรภาพ (ขาล่อง) ฝั่งตรงข้ามเยื้องวัดใหม่บ้านดอน ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา จว.นครราชสีมา ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองได้ขับรถหลบหนีในขณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม และสามารถติดตามจับกุมตัวได้บริเวณจุดกลับรถหน้าร้านธงฟ้ายายฉาตาคิด ถนนมิตรภาพ (ขาขึ้น) ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จว.นครราชสีมา และได้ทำการซักถามขยายผลรับว่าได้รับการว่าจ้างมาจากนายสนุ๊ก (ไม่ทราบชื่อจริง) ให้เป็นคนขับรถนำทางทีมขนยาเสพติด ในราคาเที่ยวละ ๖๐,๐๐๐ บาท โดย นางประการฯ เป็นคนขับ ส่วน ด.ช.ป้อม หลานชาย เป็นคนช่วยดูทาง และเป็นผู้ขานตัวเลขหลักกิโลเมตร เพื่อเช็คระยะห่างระหว่างรถนำกับรถที่ขนยาเสพติด ขณะขับรถนำรถขนยาเสพติด สังเกตเห็นการติดตามของเจ้าหน้าที่ จึงให้ทีมขนหลบเข้าซอยทิ้งของไว้ เพื่อขนถ่ายย้ายของเมื่อปลอดภัย เมื่อเข้าใจว่าปลอดภัยแล้วจึงขับรถเข้ามาตรวจสอบย้ายของ จึงถูกเจ้าหน้าที่ติดตามตรวจพบและจับกุมตัวได้ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และชุดจับกุมจะได้ทำการสืบสวนขยายผลถึงเครือข่ายผู้ค้าที่เกี่ยวข้องต่อไป

กองทัพภาคที่ 2 จัดพิธีรับ – ส่งหน้าที่ แม่ทัพภาคที่ 2

กองทัพภาคที่ 2 จัดพิธีรับ – ส่งหน้าที่ แม่ทัพภาคที่ 2 ระหว่าง พลเอก ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม รองเสนาธิการทหาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 กับ พลโท สวราชย์ แสงผล แม่ทัพภาคที่ 2 ท่านใหม่ โดยได้ลงนามในเอกสารรับ-ส่งหน้าที่ฯ ณ ห้องประชุม 1 อาคารกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2
.
จากนั้นได้กระทำพิธีรับ – ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ณ ลานหน้าสโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่ง พลเอก ธเนศฯ ได้กล่าวมอบหน้าที่และการบังคับบัญชา ส่งมอบธงประจำหน่วยให้กับ พลโท สวราชย์ฯ โดยมีหมู่ธงเกียรติยศ จากหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 จำนวน 81 หมู่ธง และคณะข้าราชการกองทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ร่วมในพิธีฯ
.
พลเอก ธเนศฯ รองเสนาธิการทหาร กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทหารของชาติ นับเป็นเกียรติ และความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิต ที่ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ตลอดระยะเวลาของการทำงานรับใช้ประเทศชาติ และดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 มีความมุ่งมั่นในการทำให้กองทัพภาคที่ 2 มีความมั่นคง เข้มแข็ง มีเอกภาพ สามารถหยัดยืนอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรีเป็นสถาบันหลัก ที่พร้อมดูแลความมั่นคงปลอดภัยและแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติตลอดจนเป็นที่พึ่งพาของพี่น้องประชาชน ในทุกๆ สถานการณ์ และเชื่อมั่นว่าแม่ทัพภาคที่ 2 ท่านใหม่ ซึ่งเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยความรู้ ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ ที่จะนำพากองทัพภาคที่ 2 ไปสู่การพัฒนาในทุกๆ ด้าน พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ และภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เพื่อรักษาและเสริมสร้าง รักษาผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนจะปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา กำกับดูแล กำลังพลให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต มีความรักสามัคคี ภายใต้จิตสำนึกและอุดมการณ์ของความเป็นทหารอาชีพ อย่างเต็มความสามารถ
.
พลโท สวราชย์ฯ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า พร้อมที่จะปฏิบัติราชการในตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 อย่างเต็มขีดความสามารถ และพร้อมที่จะปฏิบัติงานร่วมกับเพื่อนทหารทุกนายอย่างจริงจัง และจริงใจ เพื่อให้ กองทัพภาคที่ 2 เป็นหน่วยที่มีศักยภาพ ในการปฏิบัติภารกิจทุกรูปแบบ ให้ปรากฏผลสัมฤทธิ์ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกองทัพ และประเทศชาติต่อไป

ในหลวงโปรดเกล้าฯ ให้ องคมนตรีเชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค มอบแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา

วันนี้(4 ต.ค.64) ที่หอประชุมโรงเรียนโนนไทยคุรุอุปถัมภ์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา พลอากาศเอกจอม รุ่งสว่าง องคมนตรี ประชุมและติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมและรายงานสถานการณ์ ทั้งนี้ องคมนตรี เชิญพระบรมราโชบายในการป้องกันและแก้ไขการเกิดภัยธรรมชาติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปกล่าวในที่ประชุม เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องน้อมนำไปแนวทางในการแก้ไขสถานการณ์ ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลอากาศเอกจอม รุ่งสว่าง องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 4,000 ถุง ไปมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอต่างๆ ซึ่งเป็นตัวแทนราษฎรที่ประสบอุทกภัย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัยและผู้ที่ได้รับผลกระทบในโอกาสนี้ องคมนตรี เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวแก่ตัวแทนราษฎรที่ประสบอุทกภัย และครอบครัวผู้ประสบอุทกภัยและได้รับผลกระทบ รวมถึงเจ้าหน้าที่ให้รับทราบ ในการนี้ องคมนตรี ลงพื้นที่เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ และได้รับผลกระทบจากอุทุกภัย ในพื้นที่อำเภอโนนไทย จำนวน 4 ครอบครัว ตลอดจนพูดคุยให้กำลังใจ ราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้
ทั้งนี้จังหวัดนครราชสีมา มีพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลจากพายุเตี้ยนหมู่ ทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 19 อำเภอ 80 ตำบล 344 หมู่บ้าน 10 ชุมชน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 15,250 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ซึ่งจังหวัดได้เข้าไปดำเนินการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันยังคงเหลือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 9 อำเภอ 37 ตำบล 174 หมู่บ้าน 5 ชุมชน
cr:สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา

ร่วมใจสู้น้ำท่วม “พินิจด้วยรัก พิทักษ์ด้วยใจช่วยชัยภูมิ”

“ ร่วมใจสู้ ภัยน้ำท่วม ช่วยสถานพินิจฯ ชัยภูมิ เพื่อเด็กและเยาวชน ”
จากสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดชัยภูมิ “ อ่วมรอบ 50 ปี เจอวิกฤตหนักสุด ”
จากพื้นที่รับอิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมครั้งใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2564 ถึงปัจจุบัน สร้างความเสียหายบ้านเรือนประชาชนและส่วนราชการชัยภูมิเดิอดร้อนหนักอันรวมสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดชัยภูมิเป็นหน่วยงานช่วยเหลือ,คุ้มครองสวัสดิ์ภาพเด็กและเยาวชนที่ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตขณะนี้

วันที่ 28 กันยายน 2564 ดร.รัตนะ วรบัณฑิต ผอ.ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 พร้อม นาย คมกฤษณ์ แสงจันทร์ ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนครราชสีมา และ นายฐิติรรัตน์ พงษ์พุทธรักษ์ รองประธานสงเคราะห์เด็กและเยาวชน สำหรับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมา และ เจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ
นครราชสีมา ร่วมมอบสิ่งของกำลังใจโดย นางสาว สุมณฑา เกตุมณี ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดชัยภูมิต้อนรับพร้อมคณะเยี่ยมชมดูสถานที่และการเตรียมการรองรับสถานการณ์น้ำท่วมภายในหน่วยงานด้านต่างๆ อาทิ ห้องพิจารณาคดี , แก้มลิงพื้นที่สถานพินิจเด็กและเยาวชนที่กำกับดูแล พร้อมคณะนำสิ่งของอาหารแห้ง , ข้าวสาร , เวชภัณฑ์ยา และ ผลไม้ต่างๆ

ดร. รัตนะ วรบัณฑิต กล่าวการมาเยี่ยมครั้งนี้ด้วยความรู้สึกเห็นใจในความเดือดร้อนของน้องๆเสมือนญาติพี่น้องครอบครัวเดียวกันจึงนำความช่วยเหลือเบื้องต้นมาดูแลความเป็นอยู่ช่วยเหลือกัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและกล่าวแนะนำการทำงานสร้างขวัญกำลังใจ พร้อมยินดีช่วยเหลือคณะเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ด้วยรักและห่วงใย เราจะสู้วิกฤตนี้ผ่านไปด้วยกันแม้จะเจอวิกฤตหนัก 2 ด้าน สถานการณ์ติดเชื้อโควิด19 และภัยพิบัติทางน้ำก็ตาม

การประชุมเสวนากำหนดแนวทางการป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและการป้องกันอุบัติเหตุในการจราจร และพิธีลงความร่วมมือ (IMOU)

การประชุมเสวนากำหนดแนวทางการป้องกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและการป้องกันอุบัติเหตุในการจราจร และพิธีลงความร่วมมือ IMOU)ตาม “โครงการบูรณาการความร่วมมีอระหว่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมากับ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ในการกำหนดพื้นที่ปลอดภัย Safety Zoneในจังหวัดนครราชสีมา”
วันจันทร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๓๐ น.ณ ห้องประชุมลำตะคอง ขั้น3 โรงแรมแคนทารี ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมืองอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
โดย ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศลายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ท่าน พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา สบ ๙ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3.และท่านผู้มีเกียรติ ทุกท่าน

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) ระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา /กับตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ในวันนี้จังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองใหญ่ มีศักยภาพในทุกๆ ด้าน ครบทั้งทรัพยากรทางธรรมชาติและภูมิอากาศที่เอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาเมืองการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เป็นภารกิจหนึ่งที่ทุกภาคส่วนต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน/ ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้เล็งเห็นความสำคัญในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนความเชื่อมั่นในการลงทุน ซึ่งเศรษฐกิจจะพัฒนาได้ต้องเชื่อมั่นในความปลอดภัยเป็นอันดับแรก
วัตถุประสงค์ของโครงการ
๑.เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล /นโยบายของจังหวัดนครราชสีมา นโยบายของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๓ และนโยบายของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา
๒.เพื่อบูรณาการการทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนทั่วไป / และประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา โดยถือประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นสำคัญ
๓.เพื่อสร้างความเข้มแข็งในระบบรักษาความปลอดภัย ให้มีความพร้อมสามารถป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ปัญหาทางสังคม ที่อาจจะเกิดขึ้น /ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและมีมาตรฐานในระดับสากล
๔.เพื่อสร้างความตระหนักด้านการรักษาความปลอดภัย ในองค์กรพร้อมเตรียมรับการเข้าสู่ยุคประเทศไทย ๔.๐ / โดยสามารถใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดงบประมาณ ดำเนินการ ดังนี้
ปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๔ จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ครอบคลุม ๑๐ อำเภอ
นำร่อง ได้แก่

(๑) อำเภอปากช่อง

(๒) อำเภอด่านขุนทด

(๓) อำเภอสีคิ้ว
(๔) อำเภอสูงเนิน

(๕) อำเภอเมือง
(๖) อำเภอโนนสูง
(๗) อำเภอคง
(๘) อำเภอโนนแดง

(๙) อำเภอสีดา
(๑๐) อำเภอบัวลาย
ปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ จำนวน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ พ.ศ.๒๕๖๖จำนวน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ครอบคลุมพื้นที่ ๓๒ อำเภอ รวม ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ดังนั้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและมีความปลอดภัย โดยการลดโอกาส ลดปัจจัยเสี่ยง และความล่อแหลมต่อการเกิดอาชญากรรมในเขตพื้นที่ เพื่อเป็นการป้องปรามอย่างเป็นรูปธรรม/และบังเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ ตานโยบายรัฐบาล และนโยบายจังหวัดนครราชสีมา /ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา จึงได้จัดทำโครงการบูรณาการความร่วมมือ/ระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กับตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เพื่อกำหนดพื้นที่ปลอดภัย(Safety Zone) ในจังหวัดนครราชสีมา โดยแบ่งภารกิจในการดำเนินงาน/ ตามความถนัดและเหมาะสมอีกด้วย

เฝ้าระวังสถานการณ์มวลน้ำ สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำลำเชียงไกร(26-27กย.64)

ล่าสุด เช้าวันนี้ (27 ก.ย.64) ระดับน้ำในอ่างฯ ลดลง 30 ซม. (เริ่มลดลงเวลา 1:00) และเหลือถึงระดับสันทำนบดิน อ่างฯ 60 ซม.
หมายถึง ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างฯ ประมาณ 400-500 ลบ.ม.ต่อวินาที < (ลดลง/น้อยกว่า) ปริมาณน้ำที่ไหลออกจากทุกช่องทาง (ช่อง river outlet ซ้าย/ขวา , กาลักน้ำ /สูบน้ำ ,รถสูบซิ่ง ,ทางระบายน้ำฉุกเฉินขวา (Emergency Spillway) ,และช่องบ่อก่อสร้าง ประตูระบายน้ำ( Service Spillway)
• จึงยังไม่ต้องตัดคันทำนบดินอ่างฯ จุดอื่นเพิ่มการระบายอีก

ระดับน้ำในอ่างฯ ทรงตัวและลดลง ทำให้ ไม่เกิดล้นข้ามทำนบดินสันของอ่าง ในลักษณะพังทลาย หรือเขื่อนแตก
สามารถบริหารน้ำออกอ่างฯให้มากกว่าหรือเท่ากับน้ำเข้าอ่างฯ รักษาความปลอดภัยเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ พ้นวิกฤติ และบรรเทาความเสียหายด้านท้ายน้ำ
ยังต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่ยังคงไหลลงมาจากตอนบน ห้วยสามบาท ที่ไหลลงมาอย่างต่อเนื่องต่อไป
สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำลำเชียงไกรในวันที่26 กันยายน 2564
.
อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ตอนบน อ.ด่านขุนทด มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 9.029 ล้าน ลบ.ม. หรือ 141.95 % ที่ระดับเก็บกัก (8.40 ล้าน ลบ.ม.)
เมื่อวานน้ำไหลลงอ่าง 12.79 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำออกผ่านทางระบายน้ำฉุกเฉิน (Emergency Spillway) 11.194 ล้าน ลบ.ม.
แนวโน้มทรงตัวแล้วลดลง
อ่างเก็บน้ำห้วยปราสาทใหญ่ อ.ด่านขุนทด มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 9.029 ล้าน ลบ.ม. หรือ 103.78 % ที่ระดับเก็บกัก (8.70 ล้าน ลบ.ม.)
เมื่อวานน้ำไหลลงอ่าง 2.069 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำออก –
แนวโน้มเพิ่มขึ้น ล้นทางระบายน้ำฉุกเฉิน

อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ตอนล่าง อ.โนนไทย มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 41.96 ล้าน ลบ.ม. หรือ 151.49 % ที่ระดับเก็บกัก(27.70 ล้าน ลบ.ม.)
เมื่อวานน่ำไหลลงอ่างฯ 9.925 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำออกทั้งหมด 4.487 ล้าน ลบ.ม.
แนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

อ่างเก็บน้ำหนองกก อ.พระทองคำ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 2.97 ล้าน ลบ.ม. หรือ 117.96 % ที่ระดับเก็บกัก (2.50 ล้าน ลบ.ม.)
เมื่อวานน้ำไหลลงอ่าง ล้าน 0.045 ลบ.ม. ระบายน้ำออกผ่านทางระบายน้ำฉุกเฉิน (Emergency Spillway) 0.219 ล้าน ลบ.ม.
แนวโน้มทรงตัวแล้วลดลง
ปริมาณน้ำในลุ่มน้ำที่เกิดจากปริมาณน้ำฝน 50 -150 มม. ที่ตกในลุ่มน้ำจากอิทธิพลพายุโซนร้อน”เตี้ยนหมู่”
มีปริมาณน้ำท่า ไม่น้อยกว่า 50 ล้าน ลบ.ม. รวมกับลำน้ำสาขาต่างๆ และปริมาณน้ำในพื้นที่ที่ค้างอยู่ โดยที่อ่างเก็บน้ำทั้งหมด ทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก เกินความจุทั้งหมดแล้ว ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งลุ่มน้ำ

/โครงการชลประทานนครราชสีมา