Appropriate Technology Matching Day 2024

กระทรวง อว. หนุน บพท. ร่วมกับเครือข่าย มรภ.และ มทร.ทั่วประเทศ จัดแสดงผลงานเทคโนโลยีพร้อมใช้ เกือบ 2,300 ผลงาน จากภูมิปัญญานักวิจัยไทย ในงาน“Appropriate Technology Matching Day 2024” 4 ภูมิภาค ปูรากฐานสำคัญของการพึ่งพาตัวเองด้านเทคโนโลยี และขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวข้ามกับดักความยากจน ไปสู่ความมั่นคง-มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน 

       กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย น.ส. ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีกระทรวง อว. มีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดนำเทคโนโลยีพร้อมใช้ จำนวน 2,289 ผลงาน ไปช่วยชุมชน โดยให้หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ขับเคลื่อนงานดังกล่าว โดยมีเป้าหมายในระยะถัดไปที่จะเปิดตัว Technology and Innovation Library ซึ่งจะเป็นระบบรวบรวมข้อมูลฝั่งชุมชนกับข้อมูลเทคโนโลยีพร้อมใช้ รวมทั้งข้อมูลนวัตกรชุมชนให้เกิดการขยายผลไปทั่วประเทศ

     ดร.กิตติ  สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 9-24 พฤษภาคมนี้ บพท.จะร่วมกับเครือข่าย มรภ. 38 แห่งและเครือข่าย มทร. 9 แห่งทั่วประเทศ จัดแสดงผลงานการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพร้อมใช้ ใน 4 ภูมิภาค ภายใต้ชื่องาน “เทคโนโลยีพร้อมใช้ เพื่อชุมชนไทยยั่งยืน” หรือ “Appropriate Technology Matching Day 2024” ครอบคลุมทั้งภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง เพื่อให้ผู้สนใจทุกภาคส่วนได้รับชมและนำไปต่อยอดขยายผลการใช้ประโยชน์ในวงกว้าง

       โดยกำหนดจัดขึ้นครั้งแรกที่ภาคใต้ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำหรับครั้งที่ 2 โซนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดขึ้นที่โรงแรมดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ มุ่งเน้นการถ่ายทอดและจับคู่นวัตกรรมพร้อมใช้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นผลงานวิจัยคัดสรรมาจัดแสดงและเปิดพื้นที่การเรียนรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มคนจนฐานราก เกษตรกร กลุ่มอาชีพ และผู้ประกอบในพื้นที่ ได้พบปะกับนักวิจัยของ 2 เครือข่ายมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย มรภ.ในภาคอีสาน ทั้ง 11 แห่ง ได้แก่  มรภ.มหาสารคาม สุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ นครราชสีมา สกลนคร อุบลราชธานี  เลย อุดรธานี ศรีษะเกษ ร้อยเอ็ด และเครือข่าย มทร. 5 แห่ง ได้แก่        วิทยาเขต นครราชสีมา ขอนแก่น สุรินทร์ สกลนคร และร้อยเอ็ด

        ภายในงานมีการแสดงเทคโนโลยีพร้อมใช้ 70 ผลงาน จากเครือข่ายมหาวิทยาลัยมทร.และมรภ. ซึ่งมีการเชื่อมโยงการใช้งานจริงกับ 13 กลุ่มวิสาหกิจชุมชมและผู้ประกอบการในชุมชน ขณะที่มีผู้เข้าร่วมงานในวันนี้ที่มีส่วนร่วมกันคิดค้นและประมวลองค์ความรู้ให้ตรงกับโจทย์ปัญหาและความต้องการที่เหมาะสมกับภูมิสังคมเศรษฐกิจของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมจำนวนกว่า 400 คน  โดยประเภทของเทคโนโลยีพร้อมใช้ มีด้วยกันหลายประเภท อาทิ นวัตกรรมอาหารสัตว์ชุมชน จากเศษวัสดุการเกษตรที่เป็นฐานทรัพยากรในท้องถิ่น ระบบการนึ่งข้าวฮางประสิทธิภาพสูงด้วยไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวมวลเครื่องคัดแยกเมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกคุณภาพสูง เทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการผลิตเส้นไหมและการเตรียมเส้นไหม เครื่องผลิตเส้นไหมพุ่งแบบครบวงจร ระบบการบริหารจัดการน้ำแบบอัตโนมัติ ตู้ควบคุมอัตโนมัติสำหรับเกษตรแปลงใหญ่ รวมไปถึงกระบวนการบริหารจัดการเกษตรแปลงใหญ่ ที่ประสบความสำเร็จในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ฯลฯ ซึ่งจะกระตุ้นและจุดประกายความคิดให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ รวมทั้งเกิดการจับคู่นำเทคโนโลยีพร้อมใช้กว่า 200 คู่นวัตกรรม ที่สามารถนำไปต่อยอด ตอบสนองความต้องการของชุมชน นำมาใช้จัดการปัญหาสำคัญในชุมชน หรือการสร้างโอกาสใหม่ในชุมชนหรือพื้นที่

         “งานเทคโนโลยีพร้อมใช้ เพื่อชุมชนไทยยั่งยืน นอกเหนือจะมีขึ้นที่ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ยังจะมีขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 21 พฤษภาคม และในพื้นที่ภาคกลาง ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ กรุงเทพฯ ในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้” 

          ผู้อำนวยการ บพท.กล่าวว่า งานแสดงเทคโนโลยีพร้อมใช้ เพื่อชุมชนไทยยั่งยืน จะเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และพึ่งพาตัวเองด้านเทคโนโลยีของประเทศไทย จากภูมิปัญญาการศึกษา ค้นคว้า วิจัยและพัฒนาของนักวิจัยในสถาบันอุดมศึกษา โดยมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมพร้อมใช้ที่เหมาะสมเป็นเครื่องมือ และมีกลไกกระบวนการความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายในพื้นที่เป็นพลังขับเคลื่อน เพื่อนำสู่เป้าหมายการพัฒนาคน พัฒนาพื้นที่ ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างความอยู่ดีกินดีแก่ประชาชน และสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชนในแต่ละพื้นที่ ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ

งานแถลงข่าวเศรษฐกิจอีสานสัญจร ณ จ.นครราชสีมา ปี 2567

      วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมโคราช 2 โรงแรมเซ็นทารา จังหวัดนครราชสีมา ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท. สภอ.) ได้จัดงานแถลงข่าวเศรษฐกิจภาคอีสาน ประจำไตรมาส 1 ปี 2567 หัวข้อ เหลียวหลัง…แลหน้า…เศรษฐกิจการเงินอีสาน

โดยเป็นการแถลงข่าวสัญจรครั้งแรก สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ บทบาทหน้าที่ของ ธปท. ภาคอีสาน ได้แก่

1) จับชีพจรเศรษฐกิจการเงินในพื้นที่ รับฟังและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน 

2) สร้างองค์ความรู้วิชาการเพื่อตอบโจทย์ในพื้นที่

3) ผลักดันนโยบาย ธปท. ให้กับพื้นที่

4) เป็นตัวกลางความร่วมมือกับทุกภาคส่วน

5) สนับสนุนให้คนอีสานมีความรู้ทางด้านการเงินและเท่าทันภัยการเงิน โครงสร้างเศรษฐกิจภาคอีสาน

 

1) ภาคเกษตรเป็นเส้นเลือดหลักของคนอีสาน มีแรงงานในภาคนี้ถึงร้อยละ 53 ของผู้มีงานทำในภาคอีสาน ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมีแรงงานเพียงร้อยละ 7

2) ภาคเกษตรส่วนใหญ่พึ่งฟ้าพึ่งฝน และความสามารถในการทำเกษตรลดลง 

3) รายได้ไม่เพียงพอรายจ่ายในภาคครัวเรือน นำไปสู่ปัญหาหนี้ จากโครงสร้างดังกล่าวจึงทำให้เศรษฐกิจภาคอีสานต่างจากประเทศ 

 

         ปี 2566 เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวจากการบริโภคและท่องเที่ยว ขณะที่เศรษฐกิจภาคอีสานหดตัว ตามการบริโภคจากรายได้ที่ลดลงทั้งในและนอกภาคเกษตร หมดมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ และค่าครองชีพยังอยู่ในระดับสูง แม้การท่องเที่ยวฟื้นตัวแต่ช่วยสนับสนุนได้น้อยเพราะมีเพียงไม่เกินร้อยละ 3 ของเศรษฐกิจ เศรษฐกิจภาคอีสาน โดยภาพรวมเศรษฐกิจ ไตรมาส 1 ปี 2567 อ่อนแรงต่อเนื่องจากปี 2566 จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐลดลง ค่าครองชีพในสินค้าหมวดอุปโภคบริโภคยังอยู่ในระดับสูง และตลาดแรงงานอ่อนแอลงจากผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรลดลง 

         นอกจากนี้ ยังเห็นสัญญาณเปราะบางต่อเนื่องจากปี 2566 และกำลังซื้อมีความเปราะบางมากขึ้น ในหมวดสินค้าคงทนโดยเฉพาะรถกระบะหดตัวสูง และยอดขายบ้านในระดับกลางและล่างลดลงต่อเนื่อง จากรายได้ที่ลดลง รวมทั้งความระมัดระวังในการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน อย่างไรก็ดี มีปัจจัยช่วยพยุงการบริโภคได้บ้างจากผลของราคาผลผลิตเกษตรที่ดี และการท่องเที่ยวที่มีผู้เยี่ยมเยือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2566

         ระยะถัดไป เศรษฐกิจภาคอีสานคาดว่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัว จากงบประมาณภาครัฐปี 2567 ที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งคาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้หลังไตรมาส 2 ทำให้ภาคการค้า การก่อสร้างตามการลงทุนของรัฐเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 รายได้เกษตรกระจายตัวมากขึ้นจากผลดีของภัยแล้งที่คลี่คลายในช่วงหลังของปี 2567 คาดว่าจะส่งผลดีต่อผลผลิตข้าว การผลิตเพื่อการส่งออกในหมวดอาหารแปรรูปและเครื่องแต่งกายมีแนวโน้มฟื้นตัวดี และการท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหม่ ๆ เข้ามากระจายหลายจังหวัดเพิ่มมากขึ้น

คว้าแชมป์ไทยลีก2​ สวาทแคท นครราชสีมา

#คว้าแชมป์ไทยลีก2 #สวาทแคท  #กลับขึ้นสู่ลีกสูงสุด “สวาทแคท” นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เปิดบ้านชนะ หนองบัว พิชญ พร้อมคว้าแชมป์ไทยลีก 2 และกลับสู่ลีกสูงสุดโดยใช้เวลาเพียงซีซั่นเดียว

วันที่ 20 เมษายน 2567 เวลา 18.30 น. ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 2 ฤดูกาล 2023/24 นัดรองสุดท้ายของฤดูกาล  “สวาทแคท” นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ทำศึกอีสานดาร์บี้ เปิดบ้านพบ “พญาไก่ชน”หนองบัว พิชญ เอฟซี 

ท่ามกลางแฟนบอลที่มาเชียร์เต็มความจุสนามกว่า 24,500 คน ซึ่งคู่นี้นั้นจับมือกันเลื่อนชั้นแบบอัตโนมัติสู่ไทยลีกไปแล้ว โดยเป็นการแย่งแชมป์ ปรากฏว่า นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี โชว์ฟอร์มได้เหนือกว่า ชนะไป 3-0  โดยได้ประตูจาก เดย์วิสัน เฟอร์นานเดส 2 ประตู และณัฐวุธ เจริญบุตร 

ส่งผลให้คว้าแชมป์ไทยลีก 2 ฤดูกาลนี้ไปครองแม้จะเหลือการแข่งขันนัดสุดท้ายในการไปเยือน จันทบุรี เอฟซี ก็ตามเนื่องจาก นครราชสีมา มีผล Head To Head ที่ดีกว่า หนองบัว พิชญ และถือเป็นแชมป์แรกในรอบ 10 ปี สำหรับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และหนองบัว พิชญ เอฟซี  เพิ่งตกชั้นจากไทยลีก 1 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

โดยหลังจบเกม “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นผู้มอบถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล 5 ล้านบาท.

พิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างการรับรู้เรื่องพิษภัยของกระท่อม ในเขตเทศบาลนครบครราชสีมา

พิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างการรับรู้เรื่องพิษภัยของกระท่อมในเขตเทศบาลนครบครราชสีมา

วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๗ ณ โรงแรมโคราชโฮเต็ล โดย นายประเสริฐ บุญขัยสุข นายกเทศมนตรีนครบครราชสีมา 

เรียน ท่านเทวัญ ลิปดพัลลก ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และผู้มีเกียรติทุกท่าน ในนามผู้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการสร้างการรับรู้เรื่องพิษภัยของกระท่อม ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา กระผมขอขอบพระคุณท่านที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเป็นอย่างสูงที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมฯ ในวันนี้

    จากพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายยาเสพติดที่ได้มีการยกเลิกการกำหนดให้พืชกระท่อมเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่  โดยสามารถนำมาเป็นพืชเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลนั้น ทำให้มีการประกอบการด้านพืชกระท่อมอย่างแพร่หลาย กอปรกับปัจจุบันการเข้าถึงกระท่อมของเด็ก เยาวชน และประชาชนมีแนโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะมีการใช้น้ำต้มใบกระท่อมที่ไม่เหมาะสม มีการผสมสารต่างๆ เข้าไป ทำให้เกิดอาการหลอนทางจิตประสาท เกิดปัญหาต่างๆตามมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางสุขภาพ ปัญทาทางสังคม สาเหตุหนึ่งเกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องพืชกระท่อม เช่น กรณีน้ำต้มใบกระท่อมสามารถต้มดื่มทานเองที่บ้านได้แค่ห้ามจำหน่ายจ่ายแจกให้กับบุคคลอื่น และผู้ที่มีอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร หรือการใช้น้ำต้มใบกระท่อม/ใบกระท่อมที่ไม่ถูกวิธี คือ การไม่เอาก้านออกแล้วนำไปต้มในอัตราส่วนที่ไม่ปลอดภัย ทำให้เกิดพิษภัยจากกระท่อมตามมา

สำหรับเทศบาลนครนครราชสีมาได้ร่วมกับทีมบูรณาการของจังหวัดนครราชสีมาออกตรวจสถานประกอบจำหน่ายน้ำต้มใบกระท่อม เพื่อสร้างการรับรู้แก่ผู้ประกอบการให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และในวันนี้สำนักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครนครราชสีมา ได้เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องให้แก่แกนนำชุมชน และประชาชน จึงจัดการอบรมฯ ครั้งนี้ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แกนนำด้านสุขภาพได้รับรู้และเข้าใจถึง พ.ร.บ.พืซกระท่อม รวมทั้งโทษพิษภัยจากการใช้กระท่อมที่ไม่เหมาะสม เพื่อที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเฝ้าระวังและจัดการสุขภาพภาคประชาชนในชุมชนต่อไป

โคราชประกอบพิธีตักบาตรพระสงฆ์10,000 รูป ทำบุญเมืองครบรอบ 556 ปี

โคราชประกอบพิธีตักบาตรพระสงฆ์10,000 รูป ทำบุญเมืองครบรอบ 556 ปี

วันนี้ (2 มี.ค.67) เวลา 06.00 น. ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา  พระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสบึง พระอารามหลวง ประธานสงฆ์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานฝ่ายฆราวาสและพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา นับหมื่นคน  ร่วมกันตักบาตรพระสงฆ์ 10,000 รูป สมโภชเมืองนครราชสีมา 556 ปี

ถวายเป็นพุทธบูชา น้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผู้สถาปนาเมืองนครราชสีมา และอุทิศส่วนกุศลแด่ท้าวสุรนารี วีรสตรีเมืองโคราช 

ภายในงานพุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันกล่าวคำแสดงตนเป็นพุทธมามกะ อาราธนาศีล 5 บำเพ็ญทักษิณานุปทาน ทอดผ้าบังสุกุล คณะสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์สมโภชเมืองนครราชสีมา จากนั้นเป็นพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 10,000 รูป

เพื่อนำข้าวสารอาหารแห้งที่ได้จากการบิณฑบาตในครั้งนี้ไปบรรเทาความเดือดร้อนของคณะสงฆ์ 323 วัดใน 4 จังหวัดภาคใต้ พร้อมทั้งช่วยเหลือครูและทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้ และมอบช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาที่ประสบความเดือดร้อนจากภัยต่างๆ เป็นสาธารณะสงเคราะห์ 

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเปิดเผยว่า งานตักบาตรพระหมื่นรูป ทำบุญเมืองนครราชสีมา เป็นการปลูกฝังคุณธรรม ความกตัญญูแก่เยาวชนลูกหลานชาวโคราช เป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา รักษาประเพณีอันดีงามของชาวพุทธ

อีกทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมา ผมขอกราบขอบพระคุณคณะสงฆ์ทุกรูปที่เมตตามาเป็นเนื้อนาบุญ ขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคีเครือข่าย เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครทุกฝ่ายที่ให้การสนับสนุนในการจัดงานครั้งนี้ ขออนุโมทนาบุญกับผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่ทำให้เกิดภาพประวัติศาสตร์ที่งดงามของจังหวัดนครราชสีมาในวันนี้

เดิน วิ่ง ปั่น ฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี 2567 TOUR OF KORAT #9

เดิน วิ่ง ปั่น ฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี 2567 TOUR OF KORAT #9

เดิน วิ่ง ปั่น ฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี 2567 TOUR OF KORAT #9

                             เดิน วิ่ง ปั่น ฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี 2567 TOUR OF KORAT #9  

                                          วัน อาทิตย์ ที่ 31 มีนาคม 2567

ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาร่วมกิจกรรมงานฉลองชัยชนะท้าวสุรนารีประจำปี 2567 ด้วยกีฬาเดิน วิ่ง ปั่น รำลึกวีรสตรีอันยิ่งใหญ่ของคนโคราช เตรียมพบกับเส้นทางวิ่ง – จักรยานสร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมแข่งขันจากทั่วประเทศ พบกับการบริการจากบูธส่งเสริมสุขภาพกว่า 40 บูธ จากภาครัฐและภาคเอกชน

                 ณ ตลาดน้ำบึงหัวทะเล ( เทศบาลตำบลหัวทะเล ) ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา

                      🚩 ประเภทที่เปิดรับสมัคร
🧡 ระยะทาง 5 กิโลเมตร 499 บาท / ปล่อยตัว 05.00 น. / คัตออฟ 2 ชั่วโมง
🧡 ระยะทาง 10 กิโลเมตร 499 บาท / ปล่อยตัว 05.00 น. / คัตออฟ 2 ชั่วโมง

💚 จักรยานใจเกินร้อย ระยะทาง 14 กิโลเมตร 499 บาท / ปล่อยตัว 07.30 น.
💚 จักรยานใจเกินร้อย ระยะทาง 60 กิโลเมตร 499 บาท / ปล่อยตัว 07.15 น.

🚩สมัครออนไลน์ได้ที่ : เพจเดินวิ่งปั่นฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี2567
Line ID : 064-5905878
< ปิดรับสมัคร : วันที่ 5 มีนาคม 2567 หรือจนกว่าจะครบ 1,000 คนแรก >เดินวิ่งปั่นฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี2567

        🏆 รางวัล
กลุ่มอายุ แบ่งประเภทชาย/หญิง
– Over All ไม่จำกัดอายุ , ไม่เกิน 19 ปี , 20-29 ปี , 30-39 ปี , 40-49 ปี , 50-59 ปี , อายุ 60 ปี ขึ้นไป.
ผู้ชนะในกลุ่มอายุ อันดับ 1-3 ชายและหญิง จะได้รับถ้วยรางวัล , เหรียญรางวัลชนะเลิศ 1-5 และเงินรางวัล 500,300,200 บาท 3 อันดับแรกตามลำดับรุ่นทุกรุ่น
– ผู้ชนะในรุ่น Over All ( ไม่จำกัดอายุ ) ชาย/หญิง อย่างละ 1 รางวัล

🏆 ถ้วยรางวัลประเภททีมปั่นอันดับ 1 – 30 ( ประเภททีม 10 คนขึ้นไป )
สโมสรกีฬาจักรยานจังหวัดนครราชสีมา โทร : 082-7987891

🏆 ถ้วยรางวัล แฟนซีประเภทบุคคล อันดับที่ 1 – 10 และประเภททีม อันดับที่ 1 – 10
***ผู้ที่ได้รับรางวัลประเภททั่วไปแล้ว จะไม่ได้รับสิทธิ์ในการรับรางวัลของประเภทรุ่นอายุ

   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
☎️ เบอร์โทร : 064-5905878 , 044-266667

เพจFACEBOOK : เดินวิ่งปั่นฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี2567

โคราช 555 ปี คนดีศรีวัฒนธรรม Soft Power @ Korat

กรมส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดนครราชสีมา ส่งเสริมคุณค่าเครือข่าย หน่วยงาน องค์กรร่วมงาน “โคราช 555 ปี คนดีศรีวัฒนธรรม Soft Power @ Korat”

 วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.00 น. นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดงาน “โคราช 555 ปี คนดีศรีวัฒนธรรม Soft Power @ Korat” เนื่องในโอกาสสมโภชเมืองนครราชสีมา ครบรอบ 555 ปี

พร้อมมอบโล่และประกาศเกียรติคุณให้แก่บุคคลและหน่วยงานกิตติมศักดิ์ในการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมของจังหวัดนครราชสีมา ณ ห้อง MCC Hall ชั้น 3 เดอะมอลล์ โคราช โดยมีนายนายสามารถ สุวรรณมณี ปลัดจังหวัดนครราชสีมา กล่าวต้อนรับ นางเอมอร ศรีกงพาน ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวรายงาน และมีผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม แขกผู้มีเกียรติ หน่วยงานราชการ เอกชน และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม

  นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ให้เกียรติมอบประกาศเกียรติคุณ ให้กับศิลปินสร้างสรรค์งานประติมากรรมเครื่องปั้นดินด่านเกวียนและงานจิตกรรม ร่วมส่งเสริม สนับสนุน การขับเคลื่อนงานศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น และหน่วยงาน/องค์กร สนับสนุนกิจกรรม “1 หน่วยงาน 1 Soft Power”

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การจัดนิทรรศการผลงานสร้างสรรค์งานประติมากรรมเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน 60 ชิ้นงาน และงานจิตรกรรมจากศิลปิน เกี่ยวกับเรื่องราวของจังหวัดนครราชสีมา 100 กว่าชิ้นงาน ภาพวาดจากศิลปินทั้งในและต่างประเทศ กิจกรรมการยกย่องเชิดชูเกียรติมอบโล่และเกียรติบัตรผู้ทำคุณประโยชน์ด้านวัฒนธรรม ซึ่งเป็นศิลปินและเครือข่ายทางวัฒนธรรมระดับจังหวัดและอำเภอ และการออกบูธ 1 หน่วยงาน 1 ชอฟต์พาวเวอร์ อาทิ บูธการพัฒนาเรื่องไก่โคราช บูธอาหารถิ่นสำหรับผู้สูงอายุ บูธผ้าไหมศิลปาชีพ บูธน้ำพริกหมูโคราช 1 เมนูเชิดชูอาหารถิ่น บูธวิวัฒนาการแพทย์แผนไทย บูธบริจาคโลหิตและอวัยวะดวงตา บูธผลิตภัณฑ์แปรรูป บูธ Young Smart Farmer เกษตรกรรุ่นเก่าสู่เกษตรกรรุ่นใหม่ บูธผ้าไทยใส่ให้สนุก บูธกิจกรรมส่งเสริมพุทธศาสนา วัฒนธรรม บูธตลาดน้ำบึงหัวทะเล บูธโคราชโมโนแกรม บูธจีโอพาร์คและไม้กลายเป็นหิน เป็นต้น

มีการจัดแสดงผลผลิต ข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์   สภาเกษตรกร แปรรูป แป้งมันสำปะหลัง นำมาทำกระเค้ก  ร้านขนมไทยสาธิต เมี่ยงคำโคราช รสชาดที่หายไป 1 จังหวัด 1 เมนู  และนางอรุณรัตน์ ชิงชนะ พัฒนาการจังหวัดนครราชสีมา ได้นำกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ร่วมจัดนิทรรศการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ซึ่งนำเสนอโดย กลุ่มผู้ผลิตผู้ประกอบการ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.ภาชามาไหมไทย 2.สมหวังไหมไทย 3.บริษัทเมืองย่าซิลเคน ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงเส้นทางสายไหมโคราช ที่มีความงามของผ้าไหมลายหางกระรอก สัมผัสชมกันตั้งแต่วิธีการเลือกสรรไหมอย่างดีมานำมาทอเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งไหมพันธุ์ไทยที่ให้เส้นใยแข็งแรงและเงางาม ซึ่งได้นำมาจัดแสดงและจำหน่ายในบริเวณบูธของสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครราชสีมา และ มีหน่วยงาน/องค์กร ต่าง ๆ ร่วมกิจกรรม “1 หน่วยงาน 1 Soft Power” จังหวัดนครราชสีมา

จากนั้น ประธานในพิธี และแขกผู้มีเกียรติ ได้เยี่ยมชมกิจกรรมและบูธแสดงผลงาน 1 หน่วยงาน 1 Soft Power และการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม ณ ห้อง MCC Hall ชั้น 3 เดอะมอลล์ โคราช อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

โคราชเตรียมจัดสร้างพระพุทธนครราชสีมาภิรักษ์ เนื่องในโอกาสเมืองนครราชสีมา ครบรอบ 555 ปี

โคราชเตรียมจัดสร้างพระพุทธนครราชสีมาภิรักษ์ เนื่องในโอกาสเมืองนครราชสีมา ครบรอบ 555 ปี

168971

นายสยาม ศิริมงคล  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา   เปิดเผยว่า  จังหวัดนครราชสีมา  โดยคณะกรรมการจัดงานสมโภส 555 ปี  เมืองนครราชสีมา มีมติให้จัดสร้างพระบูชาเพื่อเป็นที่ระลึก เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรกทรงเครื่องต้นอย่างพระมหาจักรพรรดิประทับบนฐานสิงห์ ซึ่งออกแบบจากการศึกษาพุทธศิลป์ที่ปรากฏในจังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่ตั้งเมืองย้อนไปเมื่อ 555 ปี ก่อน (สมัยอยุธยาตอนต้นถึงตอนปลาย) ซึ่งดำเนการออกแบบ ปั้นต้นแบบ  หล่อพระโดยอาจารย์กิตติชัย  ตรี รัตน์วิชชา  ศิลปินอิสระชาวนครราชสีมา และได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดประทานนามว่า “พระพุทธนครราชสีมาภิรักษ์” เพื่อเป็นที่สักการะบูชาแห่งพุทธศาสนิกชนสืบไป  สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสเมืองนครราชสีมา ครบรอบ 555 ปี  นำรายได้หลังหักคำใช้จ่ายไปจัดสร้างพระพุทธรูป ขนาดหน้าตัก 32นิ้ว เพื่อประดิษฐาน ณ อาคารศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา (หลังใหม่)

                                              สามารถสอบถามละเอียดเพิ่มเติมได้ที่                                                               ศูนย์ประสานงานเพื่อสาธารณะประโยชน์และการกุศลจังหวัดนครราชสีมา โทร : 044-259988 , 044-257723                             ที่ทำการปกครองจังหวัดนครราชสีมา โทร : 044-242102 , 044-244252 , 044-24202

เปิดยิ่งใหญ่ AgroFEX 2023 มหกรรมแสดงสินค้าและเทคโนโลยีชูนวัตกรรม BCG เสริมแกร่งอุตสาหกรรมเมืองโคราช

เปิดยิ่งใหญ่ AgroFEX 2023 มหกรรมแสดงสินค้าและเทคโนโลยี
ชูนวัตกรรม BCG เสริมแกร่งอุตสาหกรรมเมืองโคราช
ตั้งเป้า Business matching จับคู่ธุรกิจสุดปัง มากกว่า 900 ล้านบาท
ดึงนักธุรกิจต่างชาติ โชว์สินค้าระดับนานาชาติหลากหลายประเทศ
พบกัน 27-29 ต.ค. 66 ชั้น 4 Korat Hall เซ็นทรัล โคราช

วันที่ 28 ต.ค. 2566 ณ ชั้น 4 Korat Halll กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน(BOI) สํานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) MEETING, INCENTIVE, CONVENTIONS AND EXHIBITIONS (Mice) และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จัดงาน AgroFEX 2023 มหกรรมแสดงสินค้าและเทคโนโลยี และนวัตกรรม BCG เพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน ของอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและอุตสาหกรรมอาหาร นำโดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคุณสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คุณธิดารัตน์ รอดอนันต์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา คุณนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) ฯพณฯ หยาง ถิงถิง กงสุลฝ่ายพาณิชย์ ประจำสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดขอนแก่น ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) อาจารย์ ดร.มัลลิกา สังข์สนิท ผู้อำนวยการ เทคโนธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ผศ.ดร.ปภากร พิทยชวาล ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และคุณนิสา ชาภู่พวง ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ร่วมเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ บรรยากาศภายในงานมีแขกผู้มีเกียรติทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการ นักธุรกิจ และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

 

สำหรับ งาน AgroFEX 2023 มหกรรมแสดงสินค้าและเทคโนโลยี และนวัตกรรม BCG เพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน ของอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปและอุตสาหกรรมอาหาร เป็นที่รวมนวัตกรรมเทคโนโลยีอนาคตไว้มากกมาย พบกับ การแสดงสินค้า อุตสาหกรรมโรงงาน นวัตกรรมการเกษตร เทคโนโลยีการเกษตร Bio Circular Green Economy ผลิตภัณฑ์สินค้าออนไลน์คุณภาพจาก มทส. ผลิตภัณฑ์ สินค้าถูกและดี จากพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา กว่า 100 รายการ กิจกรรม Business matching จับคู่ธุรกิจ สุดปัง ทั้งต่างประเทศและในประเทศตั้งเป้าไม่น้อยกว่า 900 ล้านบาท ฟรีกิจกรรมสัมมนา หลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจ ที่จะมาเปิดมุมมองในการดำเนินธุรกิจ ปรับตัวอย่างไร ให้รอด การแข่งขันประกวดโครงงาน นักเรียนนักศึกษา Ideas Hack Workshop การประกวด FTI Zero Waste The Idol 2023 ฯลฯ

นอกจากนั้นการจัดงานครั้งนี้ ยังมีสถานประกอบการจากหลายประเทศ ร่วมออกบูธธุรกิจในงาน AgroFEX 2023 มากมาย อาทิ ประเทศสิงคโปร์, ประเทศมาเลเซีย, ประเทศสหรัฐอเมริกา, ไต้หวัน, ประเทศเวียดนาม ฯลฯ ถือว่าเป็นงานที่รวมกลุ่มผู้ประกอบการนักธุรกิจระดับนานาชาติ มาไว้ที่โคราช และยังสามารถต่อถึงการลงทุกจากต่างชาติ ที่ได้เข้ามาสัมผัสการลงทุนธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะโคราช มหานครสู่ภาคอีสานในอนาคตต่อไป

มาสัมผัสนวัตกรรมและเทคโนโลยีโลกอนาคตกันวันที่ 27-29 ตุลาคม 2566 ณ Korat Hall ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช

ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และสถานีตำรวจภูธรคง แถลงผลการสืบสวน

ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และสถานีตำรวจภูธรคง แถลงผลการสืบสวนจับกุมและขยายผลยึดทรัพย์คดียาเสพติดรายสำคัญ

ตามนโยบายรัฐบาลเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด

เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังทั้งระบบ โดยให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ปราบปราม แหล่งผลิตและเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด ทั้งพื้นที่แนวชายแดน และพื้นที่ตอนใน โดยให้เป็นการแก้ไขปัญหาภายในของประเทศด้วยกฎหมายไทยและหลักสากล
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ปส.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาเป็นแนวทางในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติทุกพื้นที่
ตำรวจภูธรภาค ๓ โดย พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.๓ พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.๓ /ผอ.ศอ.ปส.ภ.3 พล.ต.ต.อิทธิพล นาคคำ ผบก.ภจว.นครราชสีมา พ.ต.อ.พิษณุ วัตถุ รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.จรินทร์ จินตพละ ผกก.สภ.คง นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 3

ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวนจับกุมกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติ รวมทั้งการทำลายเครือข่ายตัดวงจรยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
พล.ต.ต.อิทธิพล นาคคำ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา และ พ.ต.อ.พิษณุ วัตถุ รอง ผบก.ฯ ได้สั่งการหน่วยในสังกัดดำเนินการอย่างจริงจังและให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม พ.ต.อ.จรินทร์ จินตพละ ผกก.สภ.คง พ.ต.ท.จักรินทร์ พวงสมบัติ รอง ผกก.สภ.คง จึงได้ระดมกวาดล้างปราบปรามยาเสพติด ของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่และจนมีผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คงได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากผ่านถนนเจนจบทิศ หมายเลข 207 ผ่าน อ.คง จว.นครราชสีมา จึงได้วางกำลังซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ตลอดเส้นทางแต่ไม่พบ จนเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๖ เวลาประมาณ ๒๓.๐๐ น. ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีรถยนต์ตกถนน จึงไปตรวจสอบพบรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแมกซ์ สีบรอนด์ ทะเบียน บธ 306 สุรินทร์ ตกอยู่ข้างทาง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ ผู้ที่มากับรถได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นภายในรถพบยาบ้าจำนวน 5 กระสอบ เป็นยาบ้าประมาณ ๒,๐๐๐,๐๐๐ เม็ด อยู่ในกระบะท้ายรถ

จัดกำลังออกตรวจติดตามผู้ที่หลบหนี

จัดกำลังออกตรวจติดตามผู้ที่หลบหนี และเชื่อว่าจะต้องออกมาหรือมีผู้มารับจากที่เกิดเหตุ ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๓๐ น. ในขณะกำลังเคลื่อนย้ายจะนำยาบ้าและรถยนต์ของกลางไปที่ สภ.คง ได้มีรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน บว 5591 สุรินทร์ ขับขี่มาจอดบริเวณที่เกิดเหตุมีชายสามคนลงมาถ่ายรูปรถคันที่ขนยาบ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มอยู่ได้แสดงตัว ชายทั้งสามคนได้วิ่งขึ้นรถยนต์ขับขี่หลบหนี แต่รถเสียหลักลงข้างทาง มีชายคนหนึ่งวิ่งหลบหนีเข้าไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบในรถพบผู้ต้องหาเป็นเยาวชนอายุ ๑๖ ปี และ ๑๔ ปี มีภูมิลำเนาอยู่ อ.ยางสีสุราช จว.มหาสารคาม ตรวจค้นภายในรถพบลูกกระสุนปืนขนาด 9 มม. นวน 11 นัด ลูกกระสุนปืน ขนาด 38 มม. จำนวน 7 นัด ปลอกกระสุนขนาด 9 มม.จำนวน 4 ปลอก ปลอกกระสุนขนาด 38 มม. จำนวน 1 ปลอก ซุกซ่อนอยู่ในรถ และจากการสอบถามเยาวชนทั้ง ๒ คน แจ้งว่า ผู้ที่หลบหนีไป ชื่อ นายทองคำ จันดาหัวดง อายุ ๒๘ ปี ภูมิลำเนาอยู่ อ.ยางสีสุราช จว.มหาสารคาม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวนายทองคำ จันดาหัวดง ได้นำส่ง พงส.ดำเนินคดี รวมยาบ้าที่ตรวจยึดได้จำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ เม็ด และรถยนต์จำนวน ๒ คัน จะได้ทำการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการและตรวจยึดทรัพย์สินต่อไป
ตำรวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้งเบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถานประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙, สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และลดปัญหายาเสพติด ในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด ต่อไป
ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนตำรวจภูธรภาค ๓ ด้วยดีเสมอมา